หากพูดถึงวงการ T-POP ในไทยตอนนี้เรียกได้ว่าครึกครื้นกันเลยทีเดียว มีน้องๆ ศิลปินมากความสามารถ ที่ถ่ายทอดผลงานเพลงออกมาให้แฟนๆ ได้ติดตามกันอยู่ตลอด

วันนี้ FEED จะพาไปทำความรู้จัก และพูดคุยกับหนุ่มๆ วง PROXIE ที่เรียกได้ว่ามาแรงมากในตอนนี้ เปิดแพลตฟอร์มไหนก็ต้องเจอพวกเขา พร้อมกับซิงเกิลล่าสุด ที่สร้างชื่อเสียงและดังเป็นพลุแตก และล่าสุดหนุ่มๆ ได้พลิกบทบาทจากการเป็นนักร้อง มาโชว์ฝีมือในด้านงานการแสดงกันด้วย เรียกได้ว่าครบเครื่องกันเลยทีเดียว

PROXIE 
T-POP
ภาพ IG : proxie.officialth

เป็นศิลปินเต็มตัวแล้ว ความรู้สึกแต่ละคนตอนนี้เป็นยังไงบ้าง

กัน : ก็ความรู้สึกสำหรับกันนะครับ ก็รู้สึกว่าพวกเราก็ได้เติบโตขึ้นด้วยครับผม แล้วก็รู้สึกแฟนๆ หลายๆ คน ก็เข้ามาเป็นครอบครัวยูสเซอร์กันมากขึ้น พวกเราก็ดีใจมากๆ เลยที่พวกเราก็เป็นที่รู้จักกว้างขวางมากขึ้น ก็หวังว่าในอนาคตพวกเราจะมีผลงานดีๆ ออกมาเรื่อยๆ แล้วก็แฟนๆ จะเข้ามาเป็นยูสเซอร์กับพวกเรามากขึ้นเรื่อยๆ อีกครับ

โชกุน : สำหรับกุนก็รู้สึกว่าดีใจที่พวกเราเติบโตกันมามากขนาดนี้ครับผม แล้วก็หวังว่าเราจะเติบโตกันไปในอนาคตอีกเรื่อยๆ เพราะรู้สึกว่าตอนนี้เป้าหมายทุกคนเริ่มชัดเจนมากขึ้น แล้วก็เราเริ่มเดินไปด้วยกันแบบเป็นกลุ่มเป็นก้อนทุกคน แล้วก็หมายถึงรวมทั้งยูสเซอร์ ทั้งทีมงานทุกคน ก็เลยบอกว่ารู้สึกขอบคุณมากจริงๆ ที่ซัพพอร์ตพวกเราขนาดนี้ครับผม

อองรี : สำหรับอองรีก็รู้สึกดีใจครับ ที่พอเราทำเพลงมา ทุกๆ ท่าน หรือแฟนคลับพวกเราชอบผลงาน ในอนาคตพวกเราก็จะมีผลงานที่ดีขึ้นแล้วก็พวกเราก็จะคอยพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นครับ

คิม : ส่วนของคิมก็รู้สึกดีใจเช่นกันครับผม เพราะว่าซิงเกิลนี้ที่ปล่อยออกมา ต้องบอกก่อนเลยครับว่าตอนแรกพวกเราก็ไม่ได้คาดหวังว่ามันจะดังอะไรขนาดนี้ แต่พอมันดังขึ้นมาพวกเราก็รู้สึกว่ามีแรงมีกำลังใจฮึกเหิมมากขึ้น ก็ต้องขอบคุณยูสเซอร์ครับผม แฟนคลับของพวกเราแล้วก็รวมไปถึงหลังบ้านพี่ๆ ทีมงานของเรา แล้วก็เพื่อนๆ ของผมด้วยนะครับ

PROXIE 
T-POP
ภาพ IG : proxie.officialth

จุดเริ่มต้นกว่าจะมาเป็น PROXIE

กัน : จริงๆ จุดเริ่มต้นพวกเราทั้ง 6 คน มาจากรายการ The Brothers ครับ ก็คือเป็นรายการที่มี Broach ทั้ง 4 ท่าน ก็คือมีทั้งพี่ติ๊ก (เจษฎาภรณ์ ผลดี) มีทั้งพี่นิชคุณ (นิชคุณ หรเวชกุล) มีทั้งพี่มาริโอ้ (มาริโอ้ เมาเร่อ) แล้วก็มีอนันดา (อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม) ครับผม ซึ่งเป็นรายการเฟ้นหาไอดอล ซึ่งตอนนั้นก็เป็นช่วงที่เราจะได้เรียนรู้อะไรต่างๆ มากมาย ฝึกวิชากันไม่ว่าจะเป็นทั้งร้องเพลง ทั้งเต้น ทั้งการแสดง การเล่นดนตรี แล้วก็ในระหว่างนั้นก็จะมีการเล่น Mission ภารกิจอะไรหลายๆ อย่างด้วยครับผม ซึ่งตอนนั้นพวกเราก็จะได้คลุกคลีอยู่ด้วยกันทั้ง 20 คนด้วย แล้วก็มีทั้ง Broach ด้วย แต่พอหลังจากจบ Project รายการ The Brothers ไปนะครับ คือเหมือนผู้ใหญ่น่าจะมองเห็นอะไรบางอย่างในตัวพวกเรา 6 คนครับผม ก็เลยลองแบบให้พวกเราลองมาฝึกซ้อมร้อง ซ้อมเต้น ทำอะไรดูครับผม แล้วเขารู้สึกว่าโอเค 6 คนนี้ ดูมีความแบบเคมีที่มันเข้ากันได้ ดูเป็นแบบทีมเดียวกันดูเป็นวงเดียวกัน เขาก็เลยได้ปลุกปั้นพวกเรามาให้เป็น PROXIE ครับ

ก่อนเดบิวต์มีการฝึกซ้อมกันหนักไหม

คิม : จริงๆ คือต้องบอกก่อนว่าแพลนเดิมอ่ะครับ ที่เราจะเดบิวต์มันก่อนหน้านี้ครับ เร็วกว่านั้นมากๆ แต่เนื่องด้วยสถานการณ์โควิดก็ทำให้พวกเราแบบต้องเลื่อนเดบิวต์ออกไปใช่ไหมครับ ซึ่งพอดีเขาเรียกว่าอะไรอ่ะ พลิก

กัน-โชกุน : พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส

คิม : พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส ใช่ เราก็ใช้เวลาตรงนั้นอ่ะครับผม ที่ช่วงโควิดอ่ะครับฝึกซ้อมครับก็คือซ้อมทุกวันเลย วันละหลายๆ ชั่วโมงเพื่อให้ท่าเต้น หรือว่าโชว์ออกมา Perfect ที่สุดครับผม ก็ต้องค่อยๆ ปรับกันใหม่ เพราะว่าแต่ละคนก็พื้นฐานเต้นไม่เท่ากันเลยครับ ก็กว่าจะเท่ากันได้ก็..

