Indy Mania By พอล เฮง คอลัมน์ที่จะพาย้อนกลับไปในช่วงการปะทุและระเบิดของเพลงไทยนอกกระแส ในช่วงทศวรรษที่ 90s
‘ปรากฏการณ์อัลเทอร์เนทีฟร็อกเบ่งบาน ค่ายเพลงอินดี้หรืออิสระบูมและปังในปี 2537 ดนตรีพ็อปร็อกที่มีกลิ่นแฮร์แบนด์กระแสหลักและเฮฟวีเมทัลที่เฟื่องฟูก่อนหน้านั้น ได้ถูกร็อกแนวใหม่เข้ามาแทรกซึมและแทนที่ อุปสงค์และอุปทานที่เกิดขึ้นทำให้เกิดระบบนิเวศใหม่ในแวดวงเพลงร็อกผ่านทางคลื่นวิทยุ ‘ไพเรทร็อก’ สถานีวิทยุเพลงร็อก 24 ชั่วโมง จึงเป็นหนึ่งในการพลวัตและขับเคลื่อนยุคอินดี้มาเนีย ที่เป็นรากฐานให้กับคนดนตรีร็อกรุ่นต่อมา แม้เป็นเวลาช่วงสั้นๆ เหมือนดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ของการเปิดยุคดนตรีร็อกแบบเต็มตัว’
ความนิยมในดนตรีร็อก โดยเฉพาะสายฮาร์ดร็อกและเฮฟวีเมทัลในเมืองไทย ไม่ได้อยู่ดีๆ แล้วเกิดขึ้นมา แต่เกิดจากการวางพื้นฐานผ่านรายการวิทยุในยุคทศวรรษที่ 2520-2530 ของดีเจในระดับตำนาน ก่อนที่จะเปลี่ยนผ่านยุคสู่ยุคอัลเทอร์เนทีฟร็อกที่มีคลื่นวิทยุดนตรีร็อก 24 ชั่วโมงเกิดขึ้นในเมืองไทย
รายการวิทยุดนตรีร็อกที่เป็นตำนานในยุค 80s ของเมืองไทย โดยเฉพาะการเปิดเพลงแนวฮาร์ดร็อกและเฮฟวีเมทัลจากอเมริกาและอังกฤษ นั่นคือ ‘ท็อป ทีน ทาเลนต์‘ (Top Teen Talent) ทางคลื่น ททท. 99.0 เมกะเฮิร์ตซ์ และมีการย้ายคลื่นเปลี่ยนแปลงในเวลาต่อมา
หลังผ่านยุคที่ดนตรีฮาร์ดร็อก หรือเรียกกันว่า ดนตรีอันเดอร์กราวด์ในยุคสงครามเวียดนาม ดนตรีร็อกจำกัดอยู่เฉพาะกลุ่ม รวมถึงร็อกที่เป็นภาษาไทยยังไม่ปรากฏขึ้นในวงการเพลง จนเข้าสู่ยุค 80s หรือยุคทศวรรษที่ 2520 ของไทย วิฑูร วทัญญู นับเป็นดีเจที่บุกเบิกเปิดเพลงฮาร์ดร็อกและเฮฟวีเมทัลบนหน้าปัดวิทยุทั้งเอเอ็มและเอฟเอ็ม แหวกกระแสปลุกจิตวิญญาณขบถของดนตรีร็อกให้เกิดขึ้น สร้างฐานคนฟังเพลงร็อกอย่างค่อยเป็นค่อยไปและกลายเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง ซึ่งตัวรายการเพลงจะมีราวๆ 3-4 ชั่วโมง ช่วงบ่ายๆ ของทุกวัน และวันอาทิตย์จะเป็นช่วงเย็นๆ
