“ลูกเกด” ปวิตรา จิตตกิจ ถือเป็นอีกหนึ่งดาวเด่นจากพรรคก้าวไกลในการเลือกตั้งปี 2566 เบื้องลึกเบื้องหลังชีวิตของเธอนั้นมีความน่าสนใจเป็นอย่างมาก
เพราะเคยเป็นเพื่อนร่วมรุ่นที่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กับ รศ.ดร.ปิยบุตร แสงกนกกุล อดีตเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่
นอกจากนี้เธอยังมีประสบการณ์การทำงานกับบริษัทเอกชนมากมายในฐานะพนักงานธนาคาร พนักงานสายการบิน รวมไปถึงทำธุรกิจด้านการส่งออก และทำธุรกิจเช่าเหมาลำเครื่องบินเจ็ตส่วนตัว หรือ Private Jet
หลังจากนั้นก็ได้มาทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับ วิโรจน์ ลักขณาอดิศร อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ซึ่งตัวเธอมีบทบาทสำคัญในการช่วยทลายรัง IO ครั้งแรกอันโด่งดังมาแล้ว
FEED ขอพาทุกท่านไปรู้จักตัวตน “ลูกเกด” ปวิตรา จิตตกิจ ผู้สมัคร ส.ส. กรุงเทพมหานคร เขตเลือกตั้งที่ 32 และเจาะลึกกรอบความคิดในการทำงานด้านการเมืองให้ลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น
ทำอย่างไรคนไทยถึงจะมีคุณภาพชีวิตที่ดีแบบในต่างประเทศ
ปวิตรา จิตตกิจ : สวัสดีค่ะ ปวิตรา จิตตกิจ ชื่อเล่นชื่อลูกเกดค่ะ เป็นผู้สมัครพรรคก้าวไกลหมายเลข 9 เขตเลือกตั้งที่ 32 อันประกอบไปด้วย เขตบางกอกน้อย (เฉพาะแขวงศิริราช) เขตบางกอกใหญ่ เขตภาษีเจริญ (ยกเว้นแขวงบางหว้า แขวงบางด้วน และแขวงคลองขวาง) เขตตลิ่งชัน (เฉพาะแขวงบางเชือกหนัง) เขตธนบุรี (เฉพาะแขวงวัดกัลยาณ์ แขวงหิรัญรูจี และแขวงบางยี่เรือ)
ลูกเกดเรียนจบคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คือจริงๆ เเล้วเรามี passion ส่วนตัว มีความสนใจในหลายๆ เรื่อง ฉะนั้นก็เลยมีความต้องการจะทำงานหลายๆ อย่าง เริ่มด้วยการเป็นพนักงานธนาคาร เป็นพนักงานสายการบิน เเล้วก็ไปทำงานด้านอสังหาฯ ไปทำงานด้านส่งออก รวมถึงธุรกิจเช่าเหมาลำ หรือ Private Jet จริงๆ แล้วก็หลายอาชีพเหมือนกัน ซึ่งโดยรวมเเล้วเป็นเรื่องของการบริการด้านเอกชน
จริงๆ แล้วลูกเกดก็เป็นผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง ที่เกิดมาเรียนหนังสือจบประกอบอาชีพได้ เป็นที่พึ่งของครอบครัวได้ หางานได้ทำได้ดี แต่ทีนี้ในระหว่างเส้นทางการใช้ชีวิตปกติ มันมีความไม่ปกติเกิดขึ้นในชีวิตเรา เหมือนกับว่าเราเดินทางอยู่บนถนนแล้วฟุตพาทมันมีความไม่เท่าเทียม คือพื้นมันตะปุ่มตะป่ำ