กัน : ใช้เวลาพอสมควร

PROXIE 
T-POP
ภาพ IG : proxie.officialth

ย้อนกลับไป ตอนเด็กๆ ฝันอยากเป็นอะไรกัน

โชกุน : อย่างตอนเด็กกุนเป็นคนที่ชอบร้องเพลง แล้วก็ชอบเต้นอยู่แล้วครับ แต่ว่าจริงๆ ตอนแรกฝันจะเป็นแบบในทางแพทย์อะไรอย่างนี้ครับผม แต่ว่าไปๆ มาๆ รู้สึกว่าเออสุดท้ายแล้วสิ่งที่เราชอบมันคือตรงนี้อะไรอย่างนี้ ก็เลยเลือกที่จะลอง Audition เข้ามา ณ ตรงนี้ แล้วก็พอได้ทำมารู้สึกว่าเออเรารักกับการทำตรงนี้มาก เพราะว่ามันเป็นสิ่งที่กุนชอบตั้งแต่เด็ก ไม่ว่าจะเป็นร้องเพลง เต้น หรือฟังเพลงดนตรีเองก็ตามครับผม ก็เลือกตรงนี้เออถูกที่แล้วแหละตอนนี้ ก็รู้สึกว่ามุ่งหน้าต่อไป ลุยต่อไปครับ

03.59 ลึกๆ แล้วยังมีความอยากเป็นแพทย์อยู่ไหม

โชกุน : ก็อีกแขนงนึงอ่ะครับ แต่ว่าตอนนี้ขอโฟกัสตรงนี้ให้เต็มที่ก่อน แต่ว่าถ้าเป็นได้ก็อยากเป็นอยู่ครับผม แต่ว่าทำศิลปินก่อนแล้วกันครับ

กัน : ส่วนของกันก็จริงๆ อยากเป็นนักร้องตั้งแต่ 5 ขวบ แล้วครับ เพราะชอบร้องเพลงมาตั้งแต่ช่วงนั้น แล้วก็ไปทั้งเรียนร้องเพลงมาตอนเด็ก ไปประกวดมาแบบเยอะมากๆ เลยครับ ก็เลยรู้สึกว่าเราก็มีแบบความฝันตั้งแต่เด็กอยู่แล้วว่าอยากเป็นศิลปิน แต่พอโตขึ้นมาบางทีอาจจะมีความคิดว่าเอ้ย อยากจะลองไปทำอาชีพอื่นบ้างอะไรอย่างนี้ครับ แต่ว่าสุดท้ายด้วยอะไรหลายๆ อย่างครับ มันก็ทำให้เราวนกลับมาเป็นศิลปินอยู่ดีครับ

คิม : ของคิมตอนเด็กๆ อยากเป็นนักบินอวกาศครับ แต่ว่าพอโตขึ้นมา มันก็ชีวิตนะครับโตขึ้นมาก็เจออะไรหลายๆ อย่าง ถูกลมพัดเปลี่ยนแปลงไปมาจนสุดท้ายมาจบที่การเป็น PROXIE ครับผม ซึ่งก็ไม่แน่ว่าสักวันนึง คิมก็อยากพาทุกคนเข้าไปล่องลอยในอวกาศด้วยกันใน MV ของเราสักวันนึง

อองรี : อองรีไม่รู้ว่าเขาเรียกว่าอะไรแต่เมื่อก่อนคืออองรีเป็นคนที่ชอบพวกสัตว์ดึกดำบรรพ์อะไรอย่างนี้

กัน : โบราณคดีอย่างนี้หรอ

อองรี : คือมันจะมีเรียกชื่อแบบว่าทางการ แต่อองรีจำไม่ได้แล้ว ชีววิทยาอะไรสักอย่างนึงครับ คืออองรีอยากเป็นมากเมื่อก่อนแต่ก็ศึกษาเยอะมาก เมื่อก่อนเนิร์ดๆ เรื่องพวกนี้เลยครับผม แต่ก็เหมือนโชกุนอะไรที่ร้องเพลงมาตั้งแต่แบบเปิดคอนเสิร์ตในห้องน้ำเวลาอาบน้ำอะไรอย่างนี้ครับผม แล้วก็ด้วยความที่คุณแม่ก็ชอบพวก K-POP ตั้งแต่เด็กๆ ก็ได้เห็นแบบที่คุณแม่ดูคอนเสิร์ตเราก็อยากจะยืนอยู่ตรงนั้นบ้าง ก็ได้มายืนอยู่ตรงนี้ ได้ทำความฝันของตัวเองอีกอย่างนึงที่ได้มาเป็นจริงแล้ววันนี้ครับ

PROXIE 
T-POP
ภาพ IG : proxie.officialth

กว่าจะถึงจุดนี้ ระหว่างทางมีท้อกันบ้างไหม แล้วผ่านมาได้ยังไง

คิม : คือจุดนั้นมันเป็นจุดช่วงที่โควิดชนพอดี เพราะว่าจริงๆ อย่างที่คิมได้บอกไปตอนแรกเราก็ไม่ได้เดบิวต์แล้วใช่ไหมครับ พอมีโควิดก็ถูกเลื่อนกำหนดออกไปซึ่งถูกเลื่อนไปไม่รู้เลยครับว่าจะได้เดบิวต์เมื่อไหร่ พวกเราต้องมาซ้อมทุกวัน แล้วต้องมาฝึกซ้อมทุกวันโดยยังไม่รู้เป้าหมายว่าเราจะได้ปล่อยเมื่อไหร่ ช่วงนั้นก็ต้องให้กำลังใจกันพูดคุยกัน นั่งจับเข่าคุยกันเลยครับว่าเป็นยังไงวันนี้ รู้สึกยังไงบ้าง แต่พวกเราก็พยายามผ่าน Quiz ด้วยกันครับผม ถ้าวันไหนคนไหนท้อก็แบบสู้ๆ สักวันนึงมันต้องเป็นของเราครับ ใช่ แล้วก็ลากคอกันผ่านมาจุดนี้ได้ครับผม 

กัน : จริงๆ ของผมคือตอนแรกผมเกือบจะได้ไปลองทำอย่างอื่น ก่อนที่จะมาในรายการ The Brothers อ่ะครับ คือผมเรียนจบธุรกิจการบินมา ตอนแรกเราตั้งใจว่าเรียนจบมาเราจะลองไปสอบเป็นนักบินดีไหมอะไรอย่างนี้ ลองไปทำงานบนเครื่องบินดีไหม แต่บังเอิญว่าอาจจะเป็นโชคชะตาด้วยครับที่มันเกิดโควิดระบาดพอดี ทำให้ช่วงนั้นอุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว แล้วก็ธุรกิจการบินทุกอย่างคือมันซบเซาหมดเลย คือทุกคนต่างก็ตกงานกันหมดเลยอะไรอย่างนี้ ซึ่งมันเป็นจังหวะที่ผมก็เรียนจบพอดีอะไรอย่างนี้ ผมก็เลยโอเคสงสัยจะไม่ได้เป็นแล้ว บังเอิญรายการ The Brothers ก็เข้ามาพอดีช่วงนั้นผมก็เลยโอเคงั้นเราลองอีกสักครั้งแล้วกัน เพราะจริงๆ ผมเคยเดบิวต์เป็นบอยแบนด์มาก่อนแล้วรอบนึง ตอนนั้นก็เลยรู้สึกว่าตอนแรกเกือบจะเปลี่ยนเป็นเส้นทางอื่นไหม ตอนแรกเราคิดว่ามันอาจจะไม่เวิร์กกับเราหรือเปล่าอะไรอย่างนี้ครับ ตอนแรกก็เกือบจะไปทำอาชีพอื่นแต่อาจจะเป็นจังหวะที่โควิดมาพอดีด้วย เราก็เลยแบบโอเคในเมื่อเราก็แบบทำในสิ่งที่เรียนจบมาไม่ได้แล้ว ก็ขอลองสู้อีกสักรอบนึงละกันครับ สุดท้ายก็ได้มาเป็น PROXIE ครับ

โชกุน : จริงๆ  ไม่ได้ถึงกับท้อจริงๆ ถ้าเรื่องท้อเป็นเรื่องเดียวกันหมด ก็คือเรื่องโควิดที่ถูกเลื่อนอะไรประมาณนั้นครับ แต่ว่าอย่างกุนจะเป็นเด็กต่างจังหวัดที่ย้ายมาเรียนกรุงเทพครับผม อยู่คนเดียวแรกๆ ปรับตัวยากรู้สึกโดดเดี่ยว เหงาอย่างนี้ครับ แต่ว่าจริงๆ มันก็ไม่ถึงกับขนาดนั้น แต่มันก็จะบางช่วงที่เวลาเราดาวน์มากๆ การที่เราไม่ได้เดบิวต์กับการถูกเลื่อนไป เพราะโควิดอะไรอย่างนี้สักที มันก็มีแบบอยู่คนเดียวแล้วเหงาจัง แต่ว่ากุนก็จะมีทางออกของตัวเองเสมอ ไม่ว่าจะเป็นคิดใหม่ หรือกุนคิดว่าพรุ่งนี้มันดีขึ้นแน่นอน ก็ขอแค่หลับตื่นมาพรุ่งนี้ก็ดีขึ้นแล้ว ไม่ก็เล่นเกมอะไรของกุนไป โทรคุยกับเพื่อนๆ ในวง กับพี่ๆ ในวงแบบเล่าให้ฟังก็สบายใจขึ้นครับผม

