FEED เกาะกระแสเลือกตั้ง 66 ที่กำลังจะถึงในอีกไม่นาน ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเมื่อมองถึงทั้งกระแสและความเป็นคนยุคใหม่ ที่หนีไม่พ้นเลยในเวลานี้ก็คงเป็นพรรคก้าวไกลที่เรียกได้ว่ามาแรงจนหยุดไม่อยู่ วันนี้เราได้มีโอกาสได้สัมภาษณ์พิเศษกับ เรืออากาศโทธนเดช เพ็งสุข ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กรุงเทพฯ เขตลาดพร้าว พรรคก้าวไกล ที่ได้เล่าหลากหลายประสบการณ์จากรั้วโรงเรียนเตรียมทหารสู่เส้นทางสนามการเมือง รวมไปถึงเส้นทางปฏิรูปทหารที่พรรคก้าวไกลพร้อมจะคืนศักดิ์ศรีให้กับทหารไทย เรื่องทั้งหมดจะเป็นยังไง ไปติดตามกันได้เลยครับ
แนะนำตัวให้คุณผู้อ่านรู้จักกันหน่อย
ภูมิ เรืออากาศโทธนเดช เพ็งสุข : ผมชื่อภูมิ เรืออากาศโท ธนเดช เพ็งสุข เป็นผู้สมัครส.ส.ในเขตลาดพร้าว และเขตบึงกุ่ม พรรคก้าวไกล หมายเลข 7 ครับ
เล่าเส้นทางชีวิตของพี่ภูมิให้ฟังหน่อยครับ
ภูมิ เรืออากาศโทธนเดช เพ็งสุข : ภูมิหรอครับ ภูมิเติบโตมาที่ราดพร้าวครับตั้งแต่เด็ก แต่ไปเรียนที่ต่างจังหวัดมาตลอด และไปเรียน ภ.ป.ร ที่นครปฐม และก็ย้ายไปเรียนเตรียมทหารนครนายก และกลับเข้ามาเรียนที่กรุงเทพฯ อีกทีที่โรงเรียนเรืออากาศตรงดอนเมืองครับ หลังเรียนจบ ไปทำงานที่กองทัพอากาศ 2 ปี ประมาณ 2 ปีพอดี วันนั้นบังเอิญไปเจอคลิปคุณธนาธรคลิปนึงขึ้นมา เขาถามในคลิปว่า คุณอยากส่งต่ออนาคตแบบไหน ก็เลยกลับมานั่งถามกับตัวเองว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ และเราทำงานอยู่ในกองทัพเนี่ย เราได้ทำอะไรเพื่อประเทศบ้างหรือยัง แล้วอยากจะส่งต่อกองทัพแบบนี้ ให้กับนายทหารรุ่นน้องของเราจริงเหรอ มันก็เลยทำให้กระดิ่งในใจเราเกิดขึ้นครับ หลังจากนั้นผมก็เดินไปสมัครสมาชิกพรรคอนาคตใหม่ แล้วไปบอกกับเขาว่าผมขอลงส.ส.เขตลาดพร้าวได้ไหมครับ นี่คือจุดเริ่มต้นครับ บนเส้นทางการเมืองทำให้เราได้เริ่มจากวันนั้น จากอนคตใหม่จนถึงก้าวไกลครับ
ช่วยแชร์ประสบการณ์ในโรงเรียนเตรียมทหารให้ฟังหน่อยครับ
