สิคชอบเพลงหลักของอัลบั้มรุ่นที่ 1 ที่ยังไม่ปล่อยค่ะ เดี๋ยวเขาอาจจะกำลังออกมา แต่ก็ยังไม่ใช่เพลงที่เรารอมาโดยตลอดอยู่ดี
“มิวสิค” แพรวา สุธรรมพงษ์ สมาชิกวง BNK48 รุ่นที่ 1
ย่างก้าวต่อไปของ “มิวสิค” แพรวา สุธรรมพงษ์ หลังออกจากวงไอดอลกรุ๊ป BNK48 ในเดือนธันวาคม 2565 พร้อมกับสมาชิกรุ่นที่ 1 อีกหลายคน ยังคงเป็นสิ่งที่แฟนคลับเฝ้ารอติดตาม และไม่ว่าพวกเธอจะเลือกเส้นทางชีวิตของตัวเองอย่างไร ทั้งการโลดแล่นอยู่ในวงการบันเทิงต่อ หรือกลับไปใช้ชีวิตแบบคนธรรมดา ทิ้งภาพลักษณ์ความเป็นไอดอลลงอย่างสิ้นเชิง แต่สุดท้ายเชื่อว่าแฟนคลับทุกคนก็พร้อมที่จะยอมรับและยินดีกับเส้นทางใหม่ที่ท้าทายของพวกเธอในอนาคต
เด็กสาววัย 21 ปี ที่เคยผ่านงานแสดงภาพยนตร์มาแล้ว 5 เรื่อง ทั้งหนังสารคดี Girls Don’t Cry (2561) Where We Belong ที่ตรงนั้นมีฉันหรือเปล่า (2562) หนังสารคดี One Take (2563) เทอมสองสยองขวัญ (2565) และ Faces of Anne | แอน (2565) เปิดใจกับ FEED ด้วยรอยยิ้มที่สดใส ถ่ายทอดเรื่องราวเส้นทางชีวิตบนถนนสายไอดอล 48 กรุ๊ป ให้เราฟังมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องประสบการณ์ตลอด 6 ปี สิ่งที่ประทับใจ อนาคตของตัวเองหลังจากนี้ และความในใจถึงเหล่าแฟนคลับที่เป็นแรงสนับสนุนสำคัญ
มิวสิคยอมรับว่าจากลาเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ตลอดเวลาอยู่แล้ว จึงไม่อยากให้แฟนคลับยึดติด เพราะเธอเชื่อว่าอนาคตอาจจะดีกว่าที่เป็นอยู่ ณ ตอนนี้ก็ได้
วางแผนกับชีวิตในอนาคตอย่างไรบ้าง
มิวสิค : จริงๆ แล้วไม่มีเลยค่ะ คือจริงๆ แล้วเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากสำหรับสิค เพราะว่าตอนนี้สิคเป็นช่วง Gap Year ค่ะ ยังไม่ได้เข้ามหาลัย เป็นช่วงที่เราตั้งคำถามกับชีวิตว่า ชีวิตมันจะเป็นของเราได้จริงๆ หรือเปล่า เพราะเหมือนหลายๆ คนก็เริ่มกดดันมาว่าเมื่อไรสิคจะเข้ามหาลัย แล้วสิคจะเรียนอะไร แล้วจะเริ่มเรียนเมื่อไร
แต่สิครู้สึกว่าปัญหาอย่างแรกเลยก็คือเราไม่สามารถจ่ายเงินค่าเทอมตลอด 4 ปีได้ขนาดนั้น บวกกับสิคมีเรื่องที่อยากจะเรียนรู้เยอะจนหลักสูตรตรงนี้มันรองรับไม่ได้ค่ะ เหมือนถ้าเกิดเราเลือกแล้ว เราก็ต้องเรียนมันไป 4 ปีใช่ไหมคะ
