Indy Mania  By พอล เฮง คอลัมน์ที่จะพาย้อนกลับไปในช่วงการปะทุและระเบิดของเพลงไทยนอกกระแส ในช่วงทศวรรษที่ 90s 

‘ตำนานใต้ดินของแท้ เริ่มต้นจากการเล่นเปิดหมวกที่ท้องสนามหลวงตั้งแต่ปี 2527 จนได้มาทำอัลบั้มแบบทำเองขายเอง เร่ขายไปเท่าที่โอกาสอำนวย แต่คุณภาพเชิงดนตรีนั้นไม่ธรรมดา ได้หนึ่งในสมาชิกของคณะคาราวาน ต้นธารดนตรีเพื่อชีวิต อย่าง มงคล อุทก มาโปรดิวซ์ให้ อิทธิพล วาทะวัฒนะ หรือ อี๊ด ฟุตบาท ได้ทำให้เห็นว่า ดนตรีใต้ดินแท้ๆ ในนามเพลงชีวิตระดับฐานรากของดนตรีเปิดหมวกข้างถนนนั้นมีอยู่จริงและยืนหยัดอยู่ได้ จนกลายเป็นการเปิดประตูให้คนอื่นๆ ตามมาอีกมากมาย’

ท้องสนามหลวงในปี 2527 ได้ปรากฏกายของ อิทธิพล วาทะวัฒนะ ซึ่งภายหลังรู้จักกันในฐานะนักดนตรีเพลงชีวิตใต้ดินยุคบุกเบิกของไทย ในนาม ‘อี๊ด ฟุตบาท’ ซึ่งต่อมาภายหลังขยายเป็นคณะดนตรี 5 ชิ้น เปลี่ยนชื่อเป็น ‘ฟุตปาธ’ เนื่องจากเข้าสู่ค่ายเพลงในระบบธุรกิจตามสมัยนิยม เขาเซ็นสัญญากับค่ายเพลงแกรมมี และออกอัลบั้มมา 1 ชุด เป็นชุดที่ 2 ชื่อ ‘บ้านนอกซอกตึก’

ปลายปี 2527 ซึ่งเป็นปีที่ประเทศไทยถดถอยทางด้านเศรษฐกิจ ในยุคพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี ได้ประกาศปรับปรุงระบบแลกเปลี่ยนเงินตรา ยกเลิกการผูกค่าเงินบาทไว้กับดอลลาร์ สหรัฐฯ มาใช้ระบบที่ผูกค่าเงินบาทไว้กับกลุ่มเงินตราของประเทศคู่ค้าสำคัญของไทย โดยให้ทุนรักษาระดับฯ เป็นผู้กำหนดอัตรากลางระหว่างการซื้อขายเงินดอลลาร์ สหรัฐฯ และลดการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดอย่างจริงจัง โดยรณรงค์ปลูกฝังให้ประชาชนช่วยกันประหยัด และหันมาใช้สินค้าไทย ลดการฟุ่มเฟือย ชะลอการนำเข้า ส่งเสริมการส่งออก

ปี 2527 ท้องสนามหลวงจึงเป็นแหล่งสันทนาการบันเทิงเริงใจระดับรากหญ้าชาวบ้านที่มาดูกีฬาพื้นบ้านและเสพมหรสพต่างๆ ก่อนหน้านั้น ย้อนกลับไปในยุคต้นทศวรรษที่ 2520 ในปี 2521 สมัยพลเอกเกรียงศักด์ ชมะนันท์ เป็นนายกรัฐมนตรี มีนโยบายที่จะใช้สนามหลวงเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของชาวกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดที่มาเยือนเมืองหลวง รวมถึงจะใช้สนามหลวงเป็นสถานที่จัดงานสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี และงานรัฐพิธีต่างๆ กรุงเทพมหานครได้เตรียมใช้พื้นที่สนามหลวงจัดงานเฉลิมฉลองสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี จึงได้ปิดตลาดนัดสนามหลวงตั้งแต่วันที่ 2 มกราคม ปี 2525 ย้ายไปตลาดนัดสวนจตุจักร

เมื่อไม่มีตลาดนัดสนามหลวง แต่กรุ่นกลิ่นอายของมหรสพต่างๆ การละเล่นพื้นบ้าน เล่นว่าว ตะกร้อลอดบ่วง การพักผ่อนแบบชาวบ้านสันทนาการจึงเกิดขึ้นบริเวณนี้ รวมถึงการเล่นกลปาหี่ก็มาใช้ท้องสนามหลวงจัดแสดง แน่นอนที่ขาดไม่ได้คือ หมอดูและบรรดาชายหญิงที่ทำงานบริการทางเพศได้ใช้สถานที่แห่งนี้ในการทำมาหากินในช่วงทศวรรษนั้นเรื่อยมา แต่ปัจจุบัน ตั้งแต่ยุคปลายยุคทศวรรษที่ 2550 เป็นต้นมา ถึงในปัจจุบัน ท้องสนามหลวงแทบไม่มีภาพเหล่านี้อีกแล้ว

