ออกสู่สายตาชาวโลกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับชุดประจำชาติ “สงกรานต์เทวี” (Songkran Devi) ของ “แอนนา เสืองามเอี่ยม” รอบ National Costume ในการประกวดมิสยูนิเวิร์ส 2022 รอบพรีลิมมินารีเมื่อช่วงเช้าวันที่ 12 มกราคม โดยฝีมือของ “แชมป์ พีรณัฐ วิริยะ” แฟชั่นดีไซเนอร์น้องใหม่จากแบรนด์ “CIQURE” ผู้รังสรรค์ชุดประจำชาติ ที่ได้แรงบันดาลใจจาก “นางกิมิทาเทวี” นางสงกรานต์ประจำปี พ.ศ. 2566 แทนทีมเก่าที่ขอถอนตัวไป เนื่องจากเรื่องสุขภาพ
FEED นัดสัมภาษณ์พูดคุยกับ “แชมป์ พีรณัฐ วิริยะ” ถึงเส้นทางและความรู้สึกแบบสดๆ ร้อนๆ หลังชุดของเจ้าตัวได้ขึ้นเวทีมิสยูนิเวิร์ส ในรอบพรีลิมมินารีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
สวัสดีค่ะ พีรณัฐ วิริยะ นะคะ ตอนนี้เป็นดีไซเนอร์ แล้วก็กำลังทำแบรนด์เสื้อผ้าของตัวเองค่ะ
วินาทีแรกที่รู้ว่าได้ทำชุดประจำชาติมิสยูนิเวิร์ส
แชมป์ พีรณัฐ : ย้อนกลับไปในตอนแรกหนูส่งแบบเข้าไปประกวดทั้งสองชุดค่ะ คือชุดประจำชาติแล้วก็ชุดราตรี แต่ก็ไม่ได้เป็นผู้ชนะ ตอนนั้นตกใจค่ะ ยอมรับว่าตอนแรกไม่ได้รู้สึกดีใจเลย (หัวเราะ) ตอนนั้นยังงงๆ จู่ๆ แม่ปุ้ย (ปิยาภรณ์ แสนโกศิก) โทรมาหาให้เข้าไปที่ออฟฟิศ ตอนนั้นเราเองก็ยังไม่รู้ว่าจะได้ทำชุดประจำชาติ ก็ตกปากรับคำว่าจะเข้าไป สักพักมีพี่คนหนึ่งโทรเข้ามาหาบอกว่า เธอจะต้องทำชุดประจำชาติ พร้อมไหม ถ้าจะทำเราจะสู้ไปด้วยกันไหม? ตอนนั้นบอกเลยว่าหนูรู้สึกแบลงค์และตกใจมาก ไม่คิดว่าเราจะได้ทำ (ยิ้ม)
วันนั้นหนูยอมรับกับผู้ใหญ่ตรงๆ ว่าถ้าต้องทำชุดที่เคยสเก็ตซ์ส่งแบบแรกไป หนูไม่สามารถทำได้ เพราะว่าด้วยระยะเวลาที่เหลือมีน้อยมาก ก็เลยขอทางผู้ใหญ่ว่าขอหาวิธีทำชุดใหม่ได้ไหม ผู้ใหญ่ก็โอเค เราเองนำไปเสนอไป 2 แบบ คือแบบสนุกสนาน ฟีลเดียวกันกับชุดตุ๊กตุ๊กไทยแลนด์ กับแบบสวยงามเหมือนปีของพี่น้ำตาล ชลิตา ซึ่งแบบสนุกสนานก็คือธีมหลักที่ทำสเก็ตซ์ส่งไปครั้งแรก ส่วนแบบที่สองแบบสวยงาม ที่คิดอยากทำเพราะรู้สึกว่าแอนนาเหมาะกับงานสวยๆ นิ่งๆ สง่างาม มากกว่าที่จะเป็นแนวแฟนตาซี เลยได้ไปปรึกษากับ “พี่โจ้ Surface” และ “พี่เอส Prive Couture” ว่าเราทำแบบนี้จะดีกว่าไหม