แต่สิครู้สึกว่าใน 1 เดือน สิคมีสิ่งที่อยากเรียนรู้แตกต่างกันไปหมดเลยค่ะ ก็เลยเป็นช่วงที่ตัดสินใจอยู่ว่าเราจะเข้าหรือไม่เข้ามหาลัยดี เราจะเลือกที่จะไม่สนใจคำพูดของคนอื่นได้หรือเปล่า คือหนูรู้สึกนะว่าทุกคนหวังดีกับตัวหนู แต่หนูแค่รู้สึกว่าเราจะสามารถดำเนินชีวิตโดยที่ไม่มีใบปริญญาได้หรือเปล่า
การทำงานในวงตอบโจทย์ตัวเองแค่ไหน
มิวสิค : สำหรับสิคใช้คำว่ามันเป็นประสบการณ์ที่หาที่ไหนทดแทนไม่ได้ค่ะ มันจะมีสักกี่ที่ที่ทำให้เราได้มีโอกาสพากย์เสียง ได้มีโอกาสร้องเพลง ได้มีโอกาสเต้น ได้มีโอกาสถ่าย MV ได้มีโอกาสแสดง มันหาที่ไหนที่ครบกว่านี้ไม่ได้แล้วค่ะ เข้าวงมาแล้วหนูไม่ได้เป็นแค่ไอดอล แต่หนูได้ทำทุกอย่างที่ในชีวิตนี้อาจจะไม่ได้ทำอีกแล้วค่ะ เลยรู้สึกว่าเป็นประสบการณ์ที่หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว
หลังจากนี้แฟนๆ จะได้ติดตามมิวสิคทางไหนได้บ้าง
มิวสิค : ว้าว! หนูว่าทุกคนอาจจะลืมหนูไปแล้วก็ได้ค่ะ จริงๆ คิดว่าน่าจะแบบเข้าๆ ออกๆ หายๆ บ้างค่ะ เพราะว่าจริงๆ แล้วสิคก็เป็น Introvert นะคะ สิคไม่ค่อยชอบยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชน แล้วให้มีคนมาเห็นเราเท่าไร ก็คิดว่าอาจจะห่างหายไปจากโซเชียล แต่ว่าก็อาจจะมีผลงานให้ติดตามอยู่เรื่อยๆ ค่ะ
เหมือนเข้าวงมาแล้ว เราก็ได้รู้ตัวว่าเราไม่ได้ชอบมีคนติดตามเยอะขนาดนั้น หรือว่ามีคนรู้ทุกการเคลื่อนไหวของเรา หรือว่าต้องไปแข่งขันกับใครค่ะ ก็เลยคิดว่าอาจจะอยากมีช่วงเวลาที่แบบไม่ต้องแข่งขันกับใคร แล้วก็มีความสุขให้ได้ โดยเริ่มจากตัวเราค่ะ ก็เลยอาจจะหายไปทำความเข้าใจตัวเองก่อน
หนูอาจจะไปเที่ยวก็ได้ค่ะ หนูเป็นคนที่คิดอะไรแล้วก็ทำกะทันหัน สมมตินะ ตอนนี้หนูมีแพลนว่าอยากจะไปกินแหนมเนืองของเวียดนาม หนูก็อาจจะหายไปในอีกเดือนข้างหน้าอะไรอย่างนี้ก็ได้ อาจจะบินไปกินแหนมเนืองแค่นั้น
ประสบการณ์ในวง 6 ปี ทำให้มิวสิคเติบโตขึ้นแค่ไหน
มิวสิค : มันก็มีทั้งข้อดีข้อเสียนะคะ เพราะว่าเราเข้ามาอยู่ในวงตอนที่เรายังเด็กมากๆ ค่ะ แล้วด้วยความที่เด็ก เราก็จะขาดวุฒิภาวะ หรือว่าความคิดอะไรต่างๆ ใช่ไหมคะ มันก็เลยมีหลายๆ ครั้งที่ทำให้หนูรู้สึกว่า โอ้! ฉันพูดอะไรออกไป แต่พอโตขึ้นมาเราก็เลยรู้สึกว่าสิ่งที่เราทำในวันนั้น มันอาจจะเป็นสิ่งที่แย่ หรือว่าเป็นสิ่งที่ไม่ดีก็จริง แต่หนูก็ไม่อยากจะมานึกเสียใจกับสิ่งที่เราได้ทำลงไปค่ะ รู้สึกเหมือนกับว่าเราได้เจ็บ และเราก็ได้เติบโตขึ้นจากสิ่งๆ นั้น แล้วก็จะไม่ทำพลาดอีกเป็นครั้งที่ 2 คิดว่าเป็นการเรียนรู้ที่อาจจะดีมั้งคะ