ภูมิ เรืออากาศโทธนเดช เพ็งสุข : จริงๆ ประสบการณ์ในโรงเรียนเตรียมทหาร ก็เป็นโรงเรียนมัธยมปลายโรงเรียนหนึ่ง แต่จะมีหลักสูตรการเรียนการสอนที่เกี่ยวกับวิชาทหารเพิ่มขึ้นมา และก็เป็นการฝึก จริงอยู่ครับเราอยู่กับระบบซีเนียร์ เป็นรุ่นพี่รุ่นน้องปกครองกันในลูปของทหาร ถามว่าตัวโรงเรียนมีปัญหาอะไรไหม ผมก็ต้องใช้พื้นที่ยืนยันว่าโรงเรียนเตรียมทหารไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่สิ่งที่มีปัญหาในระบบของมันคือเรื่องระบบอุปถัมภ์มากกว่า ที่มันเริ่มจากเด็กนักเรียนไปจนถึงวันที่เราเป็นนายทหารชั้นผู้ใหญ่ มันทำให้ระบบอุปถัมภ์กัดเซาะเกาะกินแล้วทำให้ระบบราชการเสื่อมถอยจนถึงทุกวันนี้ครับ
มีความสนใจส่วนตัวอย่างไรบ้าง
ปกติชอบดูรักบี้ครับ ด้วยความที่เราอยู่โรงเรียนประจำและอยู่กับกีฬารักบี้มา ก็จะดู รักบี้อยู่บ่อยๆ ชอบกินและก็ชอบท่องเที่ยวต่างประเทศบ้างเล็กน้อยครับ แต่ว่า 4 ปีมานี่ก็พยายามอยู่กับการทำงานลงพื้นที่ครับ
อาชีพทหารกับการเมืองเหมือนหรือต่างกันยังไง
ภูมิ เรืออากาศโทธนเดช เพ็งสุข : มันแตกต่างกันมากนะ แต่ว่าผมมองว่ามันสามารถเอามาประยุกต์ใช้ด้วยกันได้หลายๆอย่าง ต้องยอมรับว่าเราอยู่กองทัพมาเราทำงานเป็นแบบชั้นยศ และพอเราออกมาข้างนอก ต้องยอมรับว่าข้างนอกระยะห่างระหว่าง 2 ไฟซ์ มันกว้างกว่ากับสิ่งที่เราเคยอยู่มาทั้งกองทัพมากๆ เราอยู่กับระบบเดิมๆ เราอยู่กับชั้นยศ เราอยู่กับคำสั่งหรือการสั่งการที่เราสามารถสั่งได้ แต่ออกมาข้างนอกเป็นอีกแบบนึง แล้วยิ่งพอเรามาทำงานการเมืองที่เป็นอาสารับใช้ประชาชน เราต้องปรับ Mood and Tone ไม่ว่าจะเป็นการพูดคุย การสั่งงาน หรือว่าการสร้างทีมในการทำงาน แต่สิ่งหนึ่งที่เราเอามาประยุกต์ใช้ได้คือเรื่องความอดทน กับเรื่องของการเป็นผู้นำ อย่างการเดินหาเสียงสิ่งที่ผมรู้สึกว่ามีประโยชน์มากที่สุด คือการเดินหาเสียง มันทำให้รู้สึกว่า เอาวะอีกนิดเดียวถึงเส้นชัยแล้ว เราต้องไปถึงที่หมายของมันให้ได้ ก็หลายๆอย่างเอามาประยุกต์ใช้กันได้ครับ แต่ว่ามีทั้งเรื่องที่ดีและไม่ดี แต่เราก็ต้องเลือกสิ่งที่ดีมาใช้บ้าง สิ่งที่ไม่ดีต้องเอาเก็บไว้ครับ
พอได้มาเดินบทเส้นทางการเมืองรู้สึกอย่างไรบ้าง
ภูมิ เรืออากาศโทธนเดช เพ็งสุข : รู้สึกว่ามาถูกทางครับ โดยความที่เราชื่นชอบการเมืองตั้งแต่เด็ก ต้องยอมรับข้อหนึ่งว่าผมคิดไว้นานแล้ว ผมมีความฝันอยู่ 3 อย่าง ผมอยากเป็นนักบิน อยากเป็นนักการเมือง และก็อยากเป็นทหาร ไอ้ความฝัน 2 สิ่งแรก เคยได้ทำไปแล้ว แต่พอเราได้มาทำสิ่งที่ 3 รู้สึกว่ามันมาถูกทาง เราเคยคิดตั้งแต่เด็กหรือตอนเป็นทหาร ว่าวันหนึ่งเราจะออกมาทำงานการเมือง แล้วพอเราได้มาทำมันจริงๆ เรารู้สึกสนุกไปกับมัน ภูมิใจไปกับมัน และเรารู้สึกว่าเรากำลังอยู่บนเส้นทางที่ประชาชนคาดหวัง และเราจะให้เขาสิ้นหวังไปกับเราไม่ได้ครับ
