กลายเป็นเรื่องราวบานปลาย กรณีวิวาทะระหว่าง นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กับ ผู้พันปุ่น น.ต.ศิธา ทิวารี ประธานคณะกรรมการอำนวยการ และพัฒนาและเลขาธิการพรรคไทยสร้างไทย ทำให้ นพ.ชลน่าน ออกอาการไม่พอใจ จนตั้งคำถามต่อพรรคก้าวไกลในการแถลงข่าววันนี้ (24 พฤษภาคม 2566) ว่าถ้าเห็น 6 เสียงสำคัญกว่า เรา คงต้องดูตัวเองว่าสำคัญหรือไม่
FEED สรุปเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2566 ที่ห้องแกรนด์บอลลูม โรงแรมคอนราด ซึ่งเป็นการแถลงข่าวเซ็นต์ MOU ของ 8 พรรค ที่จะร่วมจัดตั้งรัฐบาล หลังการแถลงข่าวได้เปิดให้ผู้สื่อข่าวสอบถามรายละเอียด หนึ่งในนั้นคือ “ผู้พันปุ่น” ได้ลุกขึ้นสอบถามกลางวงแถลงข่าวว่า “ท่านจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับพี่น้องประชาชนว่าท่านจะยืนตัวตรง สู้กับกลไกที่เผด็จการฝังไว้ในบทเฉพาะกาล 5 ปีแรกของรัฐธรรมนูญ โดยกำหนดให้ ส.ว.มีสิทธิเลือกนายกฯ ด้วยการเซ็น Advance MOU อีก 1 ฉบับ ระบุว่า ท่านจะทำงานร่วมกัน ตามฉันทานุมัติของประชาชน ที่มีให้กับพรรคฝ่ายประชาธิปไตย ไม่ว่าท่านจะเป็นรัฐบาล หรือฝ่ายค้านร่วมกันก็ตาม” ได้หรือไม่
23 พฤษภาคม 2566 นพ.ชลน่าน ได้พูดผ่านรายการ “อยากมีเรื่องคุย” จากข่าวสดทีวี ถึงกรณีดังกล่าวว่า “ไม่สบายใจเท่าไหร่สำหรับคำถามของ น.ต.ศิธา เพราะไม่ได้เป็นสื่อมวลชน แต่ไปคาดคั้นอย่างนี้ อีกทั้งตัวเองเป็นพรรคร่วม ผมคิดว่า เสียมารยาทอย่างยิ่ง”
จากนั้น น.ต.ศิธา โพสต์ตอบโต้ว่า “แถลงข่าวเสร็จ ไปนั่งทานข้าว และพูดคุย ชนแก้วกันอย่างชื่นมื่น โดยที่คุณหมอพูดคุยกับผมตามปกติ ไม่ทราบว่าหลังจากนั้นคุณหมอโดนใครตำหนิ หรือไปรับบรีฟจากใครมา อยู่ๆ จึงงัวเงีย ออกมาพูดว่าเป็นการเสียมารยาท”
24 พฤษภาคม 2566 นพ.ชลน่าน ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนอีกครั้งว่า คุณศิธา ไม่ควรไปถามคำถามตรงนั้น เพราะคุณศิธาอยู่ในวงที่ร่วมร่าง MOU อยู่ด้วยกัน และมีส่วนในการเสนอแก้ไข และปรับปรุงตัวร่าง MOU เยอะมาก และยังระบุว่าผมไปพูดลับหลัง นั่งรับประทานอาหาร และดื่มร่วมกันทำไม ไม่พูด การมาใส่ร้ายว่าโดนไปบรีฟ นี่เป็นเรื่องใส่ร้าย ถ้าคุณยังมีพฤติกรรมเช่นนี้คิดว่าการทำงานร่วมกันคงลำบาก ถ้ายังมีเงื่อนงำ หรือเงื่อนไขอยู่ ผมก็ประกาศว่า ผมไม่สบายใจที่จะร่วมงานกับคุณศิธา ผมไม่สบายใจกับเรื่องนี้ ยกเว้นแกนหลักเขาบอกพรรคของคุณศิธา 6 เสียงมีความสำคัญ ผมก็ต้องมานั่งดูตัวเองว่าผมสำคัญหรือเปล่า
“ยอมรับจริงๆ วันนั้นผมมีอารมณ์ ลงมาก็เพียงแต่ชี้หน้าเขา คุณทำตัวให้ถูก คุณจะเป็นสื่อ หรือเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ผมตำหนิเขาเลยนะ และมากล่าวหาว่า โดนกดดันโดนบรีฟ ผมยิ่งโกรธใหญ่เลย มันหมายถึงว่า ดูหมิ่น ด้อยค่า ทั้งตัวผม และพรรคผมด้วย แต่ถ้าเขาขอโทษ ผมจบนะ เราเป็นผู้ใหญ่แล้ว”
นพ.ชลน่าน กล่าว
และก่อนที่จะเดินออกจากห้องสื่อมวลชน ผู้สื่อข่าวถามว่า “ทำไมวันนี้เดือดจัง” นพ.ชลน่าน สวนกลับมาทันทีว่า “ผมเดือดผมมีอารมณ์ ถ้าชกได้ผมชกไปแล้ว”
ด้าน น.ต.ศิธา ก็โพสต์เฟซบุ๊กอีกครั้งว่า “ขออภัย หากคำถามของผมมันล้ำหน้ามากเกินไปจนทำให้ไม่สบายใจ บอกคนรักกันเป็นแฟนกันแล้ว คิดเกินเลยไป ก็ต้องถอยหลัง ต่อไปนี้ ไม่ล้ำเส้น ไม่เร่ง ไม่บีบคั้น เรามาเดินหน้าต่อแบบพอดีๆ ไปด้วยกัน ผิดพลั้งไป ก็ต้องขอโทษ MOU = เปิดตัวเป็นแฟนกัน #AdvanceMOU = จัดงานหมั้น ร่วมรัฐบาล = แต่งงานกันเป็นครอบครัว หากคำถามของผมมันล้ำหน้า (Advance) มากเกินไป จนทำให้ไม่สบายใจ ผมต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย
และภายหลังจากที่ นพ.ชลน่าน ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน น.ต.ศิธา ก็ได้โพสต์ภาพเป็นเนื้อเพลงอีกหน่อยเธอคงเข้าใจ ขับร้องโดย ธเนศ วรากุลนุเคราะห์ ในท่อนที่ว่า “อีกหน่อยเธอคงเข้าใจ ว่าอะไรสำคัญไปกว่า แค่รักกัน อีกหน่อยซึ่งคงไม่นาน ถึงวันนั้นแล้วเธอจะเข้าใจ”
.
และอีกโพสต์ระบุว่า “พรรคไทยสร้างไทย พูดชัดเจนมาโดยตลอด ว่าเรายินดียกมือสนับสนุน ให้พรรคเพื่อไทย และ พรรคก้าวไกล ได้จับมือกันตั้งรัฐบาล ไม่ว่าเราจะเป็นฝ่ายค้าน หรือรัฐบาล หากต้องการเสียงของไทยสร้างไทยเข้าร่วมรัฐบาล แต่ติดขัดที่ตัวผม ผมยินดีลาออกจากพรรคให้ทันที ยืนยันว่าเราไม่ใช่เงื่อนไข ที่จะทำให้ ปชต. ต้องหยุดชะงัก ครับ”