ในยุคสมัยที่ทั้งเทปผีและลิขสิทธิ์ยังไม่ได้ผลิตอัลบั้มเพลงร็อกออกวางจำหน่ายอย่างเป็นล่ำเป็นสัน การหาซื้อเทปเพลงสากลค่อนข้างยากและแพง มิต้องตามหาฟังตามคลื่นวิทยุ เพราะไม่มี วิฑูร จึงเป็นคนแรกๆ ผู้หาญกล้าบุกเบิกนำมาให้ผู้ฟังคนไทยได้รู้จักดนตรีแนวฮาร์ดร็อก เฮฟวีเมทัล และโปรเกรสสีฟร็อก เสพจนเข้าเส้น เป็นกลุ่มคนฟังเพลงร็อกในตลาดวงกว้างที่กำลังขยายตัว แต่ยังไม่เป็นกระแสหลัก รวมถึงการปลุกปั้นคณะดนตรีฮาร์ดร็อก-เฮฟวีเมทัลภาคภาษาไทยคณะแรกที่ทำอัลบั้มออกมา นั่นคือ ‘เฟรช แอนด์ สกิน’ (Fresh and Skin) หรือที่รู้จักกันในชื่อไทย ‘คณะเนื้อกับหนัง’ ออกอัลบั้มแรก ‘ฆาตะ-กัญชา’ ในปี 2526
สำหรับรายการนี้ไม่เพียงแค่เป็นพื้นที่สำหรับการเปิดตัวเพลงใหม่ๆ และแนะนำคณะดนตรีฮาร์ดร็อกและเฮฟวีเมทัลจากอังกฤษและอเมริกาที่น่าสนใจ แต่ยังเป็นที่สำหรับการพูดคุยและแชร์ประสบการณ์เกี่ยวกับดนตรี วิฑูร ใช้รายการนี้ในการส่งเสริมและสนับสนุนคณะดนตรีคัฟเวอร์ดนตรีฮาร์ดร็อกและเฮฟวีเมทัลของไทย รวมถึงนักดนตรีสายร็อคที่กำลังเริ่มต้น และยังใช้เวลาในการพูดคุยกับผู้ฟัง แนะนำเพลงที่น่าสนใจและแบ่งปันเรื่องราวเบื้องหลังของเพลงและคณะดนตรีต่างๆ ที่นำบทเพลงมาเปิดอีกด้วย
สำนวนติดปากของดีเจวิฑูร ที่ใช้เรียกแนวเพลงที่เปิดในรายการ จนเป็นสำนวนติดโสตติดใจติดปากผู้ฟัง นั่นคือ ‘เฮฟวี่ ฮาร์ด ฮอต’ การจัดรายการผ่านทั้งคลื่นเอฟเอ็ม และเอเอ็ม ทำให้มีผู้ฟังรายการได้ทั่วประเทศไทย นอกจากนี้ยังทำนิตยสารเกี่ยวดนตรี ชื่อ ‘ท็อป ทีน ทาเลนต์’ และเปิดรายการทุกครั้งด้วยบทเพลง ‘Hoedown’ ของคณะดนตรีโปรเกรสสีฟร็อกชื่อดังของอังกฤษ อีเมอร์สัน, เลค แอนด์ พาล์เมอร์ (Emerson, Lake And Palmer) พร้อมวลีเด็ด ‘Long Live Rock N Roll ร็อคแอนด์โรลจงเจริญ’
จุดที่เป็นเสน่ห์ยวนใจคนฟัง และเป็นบุคลิกการจัดรายการที่เฉพาะตัว คิดค้นขึ้นมาเองและไม่มีใครเลียนอย่างได้ ถือเป็นต้นตำรับคนแรกของเมืองไทย ในการตั้งฉายาคณะดนตรีร็อกต่างประเทศให้เป็นสมญานามภาษาไทย ให้แฟนรายการผู้ฟังได้จดจำได้ง่าย
นอกจากนี้ วิฑูร วทัญญู ยังจัดรายการวิทยุอีกหลายรายการ ‘คึกคักยามบ่าย’, ‘คึกคักยามดึก’, ‘Oldies But Goodies’ และ ‘เพลงไทยชาตินิยม’ ตามสถานีวิทยุช่องอื่น เช่น คลื่นทหารอากาศ 2 ทุ่งมหาเมฆ, คลื่น สทร. บางนา ฯลฯ อีกด้วย
วิฑูร วทัญญู จึงเปรียบเสมือน ‘พ่อทูนหัวของดนตรีร็อกและเมทัล’ ในเมืองไทยที่ช่วยสร้างรสนิยมและความชื่นชมชมชอบให้เป็นพื้นฐานต่อเนื่องให้ผู้ฟังในเมืองไทย