ทางผู้ใหญ่ก็ให้เวลาไปทำแบบสเก็ตซ์มาส่ง หนูใช้เวลา 1 คืนในการคิดและสเก็ตซ์แบบไปนำเสนอทางกอง คืนนั้นหนูโทรไปขอลาออกกับที่ทำงานเดิมเลยค่ะ เพราะอยากเอาเวลามาโฟกัสกับชุดประจำชาติ จะได้ไม่รบกวนเวลาทำงานประจำด้วย โชคดีที่พี่ๆ ที่นั่นเข้าใจและยินดีที่จะสนับสนุน ให้กำลังใจเรา วันไหนอยากกลับมาก็ได้พร้อมต้อนรับเสมอ เราเลยสามารถที่จะเคลียร์ภาระหน้าที่ตรงนั้นมาเต็มที่กับชุดประจำชาติได้
ระยะเวลา 22 วัน กับการทำชุด “สงกรานต์เทวี”
แชมป์ พีรณัฐ : หนูรู้ว่าจะได้ทำชุดวันที่ 14 พฤศจิกายน 2565 พอวันที่ 15 เริ่มสเก็ตซ์แบบ และเป้าหมายของเราคือจะต้องทำชุดให้เสร็จในวันที่ 13 ธันวาคม ซึ่งระยะเวลามันไม่ถึงเดือน ยอมรับเลยว่าไม่เคยคุยกับแอนนาแบบจริงจังมาก่อนเลยค่ะ เคยเจอกันบ้างในห้องสัมภาษณ์ตอนไปนำเสนอชุดที่ส่งประกวด ไม่รู้ตัวตนว่าเขาใส่อะไรแล้วจะสวย ก็เลยไปทำการบ้านด้วยการหาเรฟจากในไอจีของแอนนา แล้วก็ไปเจอว่าเขาใส่ชุดไทยสวยมาก เลยคิดว่าถ้าไปในชุดไทยแบบปกติ เรียบๆ แต่มีกิมมิคมีดีเทล น่าจะเหมาะกว่า
15 พฤศจิกายน ก็เลยเริ่มสเก็ตซ์แบบแล้วส่งให้ผู้ใหญ่ดูในค่ำวันนั้นเลย จริงๆ แล้วใน 1 แบบที่สเก็ตซ์ออกมา มีหลายองค์ประกอบหลายวัสดุที่เราสำรองไว้เปลี่ยน ไม่ว่าจะเป็นช่วงกระโปรง ด้านบนของชุด แล้วในระยะเวลาที่ไม่ถึงเดือน แบบสเก็ตซ์ก็มีการเปลี่ยนไปด้วย เพราะแบบที่เราสเก็ตซ์กับเวลาทำจริงต้องมีการแก้การเปลี่ยนเพื่อให้เหมาะกับตัวนางงามอยู่แล้ว โชคดีที่แม่ปุ้ยและผู้ใหญ่ทุกคนเข้าใจ
สาเหตุที่เลือก “นางกิมิทาเทวี” มาเป็นแบบ แชมป์ พีรณัฐ เล่าว่าจริงๆ แล้วในตอนแรกเลือกแบบเป็นนางสงกรานต์ปี พ.ศ.2565 แต่ด้วยความที่แอนนาจะต้องไปประกวดปีนี้ จึงเลือกเป็นนางสงกรานต์ปีนี้เลย เพื่อให้สามารถต่อยอดไปสู่การโปรโมทงานเทศกาลสงกรานต์ได้ด้วย
แชมป์ พีรณัฐ : เราประกวดมกราคมใช่ไหมคะ อีกไม่กี่เดือนก็จะเป็นเดือนของเทศกาลสงกรานต์แล้ว เลยเลือกนางกิมิทาเทวี เหมือนการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวเลยค่ะ คือได้ทั้งชุดไปประกวดมิสยูนิเวิร์สด้วย แล้วก็ได้โปรโมทการท่องเที่ยวของประเทศไทยในเทศกาลสงกรานต์ที่กำลังจะมาถึงด้วย
