ต้องเรียกว่า จัดเต็มคาราเบล จัดหนักแบบไม่ให้พักกันเลย สำหรับซีรีส์สายเกาตัวแรงในแพลตฟอร์ม Netflix เพราะทันทีที่ Under the Queen’s Umbrella ปิดฉากตอนที่ 16 ไปพร้อมกับความสำเร็จถล่มทลาย สัปดาห์ต่อมา ซีรีส์เรื่องใหม่ที่ถือเป็นซีซั่น 2 ที่บรรดาแฟนานุแฟนต่างตั้งตารอก็เริ่มเปิดฉากฉายในไทยตั้งแต่วันที่ 10 ธ.ค. 2565 ทันทีเลย
Alchemy of Souls: Light and Shadow หรือ เล่นแร่แปรวิญญาณ ซีซั่น 2 กลับมานำเสนอความสนุกสนานอีกครั้ง หลังจาก ซีซั่นแรก Alchemy of Souls ความยาว 10 EP กลายเป็นม้ามืดที่ไม่มีใครคาดมาก่อนว่า เนื้อหาที่เล่าเรื่องย้อนยุค มีความดราม่า แฟนตาซี เรื่องนี้จะถูกอกถูกใจผู้ชมในกว้างทั้งในเกาหลีใต้เอง และอีกหลายๆ ประเทศ (รวมถึงเมืองไทยด้วย)
เหตุผลสำคัญที่ทำให้ประสบความสำเร็จและกลายเป็นซีรีส์ที่คนดูตั้งตารอคอยมาจากองค์ประกอบหลักทั้ง การเขียนบทที่ได้ครบรสชาติ โรแมนติก ดราม่า แอ็คชั่น แฟนตาซี ระทึกขวัญ, การคัดเลือกนักแสดงได้อย่างเหมาะสม, โปรดักชันที่เก็บรายละเอียดได้ดี และท้ายที่สุดคือ CGI บวกกับสเปเชียลเอฟเฟ็กต์ที่เนี้ยบ เนียนตา มาพอดีๆ ไม่เยอะเว่อร์วัง หรือทำออกมาแบบกระโหลกกะลา
กลุ่มผู้ชมผู้ชายน่าจะเพลิดเพลินไปกับการต่อสู้ด้วยพลังเวทย์มนต์ ผสมผสานลีลาแบบนิยายหรือหนังกำลังภายในยุคใหม่ ซึ่งไปกันได้ดีกับส่วนผสมของความลึกลับ ระทึกขวัญ (คนที่ถูกแปรวิญาณกลายร่างเป็นเหมือนปีศาจ และสุดท้ายกลายเป็นหิน!)
ขณะที่ผู้กลุ่มผู้หญิง ก็ได้ลุ้นกับเส้นเรื่องด้านความรักของตัวละครหลักอย่าง จางอุค-มูด๊อก-นักซู ที่ค่อยๆ พัฒนาความสัมพันธ์จากความคลุมเครือของสถานะ เจ้านาย-หญิงรับใช้ ขณะเดียวกันก็เป็น ลูกศิษย์-อาจารย์กันด้วย (ยังไม่นับโทนโรแมนติก ชิงรักชิงเหลี่ยมกันของคนรอบตัว พระเอก นางเอก ที่มีหลายคู่ให้จิ้นกันมาเรื่อยๆ)
แนะนำว่า หากยังไม่ได้ชม ซีซั่นแรก (10 EP) อาจงงกับเรื่องราวที่ต่อยอดมาสู่ ซีซั่น 2 ถ้าจะทำความใจง่ายๆ แบบสั้นกระชับ เส้นเรื่องเดิมของ ภาคแรกนั้น เล่าเรื่องย้อนไปถึงยุค อาณาจักรแทโฮ (เมืองสมมุติที่ไม่ได้อิงประวัติศาสตร์ โชซอนแบบที่เราคุ้นเคย เพราะฉะนั้น อะไรๆ ก็เป็นไปได้หมด) ที่กำลังวุ่นวายเพราะมีจอมเวทย์ ใช้วิชา แปรร่างสลับวิญญาณ สร้างความปั่นป่วนมากขึ้นเป็นลำดับ
ซีซั่น 1 มี แกนเรื่องอยู่ที่ จางอุค (รับบทโดย อีแจอุค) ชายหนุ่มสูงศักดิ์จากตระกูลจาง ผู้ใช้ชีวิตไม่เป็นโล้เป็นพายแต่มีความลับเกี่ยวกับชาติกำเนิดของตัวเอง แต่แล้วความสามารถ รวมถึงวิชาเวทย์ในตัวจางอุค ก็พัฒนากลายเป็นจอมยุทธ์ตัวแปรสำคัญ ภายหลังจากเขาได้ตัว มูด๊อก (รับบทโดย จองโซมิน ) มาเป็นหญิงรับใช้คอยติดตาม
ซึ่ง มูด๊อก ที่กลายมาเป็นเสมือนอาจารย์ช่วยฝึกวิชาให้กับ จางอุค ก็คือ จอมเวทย์หญิงสาวนักรบชั้นยอดที่ชื่อ นักซู (รับบทโดย โกยุนจอง) ที่ดวงวิญญาณถูกแปรมาอยู่ในร่างกาย มูด๊อก ที่อ่อนแอ แต่เอาเข้าจริงแล้ว มูด๊อก ก็มีที่มาลึกลับ และพัวพันกับ 4 ตระกูลใหญ่ ที่ค้ำบัลลังก์อาณาจักรแทโฮด้วย
ซีซั่น 1 จบลงแบบที่บรรดาคนดูร้อง เฮ้ย! และได้แต่เฝ้ารอบทสรุปใน ซีซั่น 2 อย่างกระสับกระส่าย
จางอุค ผู้กลับมาจากความตาย จะเดินหน้าต่อไปอย่างไร ชะตากรรมของเขาเกี่ยวข้องกับการครองบัลลังก์อาณาจักรแทโฮหรือไม่ เขาจะกลายเป็นคู่แข่ง คู่แค้นกับเพื่อนรักอย่าง โกวอน มกุฎราชกุมารแห่งอาณาจักรแทโฮ หรือไม่?
มูด๊อก ขวัญใจกองเชียร์จะสามารถกลับมาได้ หรือจะหายสาบสูญไปตลอดกาล เช่นเดียวกับการคัมแบ็กของ นักซู อีกครั้ง เธอจะตัดสินใจเลือกเดินไปกับ จางอุค หรือ ซอยุล? (คุณชายหล่อละเมียด จากตระกูล ซอ รักแรกฝังใจ ของนักซู)
และท้ายที่สุดแล้ว ความวุ่นวายจากการใช้เวทย์มนต์ต้องห้าม แปรวิญญาณสลับ จะนำไปสู่ความเปลี่ยนแปลง และบทสรุปในรูปแบบไหน?
คำตอบทั้งหมดทั้งมวล รอให้ไปพิสูจน์ร่วมกัน รับชมไปพร้อมๆ กันได้ตั้งแต่ 10 ธ.ค. 2565 นี้เป็นต้นไป (สตรีมมิ่งทุกวันเสาร์-อาทิตย์ บน Netflix)