เเต่พอไปตรงพื้นที่ของเอกชนหรืออะไรอย่างนี้ ถนนเขาก็เรียบได้ เเต่ทำไมประชาชนอย่างเราใช้ชีวิตอย่างลำบากจัง มันก็เกิดความคิดว่าเอ๊ะทำไมเราอยู่ในประเทศเเบบนี้ เราต้องทำยังไง เราถึงจะมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น จากการที่เราเป็นคนธรรมดาเราก็เริ่มคิดว่าเมื่อไหร่เราจะเป็นเหมือนเมืองนอก คือประชากรในต่างประเทศเขามีคุณภาพ เราก็อยากจะได้เเบบนั้นบ้าง มันก็เลยเป็นเหตุอยู่ในใจมานานว่าเออชีวิตคนเราเนี่ยมันเหมือนเลือกเกิดไม่ได้เนอะ
จบคณะนิติศาสตร์ ธรรมศาสตร์ เพื่อนร่วมรุ่นอาจารย์ปิยบุตร
ปวิตรา จิตตกิจ : ต้องย้อนไปไกลนิดนึงเอาตั้งเเต่ก่อนจะมาเป็นพรรคก้าวไกลก็มีพรรคอนาคตใหม่ใช่ไหมคะ ลูกเกดเรียนจบคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นเพื่อนร่วมรุ่นกับอาจารย์ปิยบุตร ก็รู้จักกับอาจารย์ปิยบุตรและเป็นเพื่อนกันนั่นเเหละ ลึกๆ เเล้วก็มีอุดมการณ์ตรงกัน แล้ววันที่อาจารย์ปิยบุตรเปิดตัวพรรคอนาคตใหม่ ก็รีบติดต่อไปเลยด้วยความที่ในใจมันพลุ่งพล่านเหลือเกิน
เพราะคนอย่างลูกเกดก็คือมีความท้าทายอยู่เเล้ว รู้สึกว่าสิ่งที่เพื่อนเราเริ่มก้าวเดินเริ่มทำมันเป็นสิ่งที่เขาได้ตัดสินใจอย่างถูกต้องเเล้ว และมีความเชื่อในตัวเพื่อนมากว่านี่คือสิ่งที่ถูกเเล้ว เพราะเราก็รู้กันมานานว่าประเทศนี้เป็นยังไง มีช่องว่างตรงไหน มีอันไหนที่เราควรจะต้องทำ ถ้าเราทำได้ก็รีบเสนอตัว ไม่ลังเลเลยค่ะ
ก็รีบไลน์ไปหาอาจารย์ปิยบุตรว่าอยากจะช่วยงาน และทำอะไรก็ได้ ซึ่งตอนนั้นก็ไม่ทราบหรอกว่างานพรรคการเมืองจะเป็นยังไง เเล้วเราก็ยังเป็นพนักงานบริษัทเป็นผู้จัดการเป็นผู้บริหารของบริษัทต่างๆ ในตอนนั้น ก็รู้สึกว่าน่าสนุกจังเลย เพื่อนมาเปิดพรรคการเมืองเเล้วเราจะต้องเรียนอะไร ก็กลับมาถามตัวเองว่าถ้าไม่รู้จักอาจารย์ปิยบุตรเนี่ยจะมีโอกาสได้ไปทำงานการเมืองไหม
เหมือนกับเราอยู่ดีๆ วันหนึ่งเราจะเดินไปพรรคข้างบ้านหรือพรรคอะไรที่เราเคยเลือกเขา เราจะไปบอกว่าหนูอยากทำงานค่ะ ซึ่งมันก็ไม่ใช่ เพราะว่าในใจก็คิดว่าการทำงานการเมืองเนี่ยคุณต้องพร้อมทั้งวัยวุฒิ คุณวุฒิ เเล้วก็อาจจะมีความพร้อมหลายๆ ด้าน เเต่ท้ายสุดด้วยความเป็นเพื่อนก็คือขออาสาค่ะ ทำอะไรก็ได้ ณ วันนั้น