เช่นกัน ผลผลิตทางความบันเทิงข้างถนน แรกเริ่มดั้งเดิม อี๊ด ฟุตบาท คือนักดนตรีเปิดหมวกตระเวนเล่นตามริมทางข้างถนนจนเป็นที่มาของชื่อ อี๊ด ฟุตบาท โดยเฉพาะท้องสนามหลวงซึ่งเป็นที่ประจำของเขา ในการแสดงดนตรีแนวโฟล์กและโฟล์กร็อกอิทธิพลดนตรียุคแสวงหาของบุปผาชนหรือฮิปปี้

อี๊ด ดำรงสถานะของคนดนตรีที่เรียกว่า เล่นและขับร้องคนเดียวผ่านเครื่องดนตรีหลากหลายชิ้นที่ประยุกต์ขึ้นให้เล่นทั้งภาคริธึมและท่วงทำนอง เล่นเครื่องดนตรีคนเดียวพร้อมกันทั้งหมด นั่นคือ  One Man Band ซึ่งยังเป็นของใหม่ไม่ค่อยคุ้นชินสำหรับสังคมไทยในการชมดนตรีร่วมสมัยหรือการแสดงมหรสพเท่าไหร่นัก

ในขวบปีและช่วงเวลานั้น คนทำงานศิลปะอิสระหัวก้าวหน้าหลากแขนงที่ได้รับอิทธิพลและความคิดของศิลปะร่วมสมัยจากตะวันตกได้ใช้พื้นที่ท้องสนามหลวงเป็นที่แสดงตัวตนทางสาธารณะให้ผู้คนได้ชม นอกจากอี๊ด ฟุตบาท ที่เล่นดนตรีเปิดหมวก ยังมี ไพฑูรย์ ไหลสกุล หรือ ‘อั๋น คนหน้าขาว’ ผู้บุกเบิกวงการละครใบ้ไทย ได้ก่อตั้งกลุ่มคนหน้าขาว ในปี 2527 ใช้ศิลปะแห่งความเงียบแสดงละครในชื่อ คนหน้าขาว และพยายามเอาคำว่าละครใบ้ (Mime) มาเผยแพร่ในสังคมไทย

นักดนตรีเปิดหมวกเป็นหนทางชีวิตที่เต็มไปด้วยความน่าสนใจ แน่นอนว่าย่อมต้องผ่านความยากลําบากมาไม่น้อย การเล่นดนตรีริมทางข้างถนน อาจไม่ได้ถูกจัดว่าเป็นอาชีพในสารบบอย่างเป็นทางการ แต่สําหรับพวกเขา มันคืออาชีพซึ่งคนทั่วไปมองข้ามและถูกมองไม่ต่างอะไรกับขอทานมากนัก เพราะการเล่นดนตรีข้างถนนแบบนี้ สําหรับสังคมไทยมักถูกมองว่าเป็นอาชีพของชนชั้นล่าง หรือเป็นอาชีพที่ถูกมองว่าเป็นอาชีพของคนจน หรือเป็นขอทาน ซึ่งแท้จริงแล้วยังมีมุมมองที่น่าค้นหามากกว่านั้น

คำว่า ‘ใต้ดิน’ (Undergroud) ยังไม่เป็นที่รู้จักกันในห้วงโมงยามนั้น จนอัลบั้ม ‘ไกด์สนามหลวง’ ที่ออกมาในปี 2530 จึงมีการพูดถึง โดยเฉพาะการเล่นดนตรีเพลงของตัวเองให้คนชมฟรี และรายได้อย่างเดียวคือการเปิดหมวก ของ อี๊ด ฟุตบาท เขาเคยให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อว่า ย้อนหลังกลับไปประมาณปี 2520-2521 ภูมิลำเนาเขาเป็นคนจังหวัดนครพนม ขณะนั้น เขากำลังเรียนอยู่ที่ช่างศิลป (วิทยาลัยช่างศิลป สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ กรมศิลปากร กระทรวงศึกษาธิการ) อยู่ปี 3 เป็นยุคแสวงหาของหนุ่มสาว อยากทำอะไรแปลกใหม่ อยากทดลองความลุ่มลึกทางดนตรีว่า มวลชนจะรับได้หรือไม่? เมื่อวสันต์ สิทธิเขตต์ ศิลปินในขบวนการเคลื่อนไหวหัวก้าวหน้ารุ่นเดียวกัน ชวนเขาวาดรูปข้างถนน จึงได้นำกีตาร์ และแต่งเพลง ผสมกับวาดภาพเปิดหมวกไปพร้อมๆ กัน

