จากเมื่อครั้งก่อน เราได้เล่าถึงความรักของ ซูสและแกนีมีด ไปครั้งที่แล้ว ครั้งนี้มีจุดเชื่อมโยงของทั้งสองเรื่องคือ “สงครามเมืองทรอย”
อย่างแรกต้องขอเกริ่นเรื่อง “สงครามเมืองทรอย” สักนิดนึง ไม่อย่างนั้นคุณผู้อ่านอาจจะสับสนได้
“สงครามเมืองทรอย หรือ Trojan War” เป็นการสู้รบกันระหว่างชาว อะคีอันส์ (ชาวกรีก) และ ชาวกรุงทรอย
ที่มีต้นตอมาจาก “แอปเปิ้ลทองคำเพียงผลเดียว” ที่ เทพีเอริส (เทพีเอริสคือเทพีแห่งความริษยาและแตกแยก) ได้โยนเข้าไปในงานเลี้ยงงานแต่งงานของเหล่าเทพที่นางไม่ได้รับเชิญ
บนแอปเปิ้ลลูกนั้นเขียนคำว่า “Dear the fairest” (แด่ผู้ที่เลอโฉมที่สุด) แน่นอนว่าเหล่าเทพีต่างแย่งชิงเพื่อที่จะเป็นผู้ที่เลอโฉมที่สุด สุดท้ายเหลือเพียง เทพีเฮร่า (ภรรยาของเทพซูส-เป็นเทพีแห่งสตรีและการสมรส) เทพีอโฟรไดท์ (เทพีแห่งความรัก ความงาม สุขารมณ์และการให้กำเนิด) และเทพีอธีน่า (ลูกสาวของเทพซูส-เทพีแห่งสงคราม ปัญญา และงานหัตถกรรม) เท่านั้นที่ต้องการแอปเปิ้ลสีทองลูกนี้ล้วนเป็นเหล่าเทพผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสิ้น
ทั้ง 3 เทพีตัดสินกันไม่ได้ว่าใครจะได้แอปเปิ้ลสีทองลูกนี้ไป จึงได้ให้เทพซูสตัดสิน แน่นอนว่าเทพซูสไม่อาจตัดสินใจได้เพราะเกรงว่าจะทำให้เทพีทั้ง 3 นั้นผิดใจกัน จึงโยนแอปเปิ้ลสีทองลูกนี้ไปให้ “ปารีส” เจ้าชายแห่งเมืองทรอยเป็นผู้ตัดสิน แต่เทพีทั้ง 3 ก็ยังอยากจะติดสินบนเพื่อให้ตัวเองนั้นเป็นผู้เลอโฉมที่สุด โดยเทพีเฮร่ากล่าวว่าจะให้เขานั้นเป็นผู้ครองนครที่ยิ่งใหญ่, เทพีอะธีน่ากล่าวว่าจะให้เขาเป็นผู้แกร่งกล้าในการออกรบ รบที่ไหนชนะที่นั่น และสุดท้ายเทพีอโฟรไดท์กล่าวว่าจะให้เขาได้ครองคู่กับผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลก
แน่นอนว่า ปารีสได้เลือกให้เทพีอโฟรไดท์นั้นได้แอปเปิ้ลสีทองไป ถึงกระนั้นปารีสก็มีภรรยาอยู่แล้วคือ นางอีโอเน่ อีกทั้งผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลกคือ นางเฮเลน ซึ่งเป็นราชีนีแห่งเมืองสปาต้าก็มีสามีคือ เมนเดเลียส อยู่แล้วเช่นกัน แน่นอนว่าเทพีอโฟรไดท์ โนสนโนแคร์ ได้พาตัวปารีสไปยังเมืองสปาต้า และลักพาตัวนางเฮเลนมาอยู่กินด้วยกันที่เมืองทรอย