ก็คือไปร่วมงานกับอนาคตใหม่ด้วยการที่เป็นอาสา ไปทำ group discuss เเต่ละอาชีพ ซึ่งตอนนั้นพรรคอนาคตใหม่ก็ยังเป็นวุ้นๆ อยู่เลย ยังไม่มีการประชุมจัดตั้ง ก็จะมีการเรียกประชุมอาสาต่างๆ ทางออนไลน์ที่มีความถนัดเฉพาะด้าน เเล้วก็เริ่มไปช่วยงานโดยที่เจอหน้าอาจารย์ปิยบุตรแค่วันเดียว หลังจากนั้นก็ไม่เจอกันอีกเลย เพราะว่าต่างคนต่างไป
อาจารย์ปิยบุตรก็ไปทำงานด้าน process ของพรรคฯ ในส่วนของเเกนนำ ส่วนของลูกเกดก็จะติดตามกับทางทีมกรุงเทพฯ หลังจากนั้นก็เริ่มหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ ความหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ คือใจเราคิดว่าการมาช่วยเป็นอาสาเนี่ยมันไม่มากพอ เเล้วมันก็ยังไม่รู้สึกว่าเต็มที่กับสิ่งที่เราตัดสินใจที่จะมาร่วมงาน
เราอยากเป็นฟันเฟือง เป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนเพื่อที่จะเปลี่ยน คือในส่วนของการทำงานการเมืองมันเป็นการ brain storm ของคนที่คิดเหมือนๆ กัน คิดที่อยากจะเปลี่ยนเหมือนกัน ณ วันนั้นก็เลยเริ่มบอกอาจารย์ปิยบุตรว่าถ้าเป็นไปได้เนี่ย ขอทำเเบบบ่อยๆ full-time ก็ได้ อาจารย์ปิยบุตรก็บอกว่าเอาเเน่เหรอ พร้อมใช่ไหมอะไรอย่างนี้
เสียใจที่พรรคอนาคตใหม่ถูกยุบ แต่ไม่สิ้นหวัง
ปวิตรา จิตตกิจ : หลังจากนั้นก็เริ่มมาเป็นทีมหลังบ้านให้กับทีมกรุงเทพฯ เหมือนกับเป็นเเม่บ้านค่ะ เราก็ผลักดัน ส.ส. ชุดเเรกเข้าสู่สภา เกดก็มีความถนัดทางด้านการจัดอีเวนต์ การติดต่อกับทางหน่วยงานต่างๆ จัดเเคมเปญไปลงพื้นที่ เราก็เลยรู้สึกว่ามันคือประสบการณ์ที่เราก็ไม่รู้หรอกว่าเราต้องเรียนอะไรหรือเราจะไปหาโอกาสที่จะมาทำตรงนี้ที่ไหน
พอหลังจากที่พรรคอนาคตใหม่ถูกยุบมันก็เสียใจ รู้สึกเสียดาย สิ่งที่เราทำมามันเหมือนกับสิ้นหวังเหรอ มันไม่ใช่นะ ตอนนี้ก็เลยคิดได้เเล้วว่าประสบการณ์ที่ผ่านมา เรารู้เเล้วว่าหลังบ้านเป็นยังไง หน้าบ้านเป็นยังไง ระหว่างที่ ส.ส. เข้าสภา เกดก็มีส่วนร่วมช่วยเหลือหลังบ้าน
ฉะนั้นเราจะรู้เเล้วว่างานของพรรคการเมืองทำอะไรบ้าง ดังนั้นรอบนี้เป็นพรรคก้าวไกล ลูกเกดก็เลยขอโอกาส ขออาสาเสนอตัวเองมาลงอยู่เเถวหน้า แล้วในเขตพื้นที่ที่อาสาเนี่ย เป็นพื้นที่ที่เราไม่ได้ชนะครั้งที่เเล้ว ดังนั้นถือเป็นความท้าทายในชีวิตอีกครั้ง
