เมื่อไม่นานมานี้ สื่อหลายสำนักมีการนำเสนอข่าว ปิดตำนาน 46 ปี ข้าวต้มเตาถ่าน “สกายไฮ ราชดำเนิน” วันสุดท้าย 31 ม.ค.66 รายละเอียดอ่านได้ที่ https://www.matichon.co.th/social/news_3726774
มาถึงวันนี้ ศูนย์ข้อมูลมติชน ขอเชิญร่วมย้อนดูบรรยากาศของร้านสกายไฮบนนถนนราชดำเนินเมื่อ 30 ปีที่แล้ว (แต่ร้านมีอายุ 46 ปี) และที่มาของการเปิดร้าน จากรายงานพิเศษเรื่อง สกายไฮ โลกใหญ่-ทะเลกว้าง โดย ยายเมศิลปวัฒนธรรม ฉบับ พฤษภาคม 2536 ดังนี้
.
ไม่เคยเลยซักครั้งที่จะพลาดเหตุการณ์สำคัญไปได้…ใครบางคนมักจะได้รับคำนิยามเช่นนี้ ด้วยความที่เป็นคนกระตือรือร้นต่อเหตุการณ์รอบตัวเหลือเกิน
แต่บางครั้งอะไร ๆ ก็เป็นไปอย่างไม่ได้ตั้งใจ เหมือนร้านอาหารแห่งนี้ ที่ไม่เคยคาดหวังจะ
ผ่านเหตุการณ์อะไร แต่กลับไม่เคยพลาดเลย
และเป็นตอนสำคัญมากเสียด้วย
ได้เวลาแดดร่มลมตก รถราบนถนนราชดำเนินวันนี้เริ่มเรียงแถวต่อกันเป็นแพยาว ซึ่งในเวลาเดียวกันนี้เมื่อปี 2520 ถนนเส้นนี้ยังมืดทืมแล้วก็เงียบเหงา แต่ก็ยังอุตส่าห์มีคนอย่างสวัสดิ์ หงษ์สวัสดิ์ หาญกล้ามาเปิดร้านขายข้าวแกงไทยใช้ชื่อฝรั่งว่า “สกายไฮ” ใกล้ ๆ กับ โรงแรมรัตนโกสินทร์ โรงแรมเคียงคู่กับสนามหลวงนี่แหละ
เวลาและสถานที่เช่นนี้ คงไม่ต้องบอกว่าเหตุการณ์สำคัญที่ว่านี้คืออะไร กัปตันซึ่งทำงานกับร้านนี้มาแต่ต้นเล่าให้ฟังด้วยน้ำเสียงธรรดาว่า “เราชักประตูเหล็กปิดร้านเท่านั้นเอง” หลังจากนั้น ประชาธิปไตยเมืองไทยก็ก่อร่างสร้างตัวไป ส่วนสกายไฮเริ่มลองเปิดขายอาหารข้าวต้มตอนกลางคืน
เพื่อรองรับลูกค้ายามดึกจากสถานเริงรมย์ย่านนั้นแล้วเลยได้สถานะเป็นร้านข้าวต้มกลางคืนด้วยอีกหนึ่ง
เพราะบรรยากาศสลัวจากแสงไฟสีเหลืองชวนให้วัยรุ่นใช้เป็นแหล่งชุมนุมกัน ลูกค้าในช่วงนั้นซึ่งมีทั้งนักเขียน นักหนังสือพิมพ์จากสยามรัฐ ที่อยู่ข้างเคียง นักว่าความ นักรักยามราตรีและกลุ่มสุดท้ายคือนักเลงหัวไม้ที่มักจะลงเอยด้วยการตีหัวกันจนเจ้าของร้านและบริกรชักอ่อนใจ
เมื่อ 2 ปี (พ.ศ.2534)ที่ผ่านมาจึงได้ปรับเปลี่ยนโฉมร้านเสียใหม่กลายเป็นร้านโอโถงขนาดสองดูหา เปิดไฟสีขาวสว่างไสว ด้านหน้าร้านบริเวณทางเท้ายังมีโต๊ะเรียงรายเป็นแนวอีกกว่า 20 โต๊ะ
ทางร้านเปิดให้บริการอาหารทั้งไทยจีนฝรั่งกับลูกค้าที่แวะเวียนมากินกันไม่ได้ขาดเลยซักวัน
แม้แต่ “วันมืด ๆ” ในเดือนพฤษภาคมปีที่ผ่านมานอกจากบรรดาลูกค้าประจำที่มาจับจองที่นั่งรอ
สมัครพรรคพวกและใช้เป็นที่ติดตามสถานการณ์วิพากษ์วิจารณ์เหตุการณ์แล้ว ทางร้านยังต้อนรับ
ลูกค้าขาจรต่างจังหวัดที่เข้ามามากในช่วงนั้นด้วย
ปกติทางร้านจะตั้งโต๊ะเป็น 3 แถว เมื่อเกิดการชุมนุม ทางร้านก็ลดเหลือแถวเดียว จน
วันที่ 17 (เหตุการณ์พฤษภามหาโหด 2535) เหตุการณ์ชักตึงเครียดก็ปิดประตูแยกย้ายกันกลับบ้าน พนักงานของร้านไม่มีใครขวัญเสียเพราะหลายคนเคยผ่านเหตุการณ์ 14 ตุลามาด้วยกันแล้ว เลยช่วยเป็นพี่เลี้ยงให้กับคนที่ไม่
คุ้นเคย เหตุการณ์ครั้งนั้นทางร้านเสียกระจกบานโตหน้าร้านไปหนึ่งบาน
