หลังได้รับอิสรภาพ หลุดพ้นการถูกจองจำอยู่ในเรือนจำมานานถึง 16 ปี 6 เดือน จากการถูกจับข้อหามียาเสพติดไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและเสพ เมื่อปี พ.ศ. 2547 สำหรับนักร้องชื่อดังหรือชื่อจริง “แพท พาวเวอร์แพท“ หรือชื่อจริง “วรยศ บุญทองนุ่ม” ซึ่งโทษจำคุกเดิมมีระยะเวลาถึง 50 ปี แต่เนื่องจากเจ้าตัวประพฤติตัวดีขณะอยู่ในเรือนจำ จึงได้รับการลดโทษมาโดยตลอด จนเหลือการจองจำเพียง 16 ปีครึ่ง และได้รับการปล่อยตัวออกมาใช้ชีวิตใหม่อีกครั้งในวันที่ 4 มกราคม 2564
เป็นเสมือนข่าวดีของครอบครัวและเพื่อนสนิทที่เฝ้ารอการกลับมาของ แพท พาวเวอร์แพท FEED ได้รับโอกาสอดีตนักร้องหนุ่ม ถึงห้วงเวลา 16 ปี ในเรือนจำ เขาได้อะไรจากประสบการณ์ความผิดพลาดในวันวานบ้าง
ชีวิตวันแรกในเรือนจำ ปรับตัวยังไง?
แพท : มันไม่ได้น่ากลัว ไม่ได้เหมือนหนัง ทุกสถานที่ก็มีทั้งคนดีคนไม่ดี แล้วก็ภาพที่เราเห็นในหนัง มันก็เป็นเรื่องราวของบทบาทที่ทำให้คนสนใจแค่นั้นเอง ภาพในนั้นไม่ได้เลวร้าย เหมือนสังคมหนึ่ง ผมก็ต้องดูเขาว่าเขาทำอะไรกันบ้าง เพราะว่าด้วยความที่เราไม่รู้ ถ้าไม่รู้มันก็ต้องถาม หรือว่าเขาทำอะไร ก็ทำตามๆ เขาไป ซึ่งมันเป็นสิ่งที่เราตั้งใจว่าเราจะไม่ไปทำตัวแปลกแยก ซึ่งโชคดีอย่างหนึ่งคือว่าเรามีเพื่อน แล้วก็ได้รับมิตรภาพดีๆ เยอะจากด้านในครับ
แน่นอนว่าการอยู่ในเรือนจำ สถานที่ที่ไร้ซึ่งอิสรภาพ หลายคนที่อยู่ข้างในเลือกที่จะใช้ชีวิตเพื่อให้ผ่านไปแต่ละวันอย่างไร้กำลังใจ แพทใช้ชีวิตอย่างไรตอนที่อยู่ข้างใน เจ้าตัวเล่าถึงวิธีการสร้างกำลังใจให้กับตัวเองให้ฟังว่า ส่วนใหญ่เป็นกำลังใจที่สร้างมาจากตัวเอง และอีกส่วนมาจากครอบครัวและเพื่อนๆ ที่ยังไม่ทิ้งกันไปไหน
กำลังใจก็มีสร้างจากตัวเอง แล้วก็จากของครอบครัวด้วย ที่ได้รับจากแฟนคลับด้วย จากพี่ๆ เพื่อนๆ ที่ส่งข่าวมาเยี่ยม ทุกอย่างเป็นเหมือนกับแรงที่มาผสานกัน แท็กทีมกัน ช่วยผลักดันเราให้เรากล่าวพ้นจุดตกต่ำได้ แล้วก็สิ่งที่สำคัญอีกสิ่งหนึ่งคือการสร้างกำลังใจด้วยตัวเราเอง จากงานที่เราทำ จากเป้าหมายชีวิตที่เราวางเอาไว้ สิ่งนี้ก็เป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้เราใช้ชีวิตในนั้นอย่างมีคุณภาพและมีเป้าหมายนะครับ มันไม่มีใครหลีกหนีความเป็นจริงได้ ในสิ่งที่เราต้องเผชิญ เราต้องอยู่ เราก็ต้องอยู่ครับ ถ้าเรามัวแต่ไปทุกข์ ไปจมกับมัน มันก็ไม่มีความสุขใช่ไหม เราก็ต้องพยายามหาความสุขในทุกๆ วันให้เจอ ผมก็เลยต้องเขาเรียกว่ามองหาสิ่งที่จะมาบำบัดความรู้สึกเรา เช่น ศิลปะหรือดนตรี
ประสบการณ์เหล่านี้มันก็มีทั้งดีและไม่ดีนะครับ เราก็ต้องมองแหละว่าสิ่งที่เราผิดพลาดไปเนี่ยมันผิดพลาดเพราะอะไร ทุกอย่างหลักๆ มันก็อยู่ที่ตัวเราเอง น่าจะเชื่อฟังคนที่ตักเตือนเรา น่าจะเห็นความสำคัญของครอบครัว น่าจะใส่ใจและดูแลพ่อแม่แล้วก็ครอบครัวให้มากกว่านี้ สิ่งที่เขาเตือนคือสิ่งที่เขามองเห็นแล้วว่า มันจะส่งผลกระทบอะไรต่อเราบ้าง ไม่อยากจะให้ผิดพลาดแล้วก็ดำเนินชีวิตอย่างอันตรายอย่างของผม
สิ่งที่ภูมิใจที่สุดที่เคยได้ทำ ตอนอยู่ในเรือนจำ?
