“บาดแผล” ของ “ลิโอเนล สกาโลนี”
เดือนพฤษภาคม 2006 เวสต์แฮม ยูไนเต็ด เข้าใกล้กับการคว้าถ้วยรางวัลแรกในรอบ 26 ปี (และจะเป็นถ้วยที่สี่นับแต่ก่อตั้งสโมสร) เมื่อเข้าพวกเขาออกนำลิเวอร์พูล 3-2 ในนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลเอฟเอคัพ
แต่แล้ว “สตีเวน เจอร์ราร์ด” ก็ซัดประตูตีเสมอให้ทีมหงส์แดงในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ก่อนที่ลิเวอร์พูลจะเอาชนะในการดวลลูกโทษที่จุดโทษ 3-1 (สกอร์รวม 6-4) ดับฝันของเวสต์แฮมไปอย่างเจ็บปวด
“ลิโอเนล สกาโลนี” แบ็กขวาชาวอาร์เจนตินาของเวสต์แฮมในเวลานั้น ยอมรับว่าประตูตีเสมอของเจอร์ราร์ดเกิดขึ้นได้จากความผิดพลาดของเขา
แต่ด้วยชะตาชีวิตเช่นนั้นนั่นเอง ที่ทำให้สกาโลนีได้พบเจอสิ่งดีๆ ในชีวิต เมื่อกลับไปเล่นฟุตบอลในสเปน เขามีโอกาสทำความรู้จักกับผู้หญิงคนหนึ่ง ทั้งคู่ตัดสินใจแต่งงานกัน และมีลูกๆ สองคน
“พระอาทิตย์กำลังจะขึ้นในวันพรุ่งนี้”
นั่นคือประสบการณ์ครั้งอดีตที่ทำให้สกาโลนีตระหนักว่า นักฟุตบอลจำนวนมากต่างต้อง “แบกรับภาระความรับผิดชอบอันหนักหนาสาหัส” เอาไว้บนบ่าของตัวเอง และหน้าที่ของเขาในฐานะผู้จัดการทีมชาติอาร์เจนตินาคนปัจจุบัน คือ การพยายามปลดปล่อยลูกทีมจากพันธะทางอารมณ์ความรู้สึกแบบนั้น
“พระอาทิตย์กำลังจะขึ้นในวันพรุ่งนี้” คือถ้อยคำที่หัวหน้าโค้ชเช่นสกาโลนีใช้ปลอบใจและปลดเปลื้องความกดดันในจิตใจของคนเป็นนักฟุตบอล
ไม่แน่ใจว่าเขาได้พูดประโยคนี้กับลูกทีมในห้องแต่งตัว ภายหลังอาร์เจนตินาพลิกล็อกพ่ายซาอุดีอาระเบีย 1-2 ในนัดแรกของฟุตบอลโลก 2022 หรือไม่?
เพราะหลังจากนั้น ทีมฟ้าขาวก็ค่อยๆ พัฒนาฟอร์มการเล่นและทีมเวิร์กของตัวเองจนเข้าที่ กระทั่งทะลุมาถึงรอบชิงชนะเลิศของฟุตบอลโลกที่กาตาร์ได้สำเร็จ
ขณะเดียวกัน ผู้จัดการทีมหนุ่มวัย 44 ปี อย่างสกาโลนีก็กลายเป็นขวัญใจของประชาชนชาวอาร์เจนตินา หลังจากเขาพาลูกทีมเดินหน้าคว้าความสำเร็จมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งการได้แชมป์โกปาอเมริกาเมื่อปี 2021 และการมีลุ้นแชมป์ฟุตบอลโลก
ส่งผลให้สมาคมฟุตบอลอาร์เจนตินาตัดสินใจต่อสัญญาการทำงานของสกาโลนีออกไปจนถึงปี 2026 ทั้งๆ ที่เมื่อตอนเขาได้รับแต่งตั้งเป็นผู้จัดการทีมรักษาการ หลังทีมฟ้าขาวล้มเหลวในศึกฟุตบอลโลก 2018 ที่รัสเซียนั้น แทบไม่มีใครในประเทศที่เชื่อมั่นในตัวอดีตแบ็กขวารายนี้เลย
หนึ่งในคำวิจารณ์ที่รุนแรงเอามากๆ มาจาก “ดิเอโก มาราโดนา” สุดยอดตำนานนักเตะผู้ลาลับ ซึ่งบอกว่าการตัดสินใจของสมาคมฟุตบอลอาร์เจนตินาที่แต่งตั้งคนไม่มีประสบการณ์อย่างสกาโลนีเข้ามารับหน้าที่สำคัญ นั้นถือเป็นการตัดสินใจที่ “บ้าบอ”
มาราโดนาถึงกับพูดประชดความบ้าบอดังกล่าวว่า การแข่งขัน “ชิงแชมป์โลก” เดียว ที่เขาจะเดินทางไปชมถึงขอบสนาม คือ “การแข่งขันมอเตอร์ไซค์ชิงแชมป์โลก” ไม่ใช่ “ฟุตบอลโลก”
แต่นายใหญ่ของทีมฟ้าขาวที่เคยผ่านงานเป็นผู้ช่วยผู้จัดการทีมของสโมสรเซบีญาและทีมชาติอาร์เจนตินา โดยไม่เคยเป็นผู้จัดการทีมมาก่อน เช่นสกาโลนี กลับก้มหน้าก้มตาทำงาน โดยไม่ทุ่มเถียงกับคำวิจารณ์ต่างๆ
เขาและทีมงานผู้ช่วยที่ล้วนแล้วแต่เคยเป็นอดีตนักฟุตบอลทีมชาติ (ซึ่งมีชื่อเสียงมากกว่าสกาโลนีเสียอีก) ไม่ว่าจะเป็น “ปาโบล ไอมาร์” “โรแบร์โต (โรเบร์โต) อยาลา” และ “วอลเตอร์ (วัลเตร์) ซามูเอล” ได้ช่วยกันสร้างความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวและความสมัครสมานสามัคคีให้เกิดขึ้นกับทีมชาติอาร์เจนตินาชุดปี 2022
ผลลัพธ์ชิ้นสำคัญของสกาโลนี ทีมงาน และเหล่านักเตะ อาจจะเป็นการคว้าถ้วยแชมป์โลกกลับบ้านเกิดได้เป็นครั้งแรกในรอบ 36 ปี
เป็นการสานฝันสุดท้ายบนเส้นทางนักฟุตบอลของ “ลิโอเนล เมสซี” (ที่เคยเป็นเพื่อนร่วมทีมชาติของสกาโลนี)
ทั้งยังเป็นการอุทิศความสำเร็จให้แก่ฮีโร่ผู้ล่วงลับอย่าง “ดิเอโก มาราโดนา” ซึ่งสำหรับนักเตะทีมชาติชุดปัจจุบันและบรรดาทีมงานผู้ฝึกสอนเกือบทั้งหมดแล้ว นี่คือ “ฟุตบอลโลกหนแรกในชีวิตของพวกเขา” ที่ปราศจากมาราโดนา ไม่ว่าจะในฐานะนักฟุตบอล ผู้จัดการทีม หรือผู้ชมข้างสนาม
ขึ้นอยู่กับว่าในคืนวันที่ 18 ธันวาคมนี้ อาร์เจนตินาจะโชว์ฟอร์มได้ดีต่อเนื่องจากนัดถล่มโครเอเชีย 3-0 หรือไม่? และฝรั่งเศสจะวางแผนมารับมือพวกเขาอย่างไร?