อองรี : อองรีก็มีครบช่วงท้อก็น่าจะเป็นช่วงที่หนักสุดในชีวิตอองรีเลยคือ ไม่อยากทำอะไรเลยครับ แบบว่า

กัน-คิม : หมด Passion

อองรี : หมด Passion ครับ หมดแบบหมดจริงๆ ไม่อยากมาที่ห้องซ้อมด้วยครับ แต่ก็ต้องมาเพราะว่าเพื่อนๆ อีกทั้ง 5 คนรอมาซ้อมอยู่ ก็เป็นช่วงที่หนักอยู่ครับคือแบบว่าไม่ได้เล่นด้วยเหมือนเดิม ตอนนั้นอองรีรู้สึกว่ามันก็ไม่ดี แต่อองรีไม่อยากฝืนตัวเองด้วยครับ ก็เลยแบบว่าก็แค่มาซ้อมๆ แล้วก็กลับ แล้วก็มีนั่งซึมบ้าง อะไรคนเดียวบ้างครับ แต่ก็ผ่านมาได้เพราะว่าเพื่อนๆ ช่วยกันครับผม

PROXIE 
T-POP
ภาพ IG : proxie.officialth

คิดว่าตอนนี้ PROXIE ประสบความสำเร็จแล้วหรือยัง

กัน : ผมว่ามันเป็นแค่จุดเริ่มต้นเองครับผม ผมรู้สึกว่าหนทางที่พวกเราตั้งเป้าไว้อีกยาวไกลมาก อันนี้พึ่งจะเป็นการก้าวบันไดขั้นแรกๆ เองครับผม ยังต้องสู้อีกยาวไกลครับ

แล้วคิดว่ายังมีจุดไหนที่เราต้องพัฒนาให้สูงขึ้น

กัน : ผมว่าน่าจะทุกๆ เรื่องเลยครับ

โชกุน : ทุกเรื่องครับพัฒนาเรื่อยๆ ครับ

กัน : ใช่ครับ

PROXIE 
T-POP
ภาพ IG : proxie.officialth

ตอนนี้วงการ T-POP มาแรงมาก เรามองวงการนี้ยังไงบ้าง

โชกุน : สำหรับอุตสาหกรรม T-POP กุนรู้สึกว่าดีใจที่มีเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ เรายินดีที่จะเป็นเพื่อนกับทุกคนมาก มีแต่มิตรภาพที่ดี อย่างกุนรู้จักคนเยอะมากใน T-POP ก็รู้สึกดีว่าเป็นการช่วยให้ T-POP มันคึกคักขึ้น ทุกคนมีเพลงใหม่ก็คอยสนับสนุนกัน เป็นอะไรที่สนุกสนานมากๆ ครับ

คิม : สำหรับคิม คิมคิดว่าพอมันมี T-POP วงใหม่ๆ เข้ามามากขึ้น คนที่รู้จัก คนที่ติดตามใน T-POP ก็จะมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ T-POP เราใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ

กัน : กระจายมากขึ้น

คิม : คิมอยากให้วันนึง T-POP เราสามารถไปต่างประเทศบ้างครับ

PROXIE 
T-POP
ภาพ IG : proxie.officialth

แต่อีกมุมนึงการแข่งขันก็สูง เราไม่มีความกดดันตรงนั้นเหรอ

โชกุน : ไม่ได้รู้สึกถึงจุดนั้นเท่าไหร่ สำหรับกุน

กัน : ใช่ๆ ผมรู้สึกว่าจริงๆ ไม่ว่าจะอาชีพอะไรทุกอย่างมันมีการแข่งขันเกิดขึ้นอยู่แล้ว แต่ผมแค่รู้สึกว่า สิ่งที่เราต้องแข่งขันมากที่สุด คือเราไม่ได้แข่งขันกับคนอื่นนะครับ แต่เราต้องแข่งขันกับตัวเราเองมากกว่า อยู่ที่เราจะแบบพัฒนาตัวเองไปได้มากน้อยแค่ไหน คือเหมือนทุกอย่างผมว่าต้องสู้ด้วยตัวของพวกเราเอง เราไม่อยากเอาไปเปรียบเทียบกับคนอื่นอยู่แล้ว เพราะว่าแต่ละคนก็จะมีทั้งจุดแข็ง จุดดีต่างกันอยู่แล้วครับ ซึ่งเรารู้สึกว่ามันเป็นกำไรของคุณผู้ชม หรือว่าแฟนคลับด้วยซ้ำ เพราะว่าเขาสามารถเลือกเสพได้ว่าถ้าใครชอบแนวดนตรีนี้สามารถรับชมคนนี้ได้นะ ดูอย่างนี้ได้นะ รู้สึกว่ามันมีความหลากหลายมากกว่าให้ทุกคนได้เลือกชมครับ

PROXIE 
T-POP
ภาพ IG : proxie.officialth

จุดแข็งของ PROXIE คืออะไร

กัน : จุดแข็งของ PROXIE หรอครับ จริงๆ น่าจะเป็นเรื่อง

คิม : หัวแข็ง ดื้อ

กัน : ไม่ใช่ครับผม (ขำ)

โชกุน : ด้วยๆ

กัน : ผมรู้สึกว่าน่าจะเป็นความเป็นเอกลักษณ์ของวงเรามากกว่า คือวงเราแต่ละคนจะมีบุคลิกคาแรกเตอร์ที่แตกต่างกันทั้ง 6 คนเลยครับผม ซึ่งแต่ละคนก็จะสามารถรู้จักพวกเราได้ผ่านตัวตน คอนเทนต์ต่างๆ เรื่องราวต่างๆ รู้สึกว่าพอ 6 คน เรามารวมตัวกันก็จะมีความเป็นกลุ่มก้อนเดียวกันถึงแม้ว่าอายุ ลักษณะนิสัยแต่ละคนก็จะมีความซน ความน่ารักแตกต่างกันอะไรอย่างนี้ครับ แล้วก็วงพวกเราเป็นวงที่ค่อนข้างหลากหลายไม่ได้ฟิกซ์อะไรเป็นพิเศษ อย่างเช่นตำแหน่งเรื่องการร้อง ตำแหน่งเต้น ตำแหน่งใดๆ คือเราไม่ได้มีวางตายตัวว่าคนนี้จะต้องเป็นเมนร้อง คนนี้จะต้องเป็นเมนเต้น หรืออะไรทุกคนสามารถทำได้หมดเลย แล้วพวกเราก็มีหลายๆ อย่างที่พี่ติ๊ก (เจษฎาภรณ์ ผลดี) ก็ได้ถ่ายทอดมาให้พวกเรา สกิลหลายๆ ทั้งการร้อง การเต้น การเล่นดนตรี การแสดงอะไรอย่างนี้ครับ

คิม : รวมไปถึงการรักสิ่งแวดล้อม

กัน : แน่นอนครับผม อันนี้สำคัญมาก

PROXIE 
T-POP
ภาพ IG : proxie.officialth

พูดถึงพี่ติ๊กแล้ว เมาท์หน่อยหน้าจอกับหลังจอเหมือนกันไหม

กัน : จริงๆ ผมว่าพี่ติ๊กแทบจะเป็นคนๆ เดียวกันเลยนะครับ

โชกุน : ใจดีนะ

กัน : พี่ติ๊กไม่เคยดุเลยนะครับ ผมรู้สึกว่าพี่ติ๊กเขาจะคุยกับพวกเราด้วยเหตุและผลมากกว่า จะมี Mood and Tone เหมือนเราเข้าห้องเย็นอ่ะครับ เขาไม่ได้ดุเราเลยครับ แต่เราจะรู้สึกด้วยบรรยากาศ ทำให้รู้สึกว่าโอเคครับเราต้องเชื่อฟังเขา เพราะเขามีความน่าเคารพ มีความน่าเกรงขามอยู่ในแบบคาแรกเตอร์ของเขาอยู่แล้วครับ แต่เขาไม่ดุเลย