คิดว่าอนาคตของวงจะเป็นอย่างไร หลังจากสมาชิกรุ่นที่ 1 ทยอยออกไป
มิวสิค : จริงๆ ไม่ห่วงอะไรเลยค่ะ รู้สึกว่าวงของพวกเราเดี๋ยวเขาก็จะเดินไปต่อ แต่ว่าแค่จะเป็นเวย์ไหน มันก็อาจจะเป็นเรื่องของอนาคต
แต่แค่ตอนนี้เขาไม่ใช่ BNK แบบที่เราเคยคิดเอาไว้ค่ะ หนูก็เลยมีความคิดว่าในเมื่อสถานที่นี้มันไม่ใช่ที่ที่เป็นของเราอีกต่อไปแล้ว ก็ถึงเวลาที่รุ่นใหม่จะเข้ามาทำให้วงนี้ก้าวไปต่อข้างหน้า หนูก็เลยไม่มีอะไรต้องห่วงเลยค่ะ รอติดตามดู แค่นั้นเลย
เรื่องราวที่ประทับใจที่สุด
มิวสิค : ว้าว! น่าจะมิตรภาพค่ะ รู้สึกว่าหนูไม่มีโอกาสได้เจอเพื่อนที่มาจากต่างถิ่น แล้วคาแรคเตอร์ต่างกันขนาดนี้ คิดว่าน่าจะหาที่ไหนไม่ได้แล้ว ที่แบบว่าคาแรคเตอร์ต่างกันแบบสุดโต่ง ความสามารถหลากหลาย แล้วเราสนิทกัน อยู่ได้กับทุกคนขนาดนี้ น่าจะเป็นเรื่องที่ประทับใจที่สุดค่ะ
เพลงที่ชอบที่สุดและคอนเสิร์ตรุ่นที่ 1
มิวสิค : จริงๆ แล้วเพลงที่หนูชอบไม่เคยออกมาเลยสักครั้งค่ะ จนถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่ยอมออกมาค่ะ ก็เลยคิดว่าอาจจะเป็นเรื่องของอนาคตก็ได้ หรือถ้าเกิดให้สปอยล์ก็คือ ถ้าทั้งหมดตอนนี้เลยนะ สิคชอบเพลงหลักของอัลบั้มรุ่นที่ 1 ที่ยังไม่ปล่อยค่ะ เดี๋ยวเขาอาจจะกำลังออกมา แต่ก็ยังไม่ใช่เพลงที่เรารอมาโดยตลอดอยู่ดี
เอาจริงๆ ตอนนี้ก็ยังประชุมกันอยู่เลยค่ะ เราก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันพิเศษหรือเปล่า เพราะว่านั่งประชุมมาด้วยกัน จะเอาจุดไหนเป็นกิมมิคดีอะไรอย่างนี้ ก็เลยคิดว่าอาจจะพิเศษตรงที่มีรุ่น 1 อยู่ครบแทบทุกคนเลยก็ว่าได้ค่ะ
ทุกคนย่อมมีเส้นทางเป็นของตัวเอง
มิวสิค : จริงๆ แล้วอันนี้ก็เป็นสิ่งที่เมมเบอร์ sensitive เหมือนกัน พวกเราจะไม่ได้มาซ้อมด้วยกันแล้วนะ เราจะไม่ได้มานั่งกินข้าว นั่งเม้าท์มอยด้วยกันแล้ว แต่หนูรู้สึกว่าจริงๆ มีแฟนคลับหลายคน ที่จากพวกเราไปเยอะเหมือนกัน ตั้งแต่ตอนที่พวกเราเริ่มวงกันมา หนูก็เลยรู้สึกว่านี่มันถึงเวลาของพวกเราแล้ว ที่เราจะเป็นฝ่ายจากไปบ้าง แต่หนูก็เชื่อว่าทุกคนจะมีเส้นทางเป็นของตัวเองค่ะ บางคนอาจจะยังอยู่ หรือว่าบางคนอาจจะหายไป เชื่อว่าแฟนคลับเองก็น่าจะยังอยู่กับพวกเราไม่หายไปไหนค่ะ
มองภาพการเติบโตของบริษัทยังไงบ้าง