ปัญหาตอนลงพื้นที่ที่เจอแล้วรู้สึกเกินความคาดหมาย
ภูมิ เรืออากาศโทธนเดช เพ็งสุข : จริงๆ เราเจอปัญหาหลายรูปแบบเลยนะครับ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาปากท้อง เราเจอคนที่เขาไม่มีแบบไม่มีจริงๆ ไม่มีแม้กระทั่งว่าลูกที่เกิดมาไม่มีนมกิน ไปชงนมข้นให้ลูกกิน เรารู้สึกแบบสังคมไทยมันไปถึงจุดนี้ได้ยังไง เราเจอปัญหาทางโครงสร้าง ปัญหาทางการเมือง เช่นลูกคนหนึ่งจะเข้าโรงเรียนยังต้องวิ่งเต้นกันเลย สุดท้ายแล้วประเทศไทยมันมีปัญหาทุกมิติ เป็นปัญหาการเมือง ปัญหาโครงสร้าง และมันต้องแก้ไขไปพร้อมๆกัน ยิ่งปัญหาปากท้องอีก มันไม่มีปัญหาใดแก้ก่อนได้ มันต้องแก้พร้อมๆกันครับ
มองว่าการแก้แก่นของปัญหาในสังคมไทยตอนนี้ มันต้องแก้ไปพร้อมๆกันใช่ไหม
ภูมิ เรืออากาศโทธนเดช เพ็งสุข : ใช่ครับ เราไม่สามารถที่จะเลือกแก้ปากท้องได้ก่อน เราไม่สามารถที่จะเลือกแก้การเมืองได้ก่อน ถ้าคุณแก้ปากท้องก่อน คุณก็จะติดการเมือง แต่ถ้าคุณแก้การเมืองก่อน คุณก็จะทิ้งปัญหาปากท้อง ทุกปัญหามันแก้ไปพร้อมกันได้ ถึงคอนเซ็บพรรคก้าวไกลรอบนี้ไงครับ การเมืองดี ปากท้องดี มีอนาคต นี่แหละครับตรงจุดกับการเลือกตั้งครั้งนี้มากที่สุดครับ
มีอะไรอยากจะบอกคนที่บอกว่าการเมืองมันไกลตัว
ภูมิ เรืออากาศโทธนเดช เพ็งสุข : ผมคนหนึ่งเคยคิดเรื่องการเมืองเป็นเรื่องไกลตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเข้ามาทำการเมืองมันดูไกลมากๆ แต่มาวันนี้ผมกล้าพูดได้เลยการเมืองเป็นเรื่องของทุกคน และการเมืองคือเรื่องใกล้ตัว ทุกๆอย่างรอบตัวคุณคือการเมือง แค่คุณเดินไปซื้อของระหว่างร้านขายของชำขนาดใหญ่ที่มีแฟรนไชส์จำนวนมาก กับร้านขายของชำในตรอก ซอก ซอยนี่ก็มีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง การเอื้อประโยชน์กับกลุ่มทุน การสนับสนุนกลุ่มทุน หรือแม้แต่ว่าช่วงค่ำคืนที่เรานั่งดื่นกัน นี่ก็มีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง หรือว่าตื่นเช้ามาทำงาน รถเมล์ที่เราขึ้นกัน ลองดูสภาพปัจจุบันสิครับ นี่ก็มีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง หรือแม้แต่เด็กวัยหนุ่มที่กำลังจะมีอนาคตต้องมาเสี่ยงจำใบดำ ใบแดง นี่ก็มีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องทุกอย่างรอบตัวเราคือการเมืองครับ เราหนีการเมืองไม่ได้เพราะฉะนั้นการเลือกตั้งครั้งนี้ต้องมาร่วมกันทำการเมืองให้มันดีครับ