ยุคทศวรรษที่ 2530 ด้วยภูมิทัศน์ทางสื่อหรือบรอดคาสต์การออกอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป จากมูลค่าและการเติบโตของอุตสาหกรรมเพลง ทำให้คลื่นวิทยุมีราคาประดุจทองคำ การสัมปทานวิทยุทั้งคลื่นและแย่งชิงกันของบรรดาบริษัทต่างๆ โดยเฉพาะค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ที่เปิดธุรกิจด้านวิทยุโทรทัศน์โดยตรง การที่เป็นเช่นนี้เกิดจากการที่คลื่นวิทยุนั้นถูกใช้เป็นเครื่องมือโฆษณาและชี้นำรสนิยมการฟังเพลงของค่ายเพลง และวงการเพลงไทยที่ในช่วงเวลานั้นนั้นมุ่งขายแต่เพลงแนวพ็อปวัยรุ่นติดตลาดแต่เพียงอย่างเดียว ทำให้แนวดนตรีไม่หลากเหมือนกับต่างประเทศ มีผลให้รายการเพลงในวิทยุนั้นเหมือนกันไปหมด ทุกคลื่นจะเปิดเพลงยอดนิยมเท่านั้น แต่ประมาณกลางปี 2537 ได้เกิดปรากฏการณ์ครั้งสําคัญอันเป็นก้าวใหม่ของวงการวิทยุเมืองไทยขึ้น
การแข่งขันที่สูงทำให้มีรายการวิทยุที่หลากหลายมากขึ้นเพื่อตอบสนองตลาดเพลงที่เติบโตอย่างมหาศาล กลุ่มคนฟังรุ่นใหม่โดยเฉพาะดนตรีร็อกที่เรียกกันว่า อัลเทอร์เนทีฟร็อก ได้ขยายตัวอย่างมหาศาล รวมถึงการเกิดขึ้นของค่ายเพลงอิสระขนาดเล็กจำนวนมากต่างแข่งกันผลิตอัลบั้มต่างๆ ออกมา ทั้งในแนวพ็อปร็อกกระแสหลัก เฮฟวีเมทัล และอัลเทอร์เนทีฟร็อกของคณะดนตรีหน้าใหม่ต่างทยอยออกมาทั้งรุ่นเก่า กลาง และหน้าใหม่
สถานีเพลงร็อกแห่งแรกของไทย 89 ไพเรท ร็อค (Pirate Rock) ก็เดินทางมาถึง ซึ่งเปิดเฉพาะเพลงร็อกอย่างเดียวตลอด 24 ชั่วโมงนั้น ไม่เคยมีเกิดขึ้นมาก่อนในเมืองไทย
89.0 เมกะเฮิร์ตซ์ จึงเป็นแหล่งรวมตัวของชาวร็อก โดยเฉพาะร็อกรุ่นใหม่ในห้วงเวลานั้นได้ปล่อยของออกมา นับว่าเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของคนฟังวิทยุที่ได้ลิ้มลองกับสิ่งแปลกๆ ใหม่ๆ และที่สําคัญที่สุดคลื่นนี้ไม่มีคําว่าสังกัด ค่ายเพลง มีความเป็นอิสระเต็มที่ ไม่ได้ตกเป็นกระบอกเสียงของค่ายเพลงใดๆ ทั้งสิ้น ทั้งนี้ในปี 2537-2538 โดยเฉพาะในปี 2538 และมีนักร้อง คณะดนตรีหน้าใหม่อิสระ และค่ายเพลงเล็กๆ เกิดขึ้นไม่เว้นแต่ละวัน