มิวสิค : ไม่เคยคิดว่ามันจะมาไกลขนาดนี้ อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลยนะคะ เปิดตัวมาก็ไม่มีอะไรแล้ว เราจะอยู่รอดไปถึงหนึ่งปีเหรอ แต่ว่าพอเขาเติบโตมาแล้ว ก็มีนู้นนี่นั่นอะไรแบบนี้ใช่ไหมคะ เราก็รู้สึกยินดีมากกว่าที่บริษัทเราเติบโตมาได้ขนาดนี้ หนูรู้สึกว่ามันอาจจะเป็นโอกาสดีสำหรับน้องๆ ด้วยก็ได้ ที่เขาจะได้มีโอกาสแสดงมากขึ้น หรือว่าอาจจะได้มีโอกาสแต่งเพลงของตัวเองมากขึ้นอะไรอย่างนี้ คิดว่าน่าจะเติบโตไปได้อีกไกลค่ะ
LGBTQ คือคนคนหนึ่งที่มีความรักเหมือนมนุษย์ทุกคนบนโลก
มิวสิค : หนูรู้สึกว่า LGBT ก็คือคนคนหนึ่ง ที่เขามีโอกาสที่จะรักคนที่หลากหลายค่ะ หนูไม่ได้รู้สึกว่าความรักมันเป็นสิ่งที่ระบุเจาะจงกับใคร หรือว่าเพศไหนเป็นพิเศษค่ะ แค่รู้สึกว่า LGBT ก็คือบุคคลที่มีความรักแค่นั้นเอง แล้วเขาก็มีอิสระที่จะรัก เราก็ไม่ควรไปจำกัดความว่า เขาเป็นสิ่งที่เรียกว่า LGBT หรือเขาเป็นอะไร เขาแค่เป็นบุคคลที่มีความรักแค่นั้นเลยค่ะ
การแข่งขันภายในวง และสิ่งที่อยากจะบอกรุ่นน้อง
มิวสิค : จริงๆ แล้วสำหรับหนูนะ เมมเบอร์ทุกคนรักกันมากๆ เรายินดีทุกความสำเร็จของเพื่อนเลย ทุกอันเลยจริงๆ ถึงแม้การแข่งขันมันจะดุเดือด แต่อาจจะเป็นเพราะว่าพวกหนูใกล้จะจบการศึกษาแล้วก็ได้มั้งคะ ก็เลยรู้สึกว่ามันเป็นสิ่งที่ปล่อยวางได้แล้ว เราแฮปปี้ให้กันมากกว่า ก็เลยรู้สึกว่ามันเป็นสิ่งที่ซับซ้อน ที่น่าจะมีแค่เมมเบอร์เข้าใจกันเท่านั้นว่าเรารู้สึกยังไง
จริงๆ ก็ไม่มีเลยนะคะ อยากให้เขาเป็นตัวของตัวเอง อยากให้น้องๆ รักษารอยยิ้มที่มีในวันแรก อยากให้เขาสู้ต่อไปค่ะ
มิวสิค แพรวา กล่าวถึงน้องๆ รุ่นต่อไป
มุมมองมิวสิคกับงาน Request Hour 2022
มิวสิค : ย้อนกลับมาเรื่องการแข่งขันอีกแล้ว เพราะหนูรู้สึกว่าในวงของเรา มันมีสิ่งที่ต้องแข่งขันกันเยอะ ไม่ว่าจะเป็นงาน GE (General Election) ที่ทุกคนต้องร่วมซัพพอร์ตเมมเบอร์ของคนนั้นใช่ไหมคะ เพราะว่าในปีนี้มันเป็นปีสุดท้ายของสิคแล้ว สิคเลยรู้สึกไม่อยากแข่งขันกับใครอีกแล้วค่ะ รู้สึกว่ามันควรเป็นงานที่เมมเบอร์ทุกคน แฟนคลับทุกคนมาร่วมใจกัน
หนูได้แต่สงสัยว่ามันจะมีสักวันไหมที่แฟนคลับของพวกเราเขารักกันเอง แล้วเขารู้สึกว่าอยากซัพพอร์ตเพลงของวง ที่ไม่ใช่เพลงของหนูคนเดียวค่ะ แล้วตอนที่รู้ว่าแฟนคลับเลือก Myujikkii หนูก็เลยนึกสงสัยขึ้นมาว่าอันนี้มันนับว่าเป็นหนึ่งในการแข่งขันหรือเปล่า เหมือนแฟนคลับเขาก็อยากส่งมิวสิคให้ไปติด Request Hour อะไรอย่างนี้