ตอนนี้เราเป็นที่รู้จักมากขึ้น การใช้ชีวิตของเราเปลี่ยนไปไหม

กัน : จริงๆ ก็เปลี่ยน เปลี่ยนอยู่นะครับ

โชกุน : มีความรับผิดชอบมากขึ้น

กัน : มีความรับผิดชอบมากขึ้น

คิม : ความกระตือรือร้น ความตั้งใจมากขึ้นครับผม เพราะว่าพอมีคนจับตามองเรามากขึ้น เราก็ต้อง Put ตัวเองมากขึ้น เพื่อที่ว่าคนที่เขาดูเราอยู่ คนที่เขาคอยซัพพอร์ตจะได้ไม่ผิดหวัง

PROXIE 
T-POP
ภาพ IG : proxie.officialth

เคยมีโมเมนต์สูญเสียความเป็นตัวเองไหม

โชกุน : ไม่เคยนะครับ สำหรับกุน กุนว่ากุนไม่เคยสูญเสียความเป็นตัวเองครับ รู้สึกว่าอยู่ข้างนอก ก็เป็นกุนนั่นแหละ

กัน : ก็ยังเป็นพวกเราเหมือนเดิมครับ

อองรี : รั่วเหมือนเดิม

โชกุน : ก็ซนๆ  เหมือนเดิม

กัน : อาจจะเป็นหนึ่งในความเป็นเอกลักษณ์ของ PROXIE เพราะ PROXIE ก็ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน เมื่อไรก็ยังมีความซุกซน ความเด็กๆ ปนวนๆ กันอยู่อะไรอย่างนี้ครับ

เรามีวิธีใช้ชีวิตบนเส้นทางบันเทิงอย่างไรบ้าง

กัน : ผมรู้สึกว่าจริงๆ สิ่งนี้เป็นสิ่งที่พี่ติ๊กค่อนข้างสอนพวกเราอยู่ตลอดเวลานะครับ เขาจะคอยย้ำเตือนเสมอ เขาบอกกับเราว่าเราห้ามลืมตัวเองครับผมว่าเราเป็นใคร เรามาจากไหนอะไรอย่างนี้ แล้วก็สิ่งสำคัญคือเราต้องมีความอ่อนน้อมถ่อมตนเสมอ แล้วก็ต้องไปมาลาไหว้ผู้ใหญ่ตลอด แล้วที่สำคัญคือเรื่องสิ่งแวดล้อมด้วย เรื่องขยะด้วยเราก็ต้องให้ความสำคัญ ให้ความ concern ให้ความกังวลกับมันด้วย แล้วเราก็ต้องพยายามเป็นน้ำที่ไม่เต็มแก้วเสมอ อย่าคิดว่าเราเก่งแล้ว เราควรจะพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ เพราะว่าทุกๆ อย่างมันไม่มีที่สิ้นสุดอยู่แล้วครับ คนเราสามารถเรียนรู้ได้ตลอด

คิม  : คือคิมคิดว่าแทนที่จะสูญเสียความเป็นตัวเอง คิมรู้สึกคิมได้อะไรมากขึ้นครับ จากการเป็นตัวเอง เพราะแต่ก่อนจริงๆ ก่อนหน้านี้ ก่อนที่จะมาเจอวง PROXIE ก่อนหน้าที่จะมาเจอน้องๆ คิมรู้สึกว่าคิมเป็นคนอีกหนึ่งบุคลิกที่ไม่ได้เล่น หรือว่าแบบไม่ได้ซุกซนอะไรมากขนาดนั้น แต่พอได้มาเจอน้องๆ เหมือนคิมเจออะไรบางอย่างที่เล่นแล้วแบบว่าสนุก ได้ enjoy ครับผม ก็เหมือนได้ปลดล็อกตัวเองมากขึ้น

อองรี : ที่จริงก็พี่กันเขาก็พูดครอบคลุมครบเกือบหมดแล้วนะครับ ก็

กัน-คิม : ก็ (ขำ)

โชกุน : จริงๆ กุนว่าที่ทุกคนชอบเรา เพราะเราเป็นตัวของตัวเองด้วยครับ

กัน : ใช่ครับผม

โชกุน : ก็เลยไม่รู้สึกสูญเสียความเป็นตัวเองเลยครับ

PROXIE 
T-POP
PROXIE

PROXIE ห้างแตก รู้สึกยังไงกับคำนี้

โชกุน : อันนั้นว้าวมาก

กัน : อันนั้นดีใจมาก แล้วยิ่งเราออกงานเรื่อยๆ แฟนคลับของพวกเราก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จริงๆ ต้องขอบคุณทุกๆ คนมาก ที่ช่วยกันสนับสนุนพวกเรา บางทีเราเลิกงานดึก เขาก็ยังมารอพวกเราครับ บางงานเริ่มตอนเย็น แต่บางคนก็มาตั้งแต่หัววันก็คือไปรอพวกเราแล้ว เพราะว่ากลัวจะไม่มีที่นั่ง จะไม่ได้ที่ดีๆ ที่จะเห็นพวกเรา ต้องขอบคุณทุกๆ คนมากๆ นะครับ ที่คอยซัพพอร์ตพวกเรากันขนาดนี้ พวกเราก็มีกำลังใจ แล้วพวกเราก็แบบจะเต็มที่กับการทำงานมากๆ เลยครับ

ชื่อแฟนคลับ “User” (ยูสเซอร์) มีที่มายังไง

คิม : ก็ User ครับผม ก็เล่นคำกับชื่อวงของเรา PROXIE คือ PROXIE หมายถึงว่าเป็นตัวกลางคำเชื่อมระหว่าง Server กับ User ใช่ไหมครับ Server ในที่นี้ก็คือบริษัทเราใช่ไหมครับ ส่วนเราก็คือ PROXIE ส่วนแฟนคลับเราก็คือ User คนที่เราจะ Connect ด้วยครับผม ส่งต่อความสุขครับ

โชกุน : ใช่ๆ

งาน Fansign ครั้งแรกพึ่งผ่านไป บรรยากาศวันนั้นเป็นยังไงบ้าง

กัน : โอ้ว  อบอุ่นๆ

โชกุน-อองรี : อบอุ่นมาก

คิม : คือแอร์เสีย

กัน : ไม่ใช่ครับผม หมายถึงว่าทุกคนมาหาพวกเรากันเยอะมาก แทบจะเต็มสถานที่ที่เราจัดเลยครับ ก็ทุกๆ คนน่ารักมากๆ เลยครับ แต่ละคนก็มีความในใจอยากจะบอกพวกเราทั้ง 6 คน แบบเรียงๆ กัน แฟนๆ ก็รอตั้งแต่เช้า พวกเราก็เต็มที่มากๆ แล้ววันนั้นเขาก็มีใส่พวกพร็อพ หมวกให้พวกเราด้วยซึ่งน่ารักมากๆ เลยนะครับ พวกเราก็ใส่กัน ถ่ายรูปได้พูดคุยกับแฟนๆ กันครับ เราได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น แล้วก็ต่างคนต่างให้กำลังใจกัน ให้พลังงานบวกซึ่งกันและกัน เพื่อเราจะได้สู้ชีวิตกันต่อๆ ไป

โชกุน : รู้สึกว่าในวันนั้นเต็มไปด้วยกำลังใจที่ดีมากๆ ครับผม รู้สึกว่ามันเป็นการส่งกำลังใจให้กันที่ดีมากๆ

กัน : รู้สึกยังไง

โชกุน : รู้สึกว่าโอ้ย Appreciate มากๆ ที่อยู่ตรงนี้แล้วน่ารักจังเลย แฟนคลับน่ารักจังเลย