มองยังไงที่คนรุ่นใหม่หันมาสนใจการเมืองมากขึ้น
ภูมิ เรืออากาศโทธนเดช เพ็งสุข : มองประเด็นนี้ว่าเป็นการตื่นตัวที่ดีครับ ทุกคนสนใจเรื่องการเมือง และประเด็นนี้แหละครับ ที่จะขับเคลื่อนประเทศไทยในอนาคต ต้องยอมรับนะครับว่าประเทศในอนาคตขึ้นอยู่กับคนปัจจุบัน เขาน่าจะอยากเห็นอนาคตที่เขาเติบโตไปได้ เขาน่าจะอยากเห็นการเมืองที่เป็นการเมืองแบบประชาธิปไตยจริงๆ เขาน่าจะอยากเห็นปัญหาปากท้องที่ถูกแก้ไข ผมมองว่าคนรุ่นใหม่ เยาวชน หรือคนทุกรุ่นที่รู้สึกตื่นตัวกับการเมือง เป็นนิมิตหมายอันดีที่จะพลิกโฉมการเมืองไทย ให้เข้ารูปเข้ารอยให้เป็นการเมืองแบบปกติ ไม่ใช่การเมืองแบบผิดปกติ ที่อยู่กันมาจนเป็นปกติครับ
ถ้าได้มีบทบาทให้แก้ไขเกี่ยวกับทหารอยากจะแก้ไขอะไรบ้าง
ภูมิ เรืออากาศโทธนเดช เพ็งสุข : จริงๆ พรรคก้าวไกลต้องการเข้าไปปฏิรูปกองทัพ จริงๆ การปฏิรูปกองทัพต้องอธิบายก่อนว่าเราไม่ได้เป็นปฏิปักษ์กับกองทัพ กองทัพไม่ได้ทำอะไรผิด แต่สิ่งที่ผิดคือระบบและตัวบุคคล ที่ทำให้กองทัพเสื่อมเสีย สิ่งที่อยากจะเข้าไปทำสิ่งแรกก็คงเป็นนโยบายหลักของพักก้าวไกลครับ คือการยกเลิกเกณฑ์ทหาร ซึ่งอันนี้มั่นใจว่าทำได้และทำสำเร็จแน่นอน ต่อไปก็จะเป็นการปฏิรูปภายในกองทัพ ไม่ว่าจะเป็นการลดจำนวนกำลังพล การปรับโครงสร้างบางอย่าง การปรับลดงบประมาณให้ถูก ให้ควร ใช้ในสิ่งที่ต้องใช้ จ่ายในสิ่งที่ต้องจ่าย เพื่อที่จะได้นำภาษีของประชาชนไปใช้ในส่วนต่างๆ ไปพัฒนาประเทศต่อไป จริงๆเรื่องปฏิรูปกองทัพเนี่ย คงต้องนั่งคุยกันยาวเลย แต่สิ่งที่ต้องทำสิ่งแรกคงเป็นเรื่องของการยกเลิกเกณฑ์ทหาร และปฏิรูปภายในไปพร้อมๆกันครับ
อยากจัดกิจกรรมอะไรให้คนรุ่นใหม่ เพราะอะไร