ฉายาลูกเกดขยัน และมือขวาวิโรจน์ช่วยทลายรัง IO
ปวิตรา จิตตกิจ : ฉายาลูกเกดขยัน เกิดจากแคมเปญ “กรุงเทพขยับ” ก่อน กรุงเทพขยับเกิดขึ้นตอนสมัยอนาคตใหม่ แล้วมีแคมเปญกรุงเทพขยับไปทั่วหัวเมืองของกรุงเทพฯ แล้วลูกเกดเองเป็นผู้จัดการกองแคมเปญกรุงเทพฯ ก็ช่วยจัดสรรทีม เช่น ทีมนี้วันนี้เราเดินกันตรงนี้ เดี๋ยวคุณธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ จะมาตรงนี้นะนู่นนี่นั่น
จนเพื่อนที่อยู่ในทีม พวกอาสาด้วยกันก็บอกแบบว่า เธอไม่พักบ้างเหรอ เธอจะขยันไปไหนอะไรแบบนี้ ก็เลยมีฉายาลูกเกดขยันขึ้นมา แล้วก็มีทำเป็นฟอนต์ลูกเกดขยันด้วย
ส่วนมือขวาของวิโรจน์อาจจะเกิดจากการทำงานร่วมกันมากกว่า คือพี่วิโรจน์รู้จักกันตั้งแต่ก่อนมีพรรคอนาคตใหม่ เป็นเพื่อนรุ่นพี่ในทวิตเตอร์ คือเราเป็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่ว่างก็ท่องเที่ยว ว่างก็เล่นทวิตเตอร์ ซึ่งการเล่นทวิตเตอร์ก็คือได้ดูสิ่งที่อยู่รอบๆ ตัวคนอื่นว่าเขาเสพอะไรกัน เราก็ได้มาแชร์
หลังจากนั้นก็ไปเจอพี่วิโรจน์ในแอ็กเคานต์หนึ่ง ซึ่งแกทวิตเตอร์ได้แบบปั๊วะปังมาก แล้วเขาก็บอกเราว่าเราก็ปั๊วะปังเช่นกัน หลังจากนั้นก็เลยอินบ็อกซ์คุยกัน แล้วก็กลายเป็นเพื่อนรักกันอะไรแบบนี้
พอวันที่เกิดพรรคอนาคตใหม่ก็เลยเชิญแกมาเจอกันหน่อย มาคุยกันหารือกัน ก็เลยชวนแกมาลงสมัคร ส.ส. พอแกเป็น ส.ส. ก็เลยหนีบไปเป็นผู้ช่วย ซึ่งจริงๆ ก่อนหน้าที่จะมีตำแหน่ง หรือไม่ได้มีตำแหน่งก็อีกเรื่องหนึ่งนะคะ แต่ว่าก็ช่วยเหลือกันในฐานะที่้เป็นเพื่อนกันอยู่แล้ว แล้วก็มีความเข้าขากันดีอยู่แล้วในเรื่องของการทำงาน คือคุยกันถูกคอ
ส่วนในเรื่องของการทำงานการเมืองมันหลายเรื่อง ต้องมีความไว้ใจกันอย่างมาก ก็ถือว่าในหลายๆ ครั้งของการอภิปรายในสภาที่เป็นเรื่องที่ต้องใช้ความไว้วางใจสูง ลูกเกดก็ได้รับมอบหมายตรงนั้น ก็เลยถือว่าเป็นมือขวาวิโรจน์ในการทลายรัง IO ครั้งแรกที่แบบเปรี้ยงปร้าง ลูกเกดก็เป็นคนที่ดูแลสไลด์ ดูแลเนื้อหา
น้องรักพี่เจี๊ยบนครปฐม ร่วมต่อสู้กับคนเสื้อแดง