คิม : อย่างของคิมอาจจะเจอบางคนที่เขาบอกว่า PROXIE อ่ะ เป็นสิ่งที่ดีในวันที่แย่ของเขา

คิม : คือมันรู้สึกดีกับตัวเองมากๆ ขอบคุณมากๆ ครับ ที่ให้ PROXIE ได้เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตครับ

PROXIE 
T-POP
PROXIE

แฟนคลับบอกว่า PROXIE เป็นสิ่งดีๆ ในชีวิต แล้วแฟนคลับเป็นสิ่งดีๆ ในชีวิตเราไหม

กัน-โชกุน : แน่นอนครับ

คิม : เขาเป็นพลังงานบวกให้กับพวกเราเลยครับผม ในวันที่พวกเราเหนื่อย หรือว่าอาจจะล้าจากการทำงาน แต่ว่าพอเจอเขาเหมือนแบบเราได้ชาร์จพลังครับผม แล้วก็ไม่เหนื่อยเลย ทุกครั้งที่ได้เจอแฟนคลับของพวกเรา

อองรี : ครับ

กัน : ครับ อีกแล้วนะน้อง (ขำ)

อองรี : คือรู้สึกว่าสิ่งที่พยายามมามันคุ้มค่าที่เราได้เห็นในวันนั้นมากๆ ที่ทุกคนชอบเพลงเรา รักพวกเราอะไรอย่างนี้ครับผม พวกเราสัญญาว่างานต่อๆ ไปเราก็จะมอบแต่สิ่งดีๆ กลับคืนไปให้มากกว่าเดิมครับผม รอกันได้เลยครับ

ผลงานซิงเกิลที่ 2 คิดไหมว่าฟีดแบ็กจะดีขนาดนี้

กัน : ไม่เคยคิดเลยครับ คิดไม่ถึงเลย เพราะว่าช่วงที่เราปล่อยเพลง  ช่วงนั้นอยู่ห้องซ้อมเยอะมากครับ คือเราไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตอนนี้เพลงเราแมสขนาดนั้น จนเรารู้อีกทีตอนที่เราได้ออก Event แล้ว ซึ่งพอเราไปปุ๊ปเราก็แบบโอ้ว เราตกใจว่าเอ๊ะทำไมแฟนๆ มากันเยอะจัง ตอนแรกแอบคิดว่าเอ๊ะหรือว่าก่อนหน้าเราเขาแบบอาจจะมีพี่ๆ ศิลปินรุ่นใหญ่มาหรือเปล่า แฟนคลับอาจจะเป็นของพวกเขาหรือเปล่า ของเราอาจจะไม่ได้เยอะมากอะไรอย่างนี้ แต่ว่าสุดท้ายพอเพลงคนไม่คุยขึ้นอ่ะครับ ทุกคนแบบส่งเสียงดังกรี๊ดกัน

คิม : ร้องได้

กัน : แล้วก็ร้องกันได้ด้วย บางคนก็ยืนโยกให้พวกเราเห็น เราก็แบบว้าวเราตกใจมากครับ ก็ต้องขอบคุณทุกคนอีกครั้งนึงที่แบบชอบเพลงพวกเรา แล้วก็พี่ๆ ศิลปินหลายๆ ท่านด้วยนะครับ ที่นำเพลงของพวกเราแบบไปเล่นชาเลนจ์ต่างๆ ในทุกแพลตฟอร์ม แอปพลิเคชันเลย ทำให้แบบเพลงเราก็เลยกว้างมากขึ้น คนก็รู้จักมากขึ้น แล้วก็ติดตามวงพวกเราเพิ่มมากขึ้นด้วยครับ

พวกเรามีส่วนในเพลงนี้ยังไงบ้าง

กัน : ถ้าเป็นพาร์ทเพลงคือเราจะมีส่วนคิดตั้งแต่ Reference ครับ อย่างหลังจบซิงเกิลแรกไปช่วงนึงเราก็ได้มีการคุยกับโปรดิวเซอร์ คุยกับผู้บริหารอะไรอย่างนี้ ผมว่าโอเคซิงเกิลสองอยากได้ Reference ประมาณไหน พวกเรา 6 คนก็เลยรวมไอเดียกัน เราก็เลยช่วยกันส่งเพลง ว่าเราชอบแบบ Mood And Tone ประมาณนี้ แล้วด้วยความที่โปรดิวเซอร์โชคดีที่เป็นพี่เอฟู (เอฟู ณรงค์ศักดิ์) เขาทำงานกับพวกเรามาตั้งแต่ซิงเกิลแรก และเขาก็จะได้รู้จักคาแรกเตอร์ แล้วก็รู้จักนิสัยของวงรู้จักตัวเรา เขาเรียกภาพรวมของวงว่าโอเคบุคลิกของวงควรจะไปในทางไหนดี ด้วยความที่เราเคยทำงานด้วยกันมาแล้ว พอมาซิงเกิลสองพี่เอฟู เขาก็สามารถทำงานได้ง่ายขึ้นด้วย เขาก็เลยรู้ว่าโอเค PROXIE ตอนนี้ก็เริ่มโตขึ้นแล้ว ก็เลยพยายามทำเพลงให้มันดูเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น แต่ก็ยังมีความเป็น Mood And Tone ที่เป็นความน่ารัก ซนๆ ของ PROXIE อยู่ เพราะว่าเราเป็นเด็กซุกซนกันอยู่มีความขี้เล่น แต่บางครั้งก็มีความเท่ด้วย เราก็เลยพยายามทำเพลงที่แบบเหมาะสมกับทุกๆ คน ที่ได้ฟังด้วย แล้วก็เล่าในมุมของของคนที่เป็นสายพูดไม่เก่งบ้าง เพราะอย่างเพลงแรกคือเราคุยไปในทางที่แสดงความรักได้แบบโจ่งแจ้งมากๆ เลย คลั่งรักมากๆ พอเพลงสองมันก็คลั่งรักอยู่แต่ว่าอาจจะเป็นคลั่งรักในโมเมนต์ที่เราเติบโตขึ้นอะไรอย่างนี้ครับ

คิม : ส่วนการออกแบบท่าเต้นในเพลง เราจะเห็นจะมีท่านี้ใช่ไหมครับ ท่าครึ่งหัวใจ แฟนคลับจะชอบขอให้เราทำรูปครึ่งหัวใจครับผม เขาก็เลยสร้างสรรค์เอาใส่ในเพลงด้วยครับผม ก็เป็นอะไรที่น่ารักมากเลยครับ

PROXIE 
T-POP
PROXIE

ถ้าเป็นไปได้แต่ละคนอยากทำเพลงแนวไหนกัน

อองรี : อองรีอยากได้แบบต้องหลับตาฟัง

กัน : ทำไมครับ ถ้าลืมตาจะทำไมครับ

อองรี : ไม่ๆ หมายถึงพวกแนวเพลงดนตรีมันแบบกินเราได้ ฟังแล้วเพลงเพื่อชีวิต กินใจได้อะไรอย่างนี้ ถ้าหลับตาฟังมันจะได้อรรถรสเพิ่มขึ้น

โชกุน : ของกุนเพลงแบบเดือดๆ เลยครับ

กัน : คือเต้นแบบหูดับ ตับแลบ ไฟไหม้เลยหัวกระเจิง 

โชกุน : เป็นแบบนั้นเลยครับ แบบเดือดๆ เอาไว้ขึ้นคอนเสิร์ต อยู่ในคอนเสิร์ตแล้วโดดมันๆ เอาไว้ Hype คนดูครับ

กัน : ของผมหรอครับ จริงๆ ผมอยากลองทำเพลงเศร้าๆ ดูบ้าง เพราะรู้สึกว่าที่ผ่านมาก็ PROXIE จะมีแต่มุม Mood And Tone ที่เป็นพลังงานสายบวกๆ อะไรอย่างนี้ ผมอยากเห็นว่าโอเคถ้า PROXIE เป็นหนุ่ม 6 คนที่เป็นผู้ชายอกหักบ้างจะเป็นยังไง แฟนคลับจะได้ฟังอะไรที่มันเปลี่ยน Mood And Tone บ้างอะไรอย่างนี้ครับ