แน่นอนว่าเมนเดเลียส กษัตริย์แห่งเมืองสปาต้านั้นรู้ว่านางเฮเลน ภรรยาของตนถูกลักพาตัวไปเมืองทรอย จึงได้ยกทัพมาตีเมืองทรอย รวมถึงตัวเอกของเรา “อคิลลิส” ลูกชายของนางพรายสมุทรตรีเธติสและพีลยูส เจ้านครไกอา (ซึ่งงานแต่งงานที่เทพีเอรีสเข้าไปก่อกวนในข้างต้น คืองานแต่งของพ่อแม่อคิลลิสนี่แหล่ะ)
ย้อนกลับมาที่ปูมหลังของอคิลลิส นางเธติสผู้เป็นแม่ก็อยากจะให้ลูกน้อยของตนเองเป็นอมตะ จึงได้นำตัวอคิลลิสเบบี้ไปจุ่มกับน้ำในแม่น้ำสติกซ์เพื่อให้เป็นอมตะ แต่ตอนจะจุ่มก็ต้องจับข้อเท้าลูกน้อยเพื่อให้จุ่มน้ำได้ง่าย ทำให้ส่วนข้อเท้าของอคิลลิสเป็นส่วนเดียวที่ไม่โดนน้ำ ทำให้นั่นคือจุดอ่อนเดียวของเขาเช่นกัน
อคิลลิส ก็เติบโตขึ้นมาและถูกฝึกให้เป็นนักรบที่เก่งกาจ และได้เข้าร่วมกับกองทัพกรีกเพื่อไปตีเมืองทรอย
โดยที่กองทัพกรีกได้ขนกองทัพขึ้นเรือมากว่าพันลำ (จึงทำให้เกิดการพูดถึงนางเฮเลนว่า “The face that launched a thousand ships” หรือ สวยจนเรือกว่าพันลำต้องมาทวงเธอคืน)
สงครามระหว่างกรีกและชาวทรอยเริ่มยืดเยื้อกว่า 10 ปี ไม่แม้แต่ในโลกมนุษย์ แต่ในโลกของเทพก็ตีกันเช่นกัน ฝั่งเทพีอะโฟรไดท์นั้นอยู่ข้างเมืองทรอย ส่วนเทพีเฮร่าและเทพีอะธีน่านั้นอยู่ฝั่งกรีก
ตัดกลับมาที่เส้นเรื่องหลัก เกิดเหตุการณ์ทะเลาะกันระหว่าง อะกาเมมนอน ผู้นำทัพกรีกและเป็นพี่ชายของเมนเดเลียสและตัวเอกของเราอะคิลลิส จึงทำให้อคิลลิสรู้สึกว่าเป็นการไม่ไว้หน้าตน อคิลลิสจึงโกรธและถอนตัวออกจากการรบ
อคิลลิสได้แต่เก็บตัวอยู่บนเรือ และปล่อยให้ทหารฝั่งกรีกที่เหลือรบกับชาวทรอยต่อไปแบบไม่แยแส จนฝั่งชาวทรอยรุกเข้ามาจนจะถึงตัวเรือของฝั่งกรีกแล้ว หากโดนเผาเรือทิ้ง ชาวกรีกต้องพบกับความพ่ายแพ้แน่ และแน่นอนว่าอคิลลิสไม่ได้มาเพียงคนเดียว แต่ก็พาคนสนิทมาด้วยอย่าง “เปโตรคัส”
ด้วยความที่ฝั่งกรีกนั้นเสียเปรียบอย่างเห็นได้ชัด เพราะอคิลลิสไม่ไปช่วยออกรบ เปโตรคัสจึงได้ขอร้องต่ออคิลลิสว่า “หากอคิลลิสไม่เป็นรบไม่เป็นไร แต่ขอยืมชุดเกราะใส่ไปออกรบแทน เพื่อหลอกชาวทรอยว่าอคิลลิสกลับมาออกรบแล้ว” อคิลลิสเห็นแบบนั้นจึงให้ยืมไป และก็ได้ผล ชาวทรอยค่อยๆ ล่าถอยออกไป