ภูมิ เรืออากาศโทธนเดช เพ็งสุข : คงอยากจัดกิจกรรมที่รับฟังเสียงของคนรุ่นใหม่ทุกคน ทุกวัย และทุกเพศ เพราะว่าเสียงของพวกเขาคือเสียงที่จะขีดเขียนอนาคตข้างหน้า เราต้องรับฟังเสียงพวกเขา เพื่อที่จะได้มาปรับปรุง ปรับใช้ และไปในทิศที่ถูก เพื่อที่จะส่งต่ออนาคตให้ดีที่สุด ให้กับคนรุ่นใหม่ และสร้างอนาคตที่ดีที่สุดให้กับผู้สูงวัย และสร้างสังคมปัจจุบันให้เติบโตไปได้ อันนี้คือสิ่งที่อยากที่สุดคือการรับฟังเพื่อที่จะนำทุกความคิด ทุกองค์ความรู้มาประยุกต์ใช้ และไปในทางที่ถูกที่ควรครับ
ในการเลือกตั้งครั้งนี้มีความมั่นใจขนาดไหนและกระแสตอบรับในการลงพื้นที่เป็นยังไงบ้าง
ภูมิ เรืออากาศโทธนเดช เพ็งสุข : จริงๆการเลือกตั้งครั้งนี้ในเขตของเราก็ยอมรับว่ามีดาราอยู่ 3 ท่านที่เป็นนักแสดงเก่า ไม่ได้เป็นข้อกังวลใดๆ เพราะว่าเราทำพื้นที่มาตั้งแต่วันแรกที่เราแพ้การเลือกตั้งปี 62 จนถึงปัจจุบันเราไม่เคยที่จะหยุดเดิน เราไม่เคยที่จะหยุดทำงาน และเรามาทำงานจริงๆ เราไม่ได้ต้องการมาเพื่อฉาบฉวย แต่เรามาทำการเมืองเพราะเราอยากเห็นการเมืองดีขึ้น เราอยากเห็นบ้านเราดีขึ้น ผมเชื่อว่าพี่น้องประชาชนคนลาดพร้าวและบึงกุ่ม จะให้ความไว้ใจกับนักการเมืองที่พร้อมจะทำงานการเมือง 24 ชั่วโมง จะอยู่เคียงข้างเขาทั้งยามทุกข์และยามสุข ผมยังเชื่อมั่นครับว่าประชาชนจะไว้วางใจนักการเมืองที่อยากมาทำงานการเมือง และอีกอย่างหนึ่งเราเลือกที่จะเป็นนักการเมืองในแบบนักสู้ พร้อมที่จะอยู่ข้างๆทุกเวลาครับ
ประชาชนมีภาพจำหรือมุมมองต่อเรายังไง
ภูมิ เรืออากาศโทธนเดช เพ็งสุข : มีภาพจำที่ดีขึ้นครับ ไปไหนมาไหนคนส่วนใหญ่ในเขตจะเรียนผมว่าน้องภูมิ เพราะว่าครั้งแรกที่ลงการเมืองตอนนั้นน่าจะเด็กสุด อายุ 26-27 ประมาณนั้น ภาพจำของเราก็คือโทรเมื่อไรก็ติด ทักเมื่อไรก็ไป มีอะไรก็ไปถึงทุกที่ ซึ่งภาพจำเหล่านี้ทำให้เราได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งส.ก.เขตลาดพร้าว เมื่อตอนปี 65 จึงเป็นเหตุให้มั่นใจได้ครับว่าปี 66 ชาวลาดพร้าวและบึงกุ่มจะให้ความไว้วางใจอีกรอบหนึ่งครับ
ช่วงขายของ ขายนโยบาย
อยากขอโอกาสกับพี่น้องชาวลาดพร้าวและบึงกุ่ม การเลือกตั้งครั้งนี้คือการเลือกตั้งครั้งสำคัญ ที่เราจะขีดเขียนอนาคตร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นอนาคตของประเทศ หรืออนาคตของเขตพื้นที่ อยากขอความไว้ว่างใจครับ อยากขอโอกาส การเลือกตั้งครั้งนี้เข้าคูหาจรดปลายปากกาในโอกาส ธนเดช หมายเลข 7 พรรคก้าวไกล เป็นผู้แทนของคนลาดพร้าว บึงกุ่ม เลือกชนะให้ขาด เลือกธนเดช ก้าวไกลครับ