หนูใช้ระยะเวลาประมาณ 10 วันในการทำโครงชุดและฟิตติ้งชุด ด้วยความที่เป็นงานเร่ง ความยากของโครงชุดจึงต้องใช้ช่างที่ชำนาญจริงๆ เพราะผ้าที่ใช้ทำชุดเป็นผ้าตาข่ายซึ่งมีความเบาและบางมาก แล้วเราต้องเย็บโครงไปกับชุดคอร์เซ็ทด้วย เลยจะค่อนข้างยากเป็นพิเศษ จึงใช้ระยะเวลาในการทำโครงชุดค่อนข้างนาน ส่วนงานปักเริ่มลงมือทำจริงๆ คือวันที่ 26 พฤศจิกายน แล้วไหนจะกรองคอที่เป็นกิมมิคสำคัญอีกส่วนของชุดนี้อีก เรารู้ว่าจะไม่ทันแน่ๆ ถ้าทำคนเดียว ก็เลยโทรเรียกทีมน้องๆ ที่มหาวิทยาลัย รุ่นพี่ที่เคยไปฝึกงานด้วยมาช่วย ซึ่งระยะเวลาวันที่เริ่มปักจนสำเร็จสมบูรณ์แบบจริงๆ ใช้เวลาไปทั้งหมด 17 วันด้วยกันค่ะ
ความกดดันไม่มากเท่ากลัวโดนสาปจากแฟนนางงาม
แชมป์ พีรณัฐ : ถามว่ากดดันไหม ก็กดดันค่ะ แต่กลัวโดนสาป ยอมรับเลยว่ากลัวโดนแฟนนางงามสาปมาก แต่ด้วยความที่เราได้โอกาสมาแล้ว เราจึงต้องทำตรงนี้ให้ดีที่สุด หนูคิดอยู่เสมอว่าสิ่งที่มันเสียไปแล้วเราไม่สามารถนำกลับมาคืนได้ คือเวลากับโอกาส ดังนั้นจึงทำให้เต็มที่ที่สุด สวยงามที่สุดในระยะเวลาที่มี ถามว่ากดดันไหม ตอนที่หนูนั่งปักงานอยู่คนเดียว ยังไม่ได้เรียกทีมมาช่วย วันหนึ่งเดินลงมาจากห้องแล้วเห็นว่าชุดยังปักไม่เสร็จทั้งที่ผ่านมา 4-5 วันแล้ว หนูนั่งร้องไห้อยู่หน้าชุดเลย การร้องของหนูวันนั้นเป็นเหมือนการระบายความกดดันค่ะ พอร้องเสร็จ โอเค ฮึบ แล้วกลับมาทำต่อ มีบางวันออกไปกินหมูกะทะกับเพื่อนบ้าง เพื่อผ่อนคลายตัวเองจากการที่เราไม่ได้ออกไปไหนเลย เพราะต้องเร่งมือทำชุดให้ทันตามกำหนด
อีกหนึ่งสิ่งที่คลายความกดดันให้หนูได้ดีที่สุดเลยก็คือการไปเจอกับแอนนา ซึ่งจะเป็นช่วงดึกๆ หลังจากที่แอนนาจบการเทรนนิ่งในแต่ละวัน แอนนาเขาเคยเจอความกดดันมามากกว่าเรา เขาเลยเป็นคนที่ให้กำลังใจเรามากกว่า สิ่งเหล่านี้มันช่วยคลายความกดดันให้หนูได้ดีมากๆ เลยค่ะ พอหายกดดันแล้วมันก็เกิดความรู้สึกมั่นใจในตัวเอง ว่าฝีมือเราเองก็ไม่ได้แย่นะ ต้องทำให้เต็มที่ ทำยังไงก็ได้ให้มันออกมาสวยที่สุด แค่นั้นเลยค่ะ
กิมมิคของชุด
แชมป์ พีรณัฐ : ถ้าสังเกตดีๆ จะเห็นว่าชุดของหนูมีการนำวัสดุเหลือใช้อย่างขวดน้ำเข้ามาใช้ในการชุดด้วย แต่ไม่บอกละกันว่าอยู่ตรงไหน อยากให้ทุกคนลองหาดู แล้วมาบอกเรา หรือว่าถ้าใครไม่เจอก็ไม่เป็นไรนะคะ ให้มันกลายเป็นสิ่งที่น่าค้นหาต่อไปก็ได้ค่ะ
ฟีคแบควันเปิดตัวชุด