งั้นก็ต้องมีประสบการณ์อกหักก่อน

กัน : เคยครับ แต่รู้สึกเชื่อว่าหลายๆ คนก็น่าจะเคยมีโมเมนต์นี้ ก็เลยรู้สึกว่าอาจจะเป็นการบ่งบอกหรือว่าต้องการจะส่ง Message อะไรบางอย่างให้กับคนฟังได้มากขึ้น จะได้มีฐานแฟนคลับอีกกลุ่มนึงมากขึ้น เพราะว่าตอนนี้จะเป็นกลุ่มที่มีแต่ความรัก คนที่มีความสุข แต่ผมเชื่อว่าในชีวิตของคนเราอ่ะครับ จริงๆ ถ้ามันมีสุข มันก็ต้องมีทุกข์ด้วย ก็เลยรู้สึกว่าอยากจะลองทำ Mood นั้นดูบ้าง

คิม : ของคิมอยากลองทำเป็นเพลงรักที่ใส่ความเป็นเพลงร็อกเข้าไป คือคิมชอบคล้ายๆ โชกุนอยากทำเพลงที่แบบว่ามันๆ เล่นคอนเสิร์ตแล้วหัวใจเต้นแรงครับ

ผลงานภาพยนตร์ My Tempo น้องพี่ ดนตรีเพื่อน เรื่องราวเป็นยังไง

โชกุน : My Tempo น้องพี่ ดนตรีเพื่อน ก็จะเป็นการเล่าเรื่องเกี่ยวกับมิตรภาพของเพื่อนครับผม เป็นภาพยนตร์ที่แบบฟีลกู๊ด ความอบอุ่น บรรยากาศที่อบอุ่นความรักของเพื่อนๆ มิตรภาพพี่น้อง แล้วก็จะมีเสียงดนตรีเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ดนตรีที่เกี่ยวคือดนตรีคลาสสิกครับผม ในเรื่องจะมีการเล่นกีตาร์คลาสสิก เปียโน ก็จะมีครบรสแน่นอน

แต่ละคนรับบทเป็นใครกันบ้าง

อองรี : อองรีรับบทเป็น “โฮป” ครับผม ถ้าจะพูดถึงโฮปจะเป็นตัวละครที่ค่อนข้างยึดความคิดตัวเองเป็นหลัก เรียกว่ามีอีโก้นิดนึงด้วย ถ้าอยากจะรู้ว่าตัวละครโฮปเป็นยังไงมายังไง ก็รอติดตามชมภาพยนตร์ได้นะครับ 20 ตุลาคม ครับ

โชกุน : ครับ ของกุนเล่นเป็น “ตะวัน” ครับผม ตะวันเขาจะเป็นคนที่ชอบช่วยเหลือผู้อื่น แล้วก็เป็นคนที่ร่าเริง สนุกสนาน ง่ายๆ สบายๆ แต่เขาก็จะมีปมบางอย่างเหมือนกันทำให้ทุกคนต้องติดตามแล้วกันครับ เพราะว่าเดี๋ยวพูดไปก็สปอย

กัน : ส่วนของผมกันนะครับ รับบทเป็น “ครูโรจน์” ครับผม ก็คือเป็นครูช่วยฝึกสอนพิเศษ มีหน้าที่คอยสอนนักเรียนต่างๆ แต่ว่าส่วนใหญ่ผมจะคลุกคลีกับโฮปแล้วก็ไซกิ ไซกิรับบทโดยกร ก็คือโฮปกับไซกิเขาจะเป็น 2 คนที่เล่น guitar classic four hand ก็คือเป็นกีตาร์หนึ่งตัว แล้ว 2 คนเล่นด้วยกัน ผมก็จะเป็นหน้าที่ที่คอยดูแลเด็ก 2 คนนี้ แล้วมันก็จะเกิดเรื่องราวอะไรปริศนา ปมต่างๆ มากมาย ครูโรจน์ก็จะพยายามเอาใจช่วยเด็ก 2 คนนี้ด้วย แต่ว่าเป็นคนที่มีความเป็นห่วงลูกศิษย์ค่อนข้างเยอะ บางครั้งก็อาจจะมีความโลเล อาจจะไม่เข้าใจเด็กบ้าง ต้องรอดูในภาพยนตร์นะครับ

คิม : ส่วนของคิมนะครับรับบทเป็น “ครูหว่อง” ครับผม ครูหว่องก็เป็นลูกครึ่งไทย-อเมริกัน

กัน : อะไรครับเนี่ย มันมีบ่งบอกขนาดนั้นเลยหรอ

คิม : ไม่ใช่ๆ

คิม : ครูหว่องก็จะเป็นครูที่มีอีโก้สูง แล้วก็มีวิธีฝึกเด็กในแบบของตัวเองครับผม ซึ่งในเรื่องครูหว่องกับครูโรจน์ ก็เป็นครูฝึกสอนเหมือนกันเขาจะมีความแบบกัดกันอยู่นิดหน่อย

กัน : อ่ะ ใช่ๆ

คิม : ก็ต้องรอติดตามครับ ว่ามันจะดุเด็ดเผ็ดมันแค่ไหน

PROXIE 
T-POP
ภาพ IG : proxie.officialth

ถือเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกของทุกคนเล่นยากไหม

กัน : จริงๆ ต้องถามน้องกุนเลยครับ เรื่องนี้น้องของผมแบบว่า…

คิม : จัดหนักจัดเต็ม

กัน : จัดหนักจัดเต็ม มาทุกอารมณ์เลยครับผม

โชกุน : แรกๆ สำหรับกุนก็ค่อนข้างปรับตัวยากนิดนึงครับผม ก็ค่อนข้างที่จะงงขั้นตอนต่างๆ ในการแสดง เพราะว่าไม่เคยมีประสบการณ์ด้านการแสดงมาก่อน ไม่ว่าจะซีรีส์หรือภาพยนตร์ไม่เคยถ่ายมาก่อนเลยครับ จนได้ลองวันแรกที่ถ่ายก็คือยังงๆ อยู่ว่าเออ เราต้องยังไงดี จานกั้นก็เริ่มได้เทคนิคดีๆ จากพี่ๆ ในกองถ่าย พี่มะเดี่ยว (ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล) ผู้กำกับเรา เขาก็บอกว่านู่นนี่นั่น อย่างพี่ติ๊ก ก็บอกกุน ว่าเวลาจำบทก็จำแค่คีย์เวิร์ดก็พอ พูดออกมาด้วยความรู้สึกจริงๆ ก็เลยเริ่มไปได้สวย ติดลม สนุกเลย พอจะปิดกล้องนี่เหงาเลย ชอบรู้สึกเริ่มชอบมากขึ้น

อองรี : ความยากง่ายของการเล่นภาพยนตร์เรื่องนี้ คือการแสดงมันก็ยากครับผม แต่มันก็จะมีอีกส่วนนึงที่ต้องทำในภาพยนตร์เรื่องนี้คือต้องเล่นเครื่องดนตรีครับผม ซึ่งเครื่องดนตรีที่เล่นเป็นกีตาร์ ทีนี้กีตาร์เล่นตัวเดียวแต่ต้องเล่น 2 คน ก็อาจจะต้องฝึกเพิ่มในเรื่องของคนนี้ต้องเล่นแค่สามสายล่าง อีกคนนึงต้องเล่นอีกสามสายที่เป็นเบสข้างบน ก็จะต้องฝึกค่อนข้างเยอะหน่อยครับ เพราะว่าตอนที่ถ่ายเราต้องเล่นจริงครับผม เพื่อให้ทุกอย่างไม่เสียเวลา ให้ทุกอย่างมันราบรื่นอะไรอย่างนี้ครับ