แม้ว่าอคิลลิสจะให้ยืมชุดเกราะไป แต่ทิ้งท้ายกับเปโตรคัสว่า “หากใส่ชุดแล้ว อย่านำทัพไปจนถึงกำแพงเมืองทรอย” เพราะหากเปโตรคัสไปรุกไปถึงกำแพงเมืองทรอยละก็ ชาวทรอยคงรู้แน่ว่านี่ไม่ใช่อคิลลิสตัวจริง
หารู้ไม่ว่าเปโตรคัสนั้นฮึกเฮิมเกินห้ามใจ จนไปถึงกำแพงเมืองทรอย อะพอลโล่ที่เห็นอย่างนั้นจึงพยายามผลักเปโตรคัสออกไปให้พ้นทาง แต่เปโตรคัสก็ยังไม่ละความพยายาม จนสุดท้ายอะพอลโล่ก็โมโหตีเกราะจนหลุดไป พอเฮกเตอร์ (พี่ชายของเจ้าชายปารีสแห่งเมืองทรอยเมื่อตอนต้นเรื่อง) เห็นเสื้อเกราะหลุด จึงได้แทงหอกเข้าไปจนเปโตรคัสถึงแก่ความตาย
แน่นอนว่าพอ อคิลลิสรู้เข้าว่าคนที่ตนรักนั้นได้ตายจากไปแล้ว ทำให้อคิสลิสโกรธมาก จึงได้ออกมารบอีกครั้ง และเข้าถึงตัวเฮกเตอร์ ก่อนจะฆ่าตายในที่สุด แม้ว่าอคิลลิสจะฆ่าเฮกเตอร์ได้แล้ว ความโกรธของอคิลลิสที่สูญเสียคนที่รักก็ยังไม่หมดไป เขาเอาร่างของเฮกเตอร์มาผูกกับรถม้าและลากไปทั่วเมือง ทำให้กษัตริย์ไพรอัมและราชีนีแฮคิวบาแห่งเมืองทรอยเศร้าโศกเสียใจเป็นอย่างมากที่เห็นร่างไร้วิญญาณของลูกชายถูกลากไปทั่วเมือง
แม้ว่าเปโตรคัสจะจากไปแล้ว แต่อคิลลิสก็ยังไม่ให้นำร่างของเขาไปทำพิธี ยังคงเศร้าโศกเสียใจกับการจากไปอยู่ จนท้ายที่สุดเหล่าทวยเทพได้สงสารกษัตริย์ไพรอัมและราชีนีแฮคิวบาจึงได้ทำให้ราชาแห่งเมืองทรอยมาขอไถ่ร่างของลูกชายกลับไปทำพิธีได้
แม้จะมีการพักยกให้ทั้งฝ่ายกรีกและฝ่ายเมืองทรอยได้ทำพิธีทางศาสนาให้กับครอบครัวของทั้งสองฝั่ง ท้ายสุดการรบก็ยังดำเนินการต่อไป จนอคิลลิสก็ถูกธนูจากเจ้าชายปารีสยิงเข้ามาที่ข้อเท้าและตายตามเปโตรคัสไปในที่สุด
แม้ว่าจะเสียลูกชายอันเป็นที่รักไป แต่นางเธติสผู้เป็นแม่ก็นำร่างของอะคิลลิสมาทำพิธีกรรมทางศาสนาและนำขี้เถ้าของอคิลลิสไปใส่ไว้ในโกศอันเดียวกับเปโตรคัสอีกด้วย เรียกได้ว่าอยู่ก็อยู่ด้วยกัน แม้จะเหลือแต่เถ้ากระดูกก็ยังอยู่ด้วยกัน
โลกของปกรณัมกรีกยังรักกันในสนามรบได้ แล้วทำไมเราถึงจะไม่ไปงาน ‘FEED Y Capital’ เมืองหลวงซีรีส์วายได้ยังไงล่ะ!
Feed Y Capital 24 กันยายน 2565 ที่ SIAM SQUARE ลานจอดรถที่ 3 (SEE FAH)
ภายในงานยังมีนักแสดงซีรีส์ Y อีกมากมาย! และงานนี้ เข้าฟรี!!!
ข้อมูลจาก
People You May Know Podcast EP7: สงครามกรุงทรอยของโฮเมอร์ กวีเอก , Farose