แชมป์ พีรณัฐ : ตัวหนูเองหนูก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทางกองจะปล่อยออกมาวันไหน (หัวเราะ) จนเห็นวิดีโอขึ้นมาหน้าฟีด ตอนนั้นหนูตัวสั่นไปหมดเลยค่ะ รีบโทรหาแม่ปุ๊กอุ๊กทันทีเลย บอกไม่ถูกเลยค่ะ หนูพยายามคิดมาแบบนี้ตลอดเลยนะว่า ถ้ามันดีมันดีเลย อีกใจก็เตรียมรับฟีดแบคไว้เหมือนกัน
มีคอมเมนต์หนึ่งในวันเปิดตัวชุดประชาติ ทำให้หนูรู้สึกใจฟูมากสุดๆ ก็คือ มีคนหนึ่งคอมเมนต์ว่า จากที่เขารู้สึกเฉยๆ กับตัวแอนนาเสือ พอเห็นแอนนาในชุดสงกรานต์เทวี ทำให้เขากลับมาเชียร์แอนนาเสือ มันทำให้เรารู้สึกใจฟูมาก ที่สามารถดึงคนให้หันกลับมาเชียร์แอนนาได้ และรอคอยที่จะเห็นชุดนี้บนเวทีมิสยูนิเวิร์สค่ะ
แชมป์ พีรณัฐ วิริยะ
วินาทีที่ได้เห็นชุดของตัวเองบนเวทีมิสยูนิเวิร์ส
แชมป์ พีรณัฐ : ดีใจมากค่ะ ตอนที่แอนนาอยู่ในกองประกวด เราก็คุยกันอยู่ตลอด เราเชื่อมั่นในตัวเขาว่าเขาจะนำเสนอชุดได้ดี จากการที่เราคลุกคลีกันมา แล้ววันนี้ก็เห็นแล้วว่าเขาทำได้ดีมาก หนูภูมิใจมาก
อย่างแรกเลยขอขอบคุณแฟนๆ นางงามทุกคนที่ให้กำลังใจแอนนา เรารู้ว่าเขากดดัน เขาเครียดมาก แต่เราก็ไม่อยากให้เขาเครียด อย่างวันที่เราไปฟิตติ้งชุดให้แอนนา เราเองก็กดดัน แอนนาจับมือหนูแล้วบอกว่า เธอดีใจไหมที่เห็นชุดอยู่บนตัวเรา (ร้องไห้) ณ ตอนนั้นเราเป็นดีไซเนอร์ ปกติเราจะเป็นฝ่ายถามเขาว่าโอเคไหม มั่นใจไหม แต่กลายเป็นว่าเขาเป็นคนถามเรา เป็นห่วงความรู้สึกเรา เรารู้ว่าเขาแบกความคาดหวังของคนไว้เยอะ แต่กลายเป็นว่าเขาเป็นมอบพลังให้กับเราได้ เราอยากขอบคุณเขามาก ที่เขาให้พลังกับเราตรงนี้ รู้สึกโชคดีมากที่อย่างน้อยชีวิตนี้ได้เป็นเพื่อนกับเขา
หนูขอขอบคุณทีมงาน TPN ทุกคนที่คอยให้กำลังใจเราอยู่เสมอ แล้วก็เชื่อมั่นในตัวหนู ว่าหนูสามารถทำได้ แล้วก็ขอบคุณแฟนๆ นางงามทุกคนที่ให้กระแสตอบรับดีมาก แล้วก็คอยให้กำลังใจหนูอยู่เสมอ หนูรับรู้ทุกข้อความ ที่เขาบอกขอบคุณที่ทำชุดให้แอนนาเสือ มันเป็นอะไรที่พูดไม่ออกเหมือนกันค่ะ (ร้องไห้)
แชมป์ พีรณัฐ ทิ้งท้ายในการสัมภาษณ์ครั้งนี้ว่า เพราะได้เห็นชุดประจำชาติบนเวทีนางงามมาตั้งแต่เด็ก เลยเกิดเป็นความฝันเล็กๆ ว่าวันหนึ่งตนอยากจะทำชุดขึ้นไปอยู่บนนั้นเวทีบ้าง แต่ก็ไม่คิดว่าโอกาสจะมาถึงเร็วขนาดนี้ ครั้งนี้ถือว่าเป็นโอกาสดีๆ ที่เข้ามาให้พิสูจน์ฝีมือ ซึ่งถือว่าเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จที่เกิดขึ้นในชีวิตตนเองไปเรียบร้อยแล้ว