กรณีตัวอย่างที่เห็นเด่นชัดของไพเรท ร็อก ที่สนับสนุนคณะดนตรีร็อกหน้าใหม่ในยุคนั้นอย่างเต็มที่ คณะดนตรีมักกะโรนี (MACARONI) ที่เล่นดนตรีในแนวเดธเมทัล ซึ่งกำลังจะมีอัลบั้มชุดแรกออกมาชื่อชุด ‘ฌาปนกิจ’ แต่เนื่องด้วยมีปัญหาทางเทคนิคกับค่ายเพลงต้นสังกัด อัลบั้มถูกดอง แสบ-สายัณห์ สุวรรณเมธา มือกลอง ให้สัมภาษณ์ใน ‘เปิดตำนานมักกะโรนี’ ของเว็บไซต์ undergroundemag เมื่อปี 2555 โดยอ้างอิงอย่างชัดเจนถึงการแจ้งเกิดของพวกเขาผ่านคลื่นวิทยุไพเรท ร็อก
“ตอนนั้นมันมีไพเรท ร็อก FM89 มีพี่วินิจ (วินิจ เลิศรัตนชัย) เป็นคนจัด เปิดเพลงร็อคเพลงเฮฟวีหนักๆ พวกดอนผีบินก็เปิด ผมและทุกคนในวงก็ฟังคลื่นนี้ ผมก็คิดว่าเราน่าจะเอาผลงานของเราไปให้พี่เขาเปิดออกรายการ ก็เลยมาปรึกษาเพื่อน ทุกคนก็เห็นด้วย ก็นั่งรถเมล์ไปสถานีกันเลยตอนประมาณ 3 ทุ่มแล้ว ฝนก็ตกด้วย สถานีอยู่ที่เกียกกาย ไปถึงพี่วินิจกำลังจัดรายการกันอยู่ เราก็ยกมือไหว้ แกก็งงแล้วเดินออกมาหา ตอนนั้นเราไม่มีมาสเตอร์มีแต่เทปที่อัดมาจากห้องอัดเพื่อฟังซาวด์ ก็เลยยื่นเทปไปให้แกแล้วบอกสวัสดี พวกผมชื่อวงมักกะโรนีมีงานมาให้พี่เปิดครับเป็นแนวเดธเมทัล แล้วก็ไม่น่าเชื่อว่าพี่วินิจหยิบเอาเทปของเราไปเปิดออนแอร์เลย โดยไม่เปิดฟังก่อน”
“เสร็จแล้วก็ชวนเราไปสัมภาษณ์ออกอากาศ เป็นยังไงครับ วงมักกะโรนี วันนี้มาเยี่ยมเรา โอ้โห! มันขนลุกมากเลย แบบว่า.. เฮ้ย!… ด้วยอารมณ์เด็กๆ ก็บอกว่า งานทำกันเสร็จแล้วแต่เขาไม่ให้เราออกก็ไม่รู้จะไปเผยแพร่ที่ไหน เห็นที่นี่เปิดเพลงหนักๆ เราก็เลยมา ประมาณ 5 นาทีหลังจากเปิดเพลงเสร็จ คุยกันเสร็จ พี่วินิจก็บอกว่าเขาชอบ แต่เพราะเห็นเรายังเป็นเด็กก็เลยถามว่าทำเองจริงหรือ เล่นได้จริงๆ หรือเปล่า เราก็ตอบว่าเล่นได้ พอดีกับที่ว่าตอนนั้นพี่วินิจกำลังจะจัดงานไพเรท ร็อก ออน เดอะ ร็อก ที่ฮาร์ดร็อกคาเฟ่ชั้น 3 ก็เลยชวนเรามาเล่น เรื่องนี้มันทำให้วงเราเกิดเป็นกระแสขึ้นมา….”
จากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้เห็นว่า สถานีวิทยุไพเรท ร็อก ไม่ได้เป็นแค่ที่เปิดเพลง แต่เป็นชุมชนหรือคอมมูนิตีของคนรักดนตรีร็อกและเมทัลในยุคที่ดนตรีแนวนี้กำลังขึ้นเป็นกระแสของคนฟังเพลงในรุ่นนั้น
ด้วยคอนเซปต์ ‘โจรสลัด’ มาจากชื่อสถานีที่ต้องการสื่อถึงความขบถ การอยู่นอกกรอบ และความอิสระ ไพเรท ร็อก จึงกลายเป็นตำนานของคลื่นวิทยุที่ร็อกที่สุด และมีเอกลักษณ์ชัดเจนที่สุดครั้งหนึ่งบนหน้าปัดวิทยุเอฟเอ็ม
ตอนหน้ามาว่ากันต่อถึงไพเรท ร็อก หมุดหมายที่มั่นของชาวร็อกในยุคอัลเทอร์เนทีฟครองเมือง