บรรยากาศในกองถ่ายเป็นยังไงบ้าง

โชกุน : สนุก

อองรี : อบอุ่น

กัน : สนุกครับๆ แต่ว่ามันก็จะมีบางวันที่เราก็ถ่ายกันตั้งแต่เช้าวันนี้จนถึงเช้าตรู่ของอีกวันนึงอะไรอย่างนี้ครับ ก็สู้ชีวิต สนุกดีครับผม ตอนนั้นทุกคนก็เหนื่อยล้าบ้าง

คิม : ไม่เป็นไรนะผ่านมาแล้วนะพี่

อองรี : เราผ่านมาด้วยกันแล้ว

โชกุน : เวลาคิวใครถ่าย คนที่เหลือก็จะหลับหมดเลยครับ หลับอย่างเดียว นอน คือมีเวลานอนก็ขอนอนดีกว่าครับผม แต่ว่าตอนที่ถ่ายกับพี่ๆ ในกล้องอย่างนี้สนุกมาก

ทุกคน : สนุกมากๆ

PROXIE 
T-POP
ภาพ IG : proxie.officialth

ข้อแตกต่างระหว่างการร้องเพลงกับการแสดง

กัน : เยอะมากๆ ครับ ผมรู้สึกว่าร้องเพลงเป็นการที่เราถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกผ่านบทเพลงแล้วทุกอย่างยังคงความเป็นตัวเองอยู่ เพราะว่าเราต้องการแสดงความเป็น PROXIE ให้เต็มที่ใช่ไหม แต่พอเป็นเรื่องของการแสดงคือเราจะต้องกลายเป็นตัวละครตัวนั้น ซึ่งบางทีตัวละครมันอาจจะไม่ได้มีลักษณะนิสัยหรือว่าเหมือนกับชีวิตจริงของเราที่เราเป็นอยู่ เพราะฉะนั้นเราก็ต้องทำการบ้านกับตัวละครตัวนั้นเยอะ แล้วก็ต้องจำเรื่องไดอะล็อกด้วย การทำงานก็ค่อนข้างแตกต่างเพราะการแสดงส่วนใหญ่เราจะคลุกคลีกับผู้คนค่อนข้างเยอะ เพราะว่ามีทั้งนักแสดง ทีมงาน ผู้กำกับ คือทุกอย่างต้องแข่งกับเวลาด้วย เพราะว่างานทุกอย่างมันเยอะมาก รายละเอียดค่อนข้างเยอะ ต้องถ่ายหลายฉากหลายซีน แต่พอเป็นร้องเพลงคือส่วนใหญ่เราจะจบเป็นงานๆ อ่ะครับ ซึ่ง Mood And Tone ก็จะแตกต่างกัน มันก็จะมีความสนุก ความท้าทายอะไรที่มันแตกต่างกัน

คนดูจะได้อะไรจากภาพยนตร์เรื่องนี้

อองรี : อองรีรู้สึกว่าจะได้ความคิดถึง

โชกุน : ในบรรยากาศเก่าๆ

อองรี : ใช่ครับผม คือภาพยนตร์แบบนี้อาจจะไม่ค่อยได้เห็นนานแล้ว ถ้าสมมติได้ไปดูก็อาจจะนึกถึงวันเก่าๆ ก็ขอให้ไปดูกันเยอะๆ นะครับผม

กัน : ผมรู้สึกว่าอย่างที่น้องบอกคือมันจะได้นึกถึงวันวานเก่าๆ หรือบางคนอาจจะกำลังอยู่ในวัยเรียนเหมือนกันด้วย อย่างคนที่โตแล้วถ้าได้กลับมาดูภาพยนตร์เรื่องนี้ผมรู้สึกว่าจะต้องคิดถึงช่วงๆ นึงที่ผมเชื่อว่าทุกๆ คนจะต้องมีโมเมนต์ช่วงที่เราเรียนแล้วเรารู้สึกอยากจะเล่นดนตรีสักชิ้นนึงอ่ะ เราอาจจะมีแก๊งเพื่อนตั้งวงกันอะไรอย่างนี้ พอมันเป็นเรื่องของการเล่นดนตรี พอเป็นกลุ่มผมเชื่อว่ามันต้องมีทั้งความสุข มีปัญหา ความขัดแย้งกันอยู่แล้วในเรื่อง แต่น่าจะได้ข้อคิด หรือได้สาระอะไรบางอย่างติดตัวกลับบ้านไปอย่างแน่นอนครับ

เราในฐานะนักแสดงล่ะ ได้อะไรจากภาพยนตร์เรื่องนี้

ทุกคน : ได้ประสบการณ์ครับ

คิม : ได้ประสบการณ์ใหม่ๆ การเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เป็นอีกก้าวนึงของพวกเราเหมือนกันครับผม ในวงการแสดง ก็ขอบคุณตรงนี้มากๆ แล้วก็ขอบคุณทางผู้ใหญ่ที่ให้โอกาสเราได้มาแสดงหนังเรื่องนี้ด้วยครับ

กัน : ใช่ แล้วเราก็จะได้ทั้งการติชมของแฟนๆ ด้วยครับผม ก็ได้รู้ว่าโอเคนะสิ่งไหนที่ดีเราก็ควรเก็บไว้ครับผม สิ่งไหนที่เราควรปรับปรุงเพื่อเอาไปพัฒนาต่อเราก็จะได้รู้ว่าการแสดงจริงๆ แล้วต้องเพิ่มตรงนี้ ผมรู้สึกว่าการที่พวกเราสามารถทำอะไรได้หลากหลายอย่าง มันเป็นข้อดีเพราะเราจะสามารถทำงานได้หลายด้านด้วย เวลามีอะไรพวกเราก็จะได้โชว์ทุกอย่างให้เต็มที่ เพราะการแสดงสุดท้ายมันก็มีส่วนเชื่อมโยงทั้งการร้องการเต้นอยู่แล้ว ทุกอย่างมันก็คืออยู่ในศาสตร์ของการแสดงอยู่แล้วครับ

ถ้ามีโอกาสในงานด้านการแสดงอีก บทบาทไหนที่เราอยากแสดง

อองรี : ผมอยากเล่นพวกฉากบู๊อะไรอย่างนี้ครับ

กัน : คุณหลับฝันดีทุกคืนแน่ผมบอกเลย

อองรี : เหนื่อย

กัน : เหนื่อยแน่ เหนื่อยๆ

อองรี : ผมอยากเล่นจริงๆ แบบพวกบู๊อะไรอย่างนี้แอคชั่นอะไรอย่างนี้

โชกุน : ของกุนอยากเล่นสยองขวัญครับผม หนังผีก็ได้ แต่เล่นเป็นคนเจอผีนะ ไม่เล่นเป็นผี

กัน : (ขำ) รีบบอกก่อน เดียวเขาติดต่อมาผิดบทอะไรอย่างนี้

โชกุน : เล่นได้หมด แต่จริงๆ อยากเล่นเป็นเด็กนักเรียน ที่เป็นคนหาเรื่องลี้ลับ                     

กัน : แบบท้าทาย ซ่าๆ อะไรอย่างนี้ ผมอยากลองแบบแนวไซไฟ แฟนตาซี แล้วกันครับ อยากรู้ว่าเวลาที่เราดูหนังสักเรื่องนึง แล้วเขามี CG เขามีพลังวิเศษอะไรอย่างนี้ อยู่ๆ มีไฟขึ้นมา อยากรู้ว่าสุดท้าย ถ้าเราไปเล่นจริงๆ เราจะรู้สึกยังไง ภาพที่มันออกมามันจะเป็นยังไง รู้สึกว่ามันมีความท้าทาย ตื่นเต้นดีครับ

คิม : ของคิมอยากเล่นหลายๆ แนว ก็คือไม่ซ้ำกันเลยแต่ละครั้ง อยากเล่นแนวคนที่มีหลายบุคลิกในตัวเดียว คิมว่ามันน่าสนใจมากเลยครับ แบบคลิ๊กมาตะวันมาทำอะไรที่นี่ (หน้าตึงเครียด) คลิ๊ก โชกุน (หน้าร่าเริง)