แพท : หลายอย่างครับ แต่ส่วนหนึ่งก็น่าจะเป็นเรื่องของการเป็นครูจิตอาสา ช่วยสอนดนตรีให้กับเพื่อนๆ พี่น้องผู้ต้องขังด้านใน ข้างในก็จะมีลูกศิษย์ลูกหาเยอะพอสมควร มีสอนวิชาทฤษฎีดนตรีเบื้องต้น แล้วสอนเขียนรูป พอเราได้เห็นพัฒนาการของน้องๆ ที่มาเรียนกับเรา จากคนที่ไม่เป็นเลย เขาก็ค่อยๆ พัฒนาไปเรื่อยจากความรู้ จากข้อมูลที่เราแนะนำไป มันก็เป็นความอิ่มเอิบใจแล้วก็ภูมิใจ
กลัวไหมกับการกลับเข้ามาใช้ชีวิตในสังคมอีกครั้ง พร้อมกับคำว่า “อดีตนักโทษในเรือนจำ” เป็นชื่อห้อยท้าย?
แพท : ผมไม่ได้รู้สึกอะไร เพราะว่าผมเชื่อว่าทุกคนเคยมีบาดแผลในชีวิตหมด ทุกคนเคยผ่านเรื่องราวร้ายๆ มาหมด แล้วก็คนเรามันมีทั้งด้านดีด้านไม่ดีปะปนกันไป นี่คือธรรมชาติของมนุษย์ เพราะฉะนั้นก็ไม่ได้รู้สึกผิดปกติแต่อย่างใด เป็นเรื่องธรรมชาติ เพียงแต่ชีวิตผมมันอาจจะดูแบบว่าโลดโผนไปสักนิดนึง อาจจะดูเวลาร้ายแรงก็คือร้ายแรงจริงๆ อะไรอย่างนี้ ไม่ได้มองว่าเป็นปมหรืออะไรครับ
ผมว่าสังคมอาจจะมองเห็นบางอย่างในตัวผม เห็นความจริงใจที่จะปรับเปลี่ยน ที่จะนำเรื่องราวของตัวเองผ่านสื่อ ถ่ายทอดเป็นอุทาหรณ์ เป็นข้อคิดเตือนใจให้กับวัยรุ่นหรือเยาวชนหรือครอบครัวต่างๆ จุดนี้น่าจะเป็นที่หลายๆ คนอาจมองเห็น แล้วก็เชื่อมั่น ในตัวเรา
เมื่อถามถึงสิ่งที่อยากทำหลังจากออกมาจากเรือนจำคืออะไร เจ้าตัวกล่าวด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นพร้อมคำตอบว่าอยาก “บวช” เพื่อทดแทนคุณของพ่อ-แม่ และเพื่อการเริ่มต้นชีวิตใหม่ของตนด้วย
สิ่งหนึ่งที่ตั้งใจไว้ก็คือเรื่องบวชให้กับครอบครัว ให้กับพ่อแม่ด้วย แล้วก็เป็นสิริมงคลกับการเริ่มต้นชีวิตใหม่ของเรา อีกอย่างหนึ่งคือเรื่องการนำเพลง แล้วก็การกลับมาเล่นดนตรีกับเพื่อนอีกครั้งหนึ่ง ด้านอื่นก็คงจะเป็นการชดเชยให้กับครอบครัวที่ตั้งใจไว้ เพราะว่าท่านก็ทุ่มเทกับเรามามาก คอยช่วยเหลือเรา ซัพพอร์ตเรามาเยอะในช่วงที่เรามีปัญหาชีวิต ช่วงเวลาที่เราได้รับอิสรภาพต่อจากนี้ไปก็คงจะใช้เวลาช่วงนี้อยู่กับครอบครัว แล้วก็ดูแลคุณพ่อคุณแม่
ในที่สุด แพทก็ได้ทำตามความตั้งใจที่ตั้งไว้ ด้วยการเข้าพิธีอุปสมบทอย่างเรียบง่าย ที่วัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2564 โดยได้รับฉายาทางธรรม “กิตติยโส” แปลว่า ผู้มีเกียรติยศ น่ายกย่อง และมีกำหนดอุปสมบททั้งหมด 15 วันด้วยกัน
มุมมองชีวิตในวันนี้ของแพทเป็นยังไง
แพท : เข้าใจในชีวิต จากประสบการณ์ตัวเอง ได้เรียนรู้จากเรื่องราวในอดีต ปรับปรุงตัวเองให้เป็นคนใหม่ ให้มีความคิดที่มันดีกว่เดิมนะครับ แล้วก็น่าจะเป็นคนที่ไม่ได้มองแค่ตัวเองแล้ว เรามองเรื่องของครอบครัว มองเรื่องของสังคมและคนรอบข้าง ก็อยากจะใช้ชีวิตที่เหลือสร้างประโยชน์ แล้วก็ทำสิ่งดีๆ ให้กับทุกคนต่อไป
ผมว่ามันไม่มีอะไรสายเกินไป ตราบใดที่เรายังมีลมหายใจอยู่ ก็สามารถที่จะแก้ไขแล้วก็เริ่มต้นใหม่ได้
คือประโยคสุดท้ายของการพูดคุย พร้อมสายตาของที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นของแพท พาวเวอร์แพทในการเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง