“บิวกิ้น พุฒิพงศ์ อัสสรัตนกุล” ถือเป็นอีกหนึ่งนักแสดงหนุ่มมากความสามารถ ที่ไม่ว่าเขาจะหยิบจับอะไรก็ประสบความสำเร็จ และทำมันออกมาได้ดีทุกอย่าง ทั้งด้านการแสดง นักร้อง นายแบบ พิธีกร ผู้บริหาร และล่าสุดกับผลงานการแสดงนำในภาพยนตร์เรื่องแรก “หลานม่า”
ประวัติ “บิวกิ้น”
“บิวกิ้น” เกิดเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2542 จบการศึกษาระดับชั้นมัธยมจากโรงเรียนเซนต์คาเบรียล จบปริญญาตรี คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (หลักสูตรนานาชาติ) ด้วยเกียรตินิยมอันดับสอง ใช้เวลาเรียนแค่ 3 ปีครึ่ง มีพี่น้องทั้งหมด 3 คน โดย บิวกิ้น เป็นน้องคนสุดท้อง
เส้นทางของ “บิวกิ้น” ในวงการบันเทิง
“บิวกิ้น” เข้าสู่วงการบันเทิงจากการเป็นนักแสดงในสังกัด นาดาว บางกอก จากนั้นก็มีงานถ่ายแบบ งานโฆษณา ก่อนเข้าสู่วงการแสดงซีรีส์ และแจ้งเกิดจากการรับบทหมอเต่า ในซีรีส์My Ambulance รักฉุดใจนายฉุกเฉิน ก่อนรับบทเต๋ ในซีรีส์ แปลรักฉันด้วยใจเธอ คู่กับคู่จิ้นมากความสามารถอย่าง “พีพี กฤษฏ์ อำนวยเดชกร” จนโด่งดังเป็นพลุแตกทั้งในประเทศไทย และต่างประเทศ
นอกจากประสบความสำเร็จในฐานะนักแสดงแล้ว “บิวกิ้น” ยังประสบความสำเร็จในฐานะนักร้อง ด้วยเสียงร้องที่เพราะจับใจ ส่งผลให้ “บิวกิ้น” มีผลงานเพลงที่ทยอยปล่อยออกมาอีกเรื่อยๆ จนเป็นที่ยอมรับในวงการดนตรี การันตีด้วยการติดชาร์ตในหลายแพลตฟอร์ม และล่าสุดยังสร้างประวัติศาสตร์ “BILLKIN TEMPO TOUR 2024” คนไทยคนแรกกับการขายบัตรคอนเสิร์ตที่จัดขึ้นในสเตเดียมจุคนได้จำนวน 60,000 ที่นั่ง ในประเทศจีน SOLD OUT ภายในเวลาไม่ถึงชั่วโมง อีกทั้งยังทำให้เพลงไทยเป็นซอฟต์พาวเวอร์ ที่คนจีนร้องตามได้กระหึ่มสเตเดียม ด้วยความสามารถ และศักยภาพของ “บิวกิ้น” ทำให้ผลงานของเขาเป็นที่ประจักษ์ด้วยการเดินสายรับรางวัลอีกมากมาย
เส้นทางของ “บิวกิ้น” ยังคงเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง เขายังได้สานต่อสิ่งที่ได้เรียนมา กับการขึ้นแท่น CEO เปิดบริษัทในนาม Billkin Entertainment ซึ่งเป็นบริษัทที่ดูแลตัว “บิวกิ้น” เองในฐานะศิลปินและนักแสดง และเป็นบริษัทรับผลิตงานอื่นๆ ด้วย
“หลานม่า” ภาพยนตร์เรื่องแรกของ “บิวกิ้น”
ล่าสุด “บิวกิ้น” ได้ท้าทายความสามารถในอีกขั้นของงานการแสดง กับการแสดงนำในภาพยนตร์เรื่องแรกในชีวิต “หลานม่า” ภาพยนตร์จากค่าย GDH กับการรับบท เอ็ม เด็กหนุ่มที่เกิดมาในครอบครัวคนจีน ยึดการแคสเกมเป็นอาชีพหลัก แต่เหมือนเส้นทางที่เลือกจะไม่เป็นอย่างที่เขาหวังไว้ จนมารู้ข่าวว่าอาม่ากำลังป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย เลยเลือกที่จะมาดูแลอาม่าเพื่อหวังว่าตนจะเป็นหลานรักอันดับหนึ่ง และในท้ายที่สุดจากการเข้ามาเพื่อหวังผลประโยชน์ กลับกลายเป็นความสัมพันธ์ที่ตัวละคร เอ็ม ไม่เคยสัมผัสมาก่อน
“บิวกิ้น” ได้เล่าเบื้องหลังการแสดงภาพยนตร์เรื่องนี้ไว้ว่า ตนเองต้องปรับลุคใหม่ทั้งหมด ทั้งการเดิน การหยิบจับ วิธีการพูด ตัดผม มุมมองความคิด หรือแม้แต่การไปเรียนรู้วิถีชีวิตของคนในชุมชนตลาดพลู หนึ่งในโลเคชั่นสำคัญของภาพยนตร์เรื่องนี้ เรียกได้ว่าเวิร์กช็อปอย่างหนัก แถมยังทุ่มสุดตัวลดน้ำหนักกว่า 10 กิโลกรัม เพื่อให้เป็นตัวละครได้อย่างเป็นธรรมชาติที่สุด
FEED ในฐานะผู้ชมท่านหนึ่ง ที่มีโอกาสได้ดูภาพยนตร์ “หลานม่า” บอกได้คำเดียวว่า “บิวกิ้น เป็น เอ็ม ได้เพอร์เฟกต์มากๆ” ในทุกซีน ทุกคำพูด ได้ผ่านการกรั่นกรองและทำการบ้านมาเป็นอย่างดี และหนึ่งสิ่งที่ “บิวกิ้น” ยังคงทำมันออกมาได้ดีเสมอ คือการสื่อสารทางสายตา แม้ในบางซีนจะไม่มีบทพูด แต่ด้วยสายตาที่สื่อสารของเขา ทำให้คนดูอิน และน้ำตาไหลตามได้แบบไม่รู้ตัว หรือไม่ว่าจะเป็นซีนที่เข้ากับอาม่า (รับบทโดย แต๋ว อุษา) ยิ่งอินและซึ้งเพิ่มทวีคูณ ทิชชู่ม้วนเดียวคงไม่พอ “บิวกิ้นว่าที่พระเอกร้อยล้าน” เชื่อว่าคงไม่ไกลเกินเอื้อม เพราะแค่เข้าฉายวันแรกในโรงภาพยนตร์ ทำรายได้ไปแล้ว 21 ล้านบาท อยากให้คนดูได้เปิดใจให้กับภาพยนตร์เรื่องนี้ นี่ไม่ใช่ภาพยนตร์ที่สร้างมาเพื่อถ่ายทอดความสัมพันธ์ของคนจีน แต่เป็นภาพยนตร์ที่สร้างขึ้นมาเพื่อสิ่งที่เรียกว่า “ครอบครัว” คำเรียบง่ายแต่ทรงพลังสุดๆ เรื่องราวไม่ได้ยัดเยียดให้ผู้ชมต้องทำหรือไม่ทำอะไร ควรค่าแก่การพาครอบครัวไปรับชม เชื่อว่าหนังเรื่องนี้จะสร้างความประทับใจให้กับผู้ชมเป็นหนังที่ดีที่สุดอีกหนึ่งเรื่องของปี 2024 นี้เลยทีเดียว