“เบียร์” เครื่องดื่มที่มนุษย์รู้จักมายาวนานก่อนเกิดการแลกเปลี่ยนเงินตรา ด้วยวัตถุดิบหลักคือ “ดอกฮอปส์” พืชไม้เลื้อยเมืองหนาวที่ถ้าในอดีตมีคนบอกว่าจะปลูกฮอปส์ในประเทศไทย อันตั้งอยู่ใกล้แนวเส้นศูนย์สูตรคงเป็นเรื่องน่าขำ แต่วันนี้กลับเป็นจริงแล้ว
“อ๊อบ – ณัฐชัย อึ๊งศรีวงศ์” เจ้าของแบรนด์คราฟท์เบียร์ “เทพพนม” และหนึ่งในผู้ก่อตั้งโรงเบียร์มิตรสัมพันธ์ เจ้าของฟาร์มฮอปส์แห่งแรกของประเทศภายใต้ชื่อ “Deva Farm” จากผู้พัฒนาแอปพลิเคชั่นที่หลงใหลสเน่ห์ของเครื่องดื่มสีทองมีฟองขาว เล่าย้อนถึงเส้นทางการเป็นคนต้มเบียร์ว่า จากการเป็นคนชอบดื่มจึงสนใจไปเรียนทำเบียร์ที่ ชิตเบียร์ เกาะเกร็ด เป็นลูกศิษย์รุ่นแรกของ ชิต-พ.อ. ดร.วิชิต ซ้ายเกล้า หรือ พี่ชิต ที่เป็นที่รู้จักในวงการค้นต้มเบียร์ ในช่วงปี พ.ศ. 2557 และได้นำความรู้มาต้มเบียร์เป็นแบรนด์ของตัวเองภายใต้ชื่อ “เทพพนม”
ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาความยากลำบากของวงการคราฟท์เบียร์ไทยในอดีตนักต้มเบียร์หลายคนต้องเดินทางไปต้มเบียร์ถึงต่างประเทศและนำเข้ามาจำหน่ายในประเทศอีกต่อหนึ่ง นักต้มเบียร์ทดลองทำกันเอง ลองผิดลองถูก ล้มลุกคลุกคลานกว่าจะผลิตคราฟท์เบียร์ได้แต่ละแบรนด์
จากคนต้มผันสู่คนปลูก
การต้มเบียร์ในประเทศไทยนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศมากกว่า 90 % โดยวัตถุดิบที่สำคัญที่สุดคือดอกฮอปส์ ทำให้อ๊อบเริ่มสนใจว่าพืชไม้เลื้อยเมืองหนาวต่างประเทศ จะสามารถปลูกในประเทศไทยได้หรือไม่
จึงเริ่มนำเข้าฮอปส์จากประเทศสหรัฐอเมริกามาทดลองปลูกในห้องนอนของตัวเองที่เป็นห้องแอร์ และได้ผลดี ต้นฮอปส์ออกดอกได้ปริมาณมาก แต่การปลูกในห้องแอร์นั้นจะต้องใช้เงินลงทุนสูง จึงพัฒนาเป็นการปลูกในโรงเรือนทั้งรูปแบบการปลูกลงดินและปลูกในกระถางที่มีอยู่ 7 โรงเรือน บนพื้นที่กว่า 4 ไร่ในบริเวณบ้าน
ต้นฮอปส์ ณ เมืองนนท์
หลังจากลองผิดลองถูกมาหลายปี ต้นฮอปส์หลายสายพันธุ์ที่อ๊อบดูแล เริ่มให้ผลผลิตที่มีคุณภาพดีพอ จึงนำไปใช้ต้มเบียร์เบียร์แบรนด์เทพพนม โดยดอกสดจะมีราคาอยู่ที่ 2,000-3,000 บาทต่อกิโลกรัม และแบบแห้งที่มีการอัดเป็นก้อนเพื่อจำหน่ายต่อไป
ต้นฮอปส์ 1 ต้น ให้ผลผลิตดอกฮอปส์ 200-500 กรัมต่อรอบ ด้วยสภาพอากาศ และการทำโรงเรือนที่ต้องอาศัยการดูแลสูง การจะปลูกเพื่อการพาณิชย์ในปริมาณมาก ก็ยังต้องศึกษาพัฒนาสายพันธุ์และสภาพแวดล้อมการปลูกต่อไป
“ปัจจุบันเราปลูกด้วยวิธีไฮโดรโปรนิกส์ คือให้ปุ๋ยโดยตรง ที่เราปลูกมันไม่มีหน้าหนาว มันจะออกดอกได้เรื่อยๆ ปลูกประมาณ 5-6 เดือนก็เก็บเกี่ยวได้แล้วครับ และสามารถเก็บเกี่ยวดอกไปได้นานถึง 10-20 ปีถ้าอยู่ในดิน การปลูกของเราก็จะให้รสชาติที่ต่างจากฮอปส์ของเมืองนอกที่นำเข้ามา มันจะเป็นกลิ่นที่มีเอกลักษณ์ของเราอยู่ พอเราเอาไปต้ม จะกลายเป็นเบียร์ที่มีกลิ่นเฉพาะ”
อ๊อบ – ณัฐชัย กล่าวถึงผลสำเร็จการปลูกฮ็อบส์
“Hobs talk” ศูนย์เรียนรู้เรื่องฮอปส์
แม้ว่าการคิดค้นการปลูกฮอปส์จะต้องทุ่มเททั้งเม็ดเงิน พลังกาย และเวลาแค่ไหน แต่นี่ก็ไม่ใช่สิ่งที่ต้องปกปิด เพราะ Deva Farm ได้เปิดฟาร์มเป็นศูนย์เรียนรู้สำหรับผู้ที่สนใจปลูกฮอปส์ มีการจัด “Hobs talk” เพื่อแบ่งปันความรู้แก่ผู้คน เนื่องจากไม่ได้มองว่าสิ่งเหล่านี้เป็นความลับทางธุรกิจ แต่การส่งเสริม เผยแพร่ความรู้ ให้การปลูกพืชชนิดนี้ จะทำให้วงการปลูกฮอปส์กว้างขึ้น มีการพัฒนาสายพันธุ์ ลดการนำเข้าจากต่างประเทศ ทำให้วงการคราฟท์เบียร์พัฒนาไปด้วยเช่นกัน