แล้วทุกอย่างก็กลับสู่สภาพปกติ ทำมาค้าขายคล่องเสียจนอดนึกไม่ได้ว่า หากคนบิดตัวเป็นเกลียวได้ ก็คงได้เห็นเป็นแน่ เพราะบริกรร้านนี้วิ่งกันวุ่นทีเดียว โดยเฉพาะวันศุกร์และสุดสัปดาห์ด้วยแล้ว โต๊ะที่เรียงรายบริเวณทางเท้ากว่า 20 ตัวนั้นเต็มหมด เพราะบรรยากาศข้างนอกโปร่งสบายแม้ว่ารถที่ติดกันสลอนบริเวณนั้นจะโชยกลิ่นไอเสียควันพิษมาบ้าง แต่ความหนาทึบของต้นประดู่และต้นคูนสูงใหญ่ก็ช่วยให้ลืมไปได้มาก
ที่มาของชื่อ สกายไฮ นี้ มีเคล็ดอยู่บ้างเหมือนกัน หมอดูแนะว่า ควรให้ขึ้นต้นด้วย ส.เสือ และเมื่อออกมาเป็นประโยคให้มีความหมายว่า”สูงเด่น” ส่วนภาษาจีน “คุณสวัสดิ์” เล่นคำให้ออกเสียงคล้องจองกับคำว่า สกายไฮ โดยใช้คำว่าชาเจียไห่ หมายถึงโลกใหญ่ทะเลกว้าง
แต่ใช่ว่าชื่อดีแล้วจะทำให้ร้านเติบโตอย่างทุกวันนี้ได้ สิ่งสำคัญที่ทางร้านรักษามาตลอดก็คือบริการคุณภาพด้วยบริกรคุณภาพและรสชาติอาหารที่อร่อยสม่ำเสมอ บริกรและกุ๊กบางคนจึงมีอายุงาน
มากพอ ๆ กับอายุร้าน
ใครก็ตามที่แวะมาร้านนี้ต้องไม่ลืมอาหารจานสำคัญ คือ ปลาช่อนต้มเกี้ยมไฉ่. เป็ดพะโล้และต้มขาไก่ โดยเฉพาะจานหลังนี้ เขาเอาไก่มาตุ๋นกับเครื่องต้มยำ เสิร์ฟมาในหม้อไฟให้ร้อนระอุตลอดเวลา รสชาติต้มขาไก่นี้ไม่จัดเหมือนต้มยำ แต่คล่องคอเสียจนยากที่จะตักช้อนแรกแล้ววางช้อนลงได้ คล่องแค่ไหนก็ลองคิดดูว่า บางวันต้องใช้ไก่มากถึง 30 กิโลกรัม
ถึงกระนั้นก็ยังไม่พอดีนัก เพราะเป็นอาหารจานเด็ดที่นักเลงสุราชื่นชมนักแล รวมทั้งนักเขียนหน้าตาคุ้นเคยที่มักไปชุมนุมยอดข้าวกันอยู่เนืองๆ ถ้าอยากรับประทาน “จานเด็ด” จึงต้องไปหัวค่ำ
หน่อย จะได้ไม่ผิดหวัง
เสน่ห์ของร้านประการหนึ่งก็คือ ระหว่างที่นั่งกินอยู่จะมีรถเข็นปลาหมึกปิ้งแผงโตโฉบมาส่งกลิ่นหอมยวนใจ จนต้องซื้อกินไปตามระเบียบ พอซักพักใหญ่ใครในโต๊ะบ่นลอย ๆ ว่า อยากกินมะม่วง
กำลังเสียดายน้ำลายที่สอออกมา แหมรถมะม่วงน้ำปลาหวานก็เข็นมาเกยถึงที่
ที่ทำให้รู้สึกดีก็คือ ลูกโปงสวรรค์พวงโตคับทางเท้าที่พ่อค้าถือมาเร่ขาย สีสวย ๆ ของลูกโป่ง
ชวนให้นึกว่าอยู่ในานปาร์ตี้เล็ก ๆ นี่แหละทีเด็ดเพราะบรรยากาศสบาย ๆ แบบนี้ย่านนี้ไม่ได้หา
กันง่าย ๆ
ถ้าวันไหนนึกอยากจะพูดไปกินไปได้เต็มเสียงและเต็มปากเต็มคำ ได้วางช้อนเสียงดังบ้าง
ลองแวะไป “สกายไฮ” ดู
แล้วคุณจะพบว่าความรื่นรมย์หาได้ไม่ยากเลย
เพียงสมัครสมาชิก MIC E -library คุณสามารถเข้าไปค้นข้อมูลในฐานข้อมูลข่าว ประกอบด้วย ข่าวทั่วไป บทสัมภาษณ์ บทความ บทวิเคราะห์ วิจารณ์ รายงาน ข้อเขียนอื่นๆ จากหนังสือพิมพ์มติชน หนังสือพิมพ์ข่าวสด หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ และนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ สามารถค้นข้อมูลได้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2540 จนถึงปัจจุบัน สมัครที่ ในราคาเพียงวันละ 175 บาท
สมัครได้ที่ : https://www.matichonelibrary.com/
ซื้อ E-Magazine :http://bit.ly/SILAPAWATTANATHAM
สามารถอ่านได้ทั้งระบบ ios และ Android ผ่าน Application
Ookbee, MEB, SE-ED, NAIIN, Hytexts, Google Play Books, Pinto E-Book