หนูก็เลยได้แต่สงสัยว่า Request Hour มันเป็นงานที่ให้แฟนคลับเลือกเพลงที่เขาอยากฟัง แต่เขากำลังพยายามส่งหนูไปติด Request Hour ค่ะ หนูก็เลยรู้สึกว่ามันเป็นการแข่งขันอะไรบางอย่างอยู่หรือเปล่านะ หรือว่ามันมีแค่หนูที่คิดไปเอง หรือว่ามันคือการแข่งขันจริงๆ แค่แฟนคลับเขาเลือกที่จะปฏิเสธว่ามันไม่ใช่การแข่งขัน
รู้สึกว่าครั้งสุดท้ายอยากเต้นด้วยกันกับเมมเบอร์ แล้วก็อยากฟังเพลงที่แฟนคลับอยากฟังบ้างค่ะ ที่ไม่ใช่เพลงที่หนูเป็นคนเลือกให้เขา
การจากลาเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
มิวสิค : จริงๆ ตัวหนูเองก็เสียใจเหมือนกัน เพราะว่ามันคือการจากที่ที่เรารักใช่ไหมคะ ถึงแม้หนูจะชอบบอกบ่อยๆ ว่าอุ๊ย! รอแทบไม่ไหวแล้วนะ เมื่อไรจะออกนะอะไรอย่างนี้ แต่หนูเชื่อว่ามันคือบ้านที่เราทุกคนรัก แล้วก็รู้สึกว่ามันคือต้นกำเนิดของเราค่ะ แต่รู้สึกว่าการจากลามันเป็นทุกสิ่งที่เกิดขึ้นได้ตลอดเวลาอยู่แล้ว หนูก็เลยไม่อยากให้แฟนคลับทุกคนยึดติดกับสิ่งๆ นี้ วันหนึ่งตัวมิวสิคเองก็อาจจะหายไปด้วยก็ได้ หนูอาจจะไปอยู่เวียดนาม หรือไปทำอะไรสักอย่างอยู่
ก็เลยรู้สึกว่าสุดท้ายแล้วชีวิตเรา เราก็คงได้มีโอกาสกลับมาเจอกันอีกครั้ง ก็ไม่อยากให้เขาเสียน้ำตากับสิ่งนี้ค่ะ คิดว่าในอนาคตก็อาจจะได้ถ่ายรูปด้วยกันก็ได้ อาจจะดีกว่าเดิมด้วยซ้ำค่ะ
ขอให้แฟนคลับ “กินอิ่ม-นอนหลับ” ความสุขเล็กๆ น้อยๆ ของไอดอลคนหนึ่ง
มิวสิค : จริงๆ แล้วพูดไม่บ่อย แต่จริงๆ แล้วก็รักแฟนคลับมากเลยค่ะ เพราะหนูรู้สึกมาโดยตลอดเลยว่าการที่เรามีชีวิตอยู่ แล้วมีคนมาช่วยรักเรา มันเป็นสิ่งที่ดีมากเลยนะ รู้สึกทุกครั้งที่มาจับมือ แล้วมีแฟนคลับมาพูดให้เราฟัง ไม่ใช่ว่าเราไม่ให้อะไรเขาเลย เราอาจจะให้โดยที่เราไม่รู้ตัว หนูก็ดีใจที่เราเป็นแค่เด็กคนหนึ่ง แต่เขาทำให้เรามีความสุขได้
เชื่อว่าต่อจากนี้ไป ถึงแม้สิคจะออกจากวงแล้ว หนูก็รู้สึกดีที่แฟนคลับอาจจะไม่ต้องเสียเงินหนักมากกว่าเดิมก็ได้ค่ะ ขอให้เขาแบบว่ากินอิ่มนอนหลับในทุกๆ วัน มันอาจจะเป็นความสุขเล็กๆ น้อยๆ ของไอดอลคนหนึ่ง ที่รู้สึกว่าเขาทำสำเร็จแล้วก็ได้ค่ะ
“มิวสิค” แพรวา สุธรรมพงษ์ กล่าวทิ้งท้าย
อ่านเพิ่มเติม ความเป็น “แอน” ในมุมอง “มิวสิค” แพรวา สุธรรมพงษ์ นักแสดง Faces of Anne
ชม อัลบั้มภาพ “มิวสิค” แพรวา สุธรรมพงษ์ นักแสดงจากภาพยนตร์เรื่อง Faces of Anne | แอน