ปวิตรา จิตตกิจ : ส่วนน้องรักพี่เจี๊ยบ อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ก็ต้องย้อนกลับไปอีกว่า การต่อสู้ของประเทศเราตั้งแต่สมัยก่อนที่มีเสื้อแดงเสื้อเหลือง สมัยนั้นลูกเกดเองก็มีความคิดอยู่ตลอดเวลาว่าที่ผ่านมาประเทศไทยเราเจอกับการบริหารงานที่มันไม่โอเค มีความไม่เป็นธรรมเกิดขึ้น
อย่างสมัยตอนนั้นอดีตท่านนายกฯ ก็เหมือนถูกรังแก เราก็รู้สึกว่าเฮ้ยอันนี้มันไม่แฟร์สำหรับเขา เขาคือคนคนหนึ่งที่มาบริหารประเทศ แล้วหลายๆ คนเลือกเขามา แต่ทำไมเขาถูกปฏิบัติแบบนั้น แล้วทีนี้พอมันมีเสื้อแดงออกมา เราก็คือหนึ่งในนั้นด้วย ซึ่งก็ไปด้วย
แล้วทีนี้ก็บังเอิญว่าไปเจอกับพี่เจี๊ยบ ตอนนั้นทำงานอสังหาฯ อยู่แถวนครปฐม แล้วพี่เจี๊ยบก็อยู่ที่จังหวัดนครปฐมพอดี แกก็จะจัดกิจกรรมบ่อยมาก เราก็ไปแบบไม่รู้จักกันนั่นแหละ แต่ก็ไปหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ พี่เขาก็แบบว่าน้องคนนี้มาบ่อย ก็เลยกลายเป็นสนิทกัน
หลังจากนั้นก็เจอกันทุกงาน เราก็เลยเป็นน้องรัก มันคลิกกัน ลงตัวกัน ก็เลยเป็นเหมือนกับน้องรักที่ร่วมรบทุกสนาม จนมาถึงวันที่เป็นพรรคการเมือง เราก็เข้ามาอยู่ด้วยกัน
ด้วยความที่มันเป็นก้าวไกลต้องขอบพระคุณประชาชนที่ให้ความเมตตานะคะ ก้าวไกลก็ซาบซึ้งในความเมตตานี้ เรารู้สึกว่าผลตอบรับดีค่ะ เปอร์เซ็นต์เทจในการที่จะปฏิเสธคือน้อยมาก
เรารู้สึกว่าเหมือนมาถูกทาง เราได้ตัดสินใจทำเพื่อประชาชน ประชาชนก็คงเห็นว่าเราตั้งใจจริง แล้วที่ผ่านมาเนี่ยเราไม่ได้ทำการเมืองแบบเล่นๆ เกดกำลังคิดว่าทุกคนชอบพูดว่าอ้าวคุณเป็นคนธรรมดา คุณมาเล่นกันเหรอ ไม่ได้มาเล่นค่ะ เรามาทำจริงจัง
เราต้องการทำการเมือง แบบทำการเมืองจริงๆ คือใช้คำว่าเล่นการเมืองกับคนอื่น แต่ก้าวไกลไม่ใช่ค่ะ แม้กระทั่งตัวเกดเอง เกดคิดว่าการมาอยู่ตรงนี้มันคือการทำงานการเมืองเพื่อประชาชน ดังนั้นการตอบรับกับประชาชน มันก็จะเป็นผลดี เขาคงเข้าใจว่าเราตั้งใจจริงๆ ค่ะ
การเมืองดี ปากท้องดี มีอนาคต เปลี่ยนการเมืองกันก่อนค่ะ กาก้าวไกล เพื่อเปลี่ยนใช่ไหมคะ ให้การเมืองเป็นแบบรัฐบาลก้าวไกล เพื่อเราจะไปทำให้ปากท้องดี
ปากท้องดี คือมีเศรษฐกิจดี ตั้งตัว เติบโตได้ มีอาชีพ มีเศรษฐกิจที่ดี แล้วหลังจากนั้นเราจะมีอนาคตด้วยกัน มีอนาคตทุกคน ไม่ต้องไปพึ่งพาใครแล้วค่ะ ทุกคนอยู่ได้เสมอภาคเท่าเทียมกันค่ะ
ลูกเกด ปวิตรา จิตตกิจ กล่าวทิ้งท้ายพร้อมรอยยิ้ม