กัน : อันนี้เหมือนแบบสปอยตัวเองนิดนึงลูกค้าเข้าได้นะครับ ผู้กำกับท่านไหนกำลังหาหนังแนวนี้อยู่จ้างน้องได้นะครับ

PROXIE 
T-POP
ภาพ IG : proxie.officialth

เลือก 2 บทบาท ให้ “กร” กับ “วิคเตอร์”

กัน : กร เหรอครับ ผมว่า…

คิม : กรน่าจะเป็นแนวตัวโดน

กัน : ไม่ๆ ผมว่ากรควรจะเล่นแบบมาดขรึมบ้าง เพราะว่าชีวิตจริงกรเขามีความเจี๊ยวจ๊าว อยากให้กรเล่นแบบเป็นมาดนิ่งๆ บ้าง

คิม : ถ้าอย่างนั้นวิคเตอร์ล่ะ

โชกุน : สลับกันเลย

กัน : ใช่สลับกัน เพราะว่าวิคเตอร์เป็นคนที่ค่อนข้างเงียบ จะไม่ค่อยแสดงออกจะเป็นคนพูดน้อยแต่ต่อยหนัก จะมีคำคมของเขา แต่ผมรู้สึกว่าอยากให้สลับคาแรกเตอร์กัน

คิม : อาจจะแบบจอห์นวิคอย่างนี้

กัน : จอห์นวิคแบบนิ่งๆ เลย ไม่พูดเยอะเน้นแบบตุ้งๆ

อองรี : กรจะเป็นนี่ จอห์นนี่ อิงลิช ยังมีความ…

กัน : ยังมีความตลกอยู่ แต่ไม่พูดเยอะอะไรอย่างนี้

คิม : วิคเตอร์อ่ะวิคเตอร์ พี่แจ๊ส 4G ได้ไหม

กัน : หนังคอมเมดี้ แต่เป็นสายโจ๊ะๆ พูดเยอะๆ ไปเลยอะไรอย่างนี้ครับผม

กว่าจะมาเป็น PROXIE ในวันนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย เราอยากขอบคุณใครบ้าง

กัน : จริงๆ ผมว่าอันดับแรกพวกเราจะต้องขอบคุณตัวพวกเราเองก่อนละกันนะครับ ที่พวกเรายังมีความฝันร่วมกัน ร่วมสู้กันมา ขอบคุณเพื่อนๆ PROXIE ด้วยเพราะว่าการจะเป็น PROXIE ได้นั้นก็ต้องมีทั้ง 6 คนนะครับ ถ้าขาดคนใดคนนึงไปก็จะไม่เป็น PROXIE ครับผม

แล้วก็ขอบคุณผู้ใหญ่ด้วยที่มองเห็นอะไรบางอย่างในตัวพวกเรา 6 คน แล้วก็คอยซัพพอร์ตพวกเรา คอยช่วยเหลือพวกเราเสมอในทุกๆ เรื่องเลย แล้วก็ขอบคุณผู้ปกครองของพวกเราด้วยครับที่ยังเชื่อมั่นในตัวพวกเรา แล้วก็สนับสนุนเต็มที่เวลาเราท้อ เราเหนื่อยบ้าง ผู้ปกครองก็จะคอยให้กำลังใจเสมอ

สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยก็คือต้องขอบคุณทีมงานทุกคน แล้วก็ขอบคุณแฟนคลับของพวกเรา เพราะว่าถ้าไม่มีแฟนคลับ อาจจะไม่มี PROXIE ในวันนี้ก็ได้นะครับผม ขอบคุณทุกคนที่ซัพพอร์ตพวกเราในวันที่พวกเราอาจจะผ่านมรสุมอะไรมาหลายๆ อย่าง เกิดอุปสรรคมากมายในสถานการณ์ต่างๆ ที่ทำให้พวกเราไม่สามารถแบบวางแผนได้ตามเดิมที่เราวางไว้ แต่ว่าผมเชื่อว่าทุกๆ อย่างที่เกิดขึ้นมีทั้งเหตุและผลของมัน แล้วก็ทำให้พวกเราสามารถพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส ทำให้พวกเราพัฒนาตัวเองจนมาเป็น PROXIE ได้ในวันนี้ครับ

PROXIE 
T-POP
ภาพ IG : proxie.officialth

ฝากผลงานกันหน่อย

อองรี : ก็ขออนุญาตฝากเพลงก่อนนะครับผม ตอนนี้เรามีซิงเกิล 2 แล้วนะครับ ชื่อเพลงว่า “คนไม่คย Silent mode” สามารถไปรับชมรับฟังได้ที่ Youtube : PROXIE ตอนนี้ก็สตรีมมิ่งทุกแพลตฟอร์ม ส่วนเรื่องของภาพยนตร์ My Tempo น้องพี่ ดนตรีเพื่อน เข้าทุกโรงภาพยนตร์นะครับทั้ง SF และ Major วันที่ 20 ตุลาคมนี้ครับ อย่าลืมไปรับชมกันนะครับ

โชกุน : แล้วก็ขออนุญาตฝากชาเลนจ์ของพวกเราด้วยนะครับ #คนไม่คุยChallenge นะครับผม ไปเล่นกันเยอะๆ นะครับ เพราะว่าพวกเราแอบไปส่องกันอยู่ตลอดครับผม

ถือเป็นปีของวงการ T-POP จริงๆ ที่ผลิตคนรุ่นใหม่ออกมาให้มีความสามารถที่หลากหลายครบเครื่องสมบูรณ์แบบ และสำหรับชาวยูสเซอร์ รอติดตามคลิปบทสัมภาษณ์ของหนุ่มๆ ทั้ง 4 คน ได้ที่ FEED เร็วๆ นี้

สั่งชาเขียวหวานน้อย ทำไมได้น้ำเปล่ากลับมา

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้ที่จำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ (Strictly Necessary Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้มีความสำคัญต่อการปฏิบัติการของเว็บไซต์ feedforfuture.co ซึ่งจะช่วยให้ท่านสามารถเข้าถึงข้อมูลและเนื้อหาต่างๆ ของเว็บไซต์เราได้ทุกส่วน โดยเฉพาะส่วนสมาชิกผู้ใช้งานของเว็บไซต์ ตลอดจนการตรวจสอบจำนวนผู้เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเรา

  • คุกกี้ด้านประสิทธิภาพการทำงานของเว็บไซต์ (Performance Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ใช้เพื่อรวบรวมข้อมูลทางสถิติเกี่ยวกับการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน เพื่อวิเคราะห์ และช่วยให้เราทราบถึงพฤติกรรมการใช้งาน ซึ่งจะช่วยปรับปรุงการทำงานของเว็บไซต์เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดในการใช้งานบนเว็บไซต์ของเรา

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาเข้ากับกลุ่มเป้าหมาย (Targeting Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ใช้ในการบันทึก และจดจำคุณลักษณะต่างๆ ที่ท่านได้เลือกขณะเข้าชมเว็บไซต์ของเรา เช่น หมวดหมู่ และเนื้อหาที่ท่านชอบอ่านมากที่สุด เราจะบันทึกข้อมูลเหล่านี้ และนำกลับมาใช้เมื่อท่านกลับเข้ามาที่เว็บไซต์ของเราอีกครั้ง เพื่อปรับให้ท่านได้รับชมเนื้อหาได้ตรงกับความชอบของท่านให้มากที่สุด

  • คุกกี้เพื่อนำเสนอโฆษณาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย (Advertising Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ใช้เพื่อจดจำพฤติกรรมการอ่านเนื้อหาบนเว็บไซต์ของท่าน รวมถึงรายละเอียดของอุปกรณ์ที่ท่านใช้ เพื่อนำไปใช้วิเคราะห์การนำเสนอโฆษณาที่เหมาะสมกับท่านมากที่สุด และช่วยวัดความมีประสิทธิผลของโฆษณาที่เรานำเสนอด้วย ตลอดจนช่วยป้องกัน หรือจำกัดจำนวนครั้งที่ท่านจะเห็นโฆษณาเดิมซ้ำๆ

บันทึก