การใช้ชื่อในการแสดงดนตรีว่า อี๊ด ฟุตบาท เขาเคยอธิบายว่า การเล่นดนตรีเปิดหมวกข้างทางหรือริมถนนไม่ได้บอกว่า เขาเป็นขอทาน เพราะนั้นการใช้คำว่า ฟุตบาท ก็เพื่อบอกว่าต่ำที่สุดแล้ว ไม่ต้องมามองว่า เขาต่ำต้อย เขาจะได้ไม่เจ็บใจ

อี๊ดมองว่า อาชีพเล่นดนตรีเปิดหมวกเป็นอาชีพหนึ่งทางด้านศิลปะแนวความคิด เขาเลยต่อยอดผลิตอัลบั้มของตัวเองในแบบใต้ดินอิสระออกมา แต่งเพลงเล่นดนตรีเอง เก็บข้อมูลจากรอบตัวข้างถนน คุยกับผู้คนที่ท้องสนามหลวง ทั้งหญิงโสเภณี หมอดูใต้ต้นมะขาม แต่งได้เฉลี่ยสัปดาห์ละเพลง เยอะจนสามารถบันทึกเสียงทำอัลบั้มออกมา เขาเก็บหอมรอมริบได้ 8,000 บาทในยุคนั้น จากการวาดรูปผสมเล่นดนตรีเปิดหมวก ทำอัลบั้มออกมา ‘ไกด์สนามหลวง’ เป็นชุดแรกของชีวิต ในปี 2530 โดยมี หว่อง คาราวาน (มงคล อุทก) มาเป็นโปรดิวเซอร์ให้ และเป็นผลงานที่สะท้อนให้เห็นถึงชีวิตและเสียงเพลงของเขาในฐานะนักดนตรีเปิดหมวกข้างถนนที่สนามหลวงในช่วงเวลานั้น

การออกอัลบั้มในครั้งนั้น จุดเริ่มต้นจริงๆ เมื่อ  หว่อง  คาราวาน ได้มาเจอกับอี๊ด ฟุตบาท ระหว่างที่เขากําลังเล่นดนตรีเปิดหมวกที่ท้องสนามหลวง และถามว่า อยากทําอัลบั้มไหม? อยากออกเทปหรือเปล่า?  มีเงินเท่าไหร่? อี๊ด ทุ่มหมดตัว 8,000 บาท ก็ได้ทําอัลบั้มออกมา แต่มียอดติดลบไป 40,000 กว่าบาท แต่หว่องช่วยจัดการทั้งหมด

อัลบั้มชุดนี้เป็นที่กล่าวขานกันในวงคนฟังเพลงนอกกระแสหลักและเพลงเพื่อชีวิต โดยเฉพาะบทเพลง ‘ทิดเคน’ ซึ่งเป็นบทเพลงที่แต่งขึ้นเพื่อรำลึกถึงเรื่องราวของชายชาวอีสานคนหนึ่งที่เข้ามาทำงานขับแท็กซีในกรุงเทพฯ แต่สุดท้ายกลับถูกฆ่าชิงทรัพย์ ซึ่งเป็นเรื่องจริงที่ปรากฏในข่าวหน้าหนึ่งในสมัยนั้น เพลงนี้จึงถือเป็นเพลงสะท้อนสังคมที่เล่าเรื่องชีวิตจริงของผู้คนได้อย่างลึกซึ้งและกินใจ

การสร้างชื่อจากเพลงชีวิตใต้ดิน อี๊ด ฟุตบาท ได้ขึ้นมาอยู่บนดินในธุรกิจดนตรีของอุตสาหกรรมเพลงกระแสหลักของค่ายที่เติบโตเป็นยักษ์ใหญ่ของเมืองไทยคือ แกรมมี ในอีก 2 ปีต่อมา ‘บ้านนอกซอกตึก’ อัลบั้มชุดที่ 2 ในนามคณะฟุตปาธ ที่มีสมาชิกรวม 5 คน ออกมาในปี 2532

การไม่ประสบความสำเร็จในยอดขายทำให้คณะฟุตปาธ ต้องแยกย้ายกันไป วิถีดนตรีเพลงชีวิตใต้ดินกลับมาอีกครั้ง อี๊ด ฟุตบาท ออกอัลบัhม ‘น้ำพักน้ำแรง’ มาในปี 2534 และมีบทเพลง ‘จดหมายถึงพ่อ’ กลายเป็นบทเพลงยอดนิยมฮิตอมตะร้องกันได้ทั่วบ้านทั่วเมืองมาจนถึงทุกวันนี้

หลังจากนั้น อี๊ด ฟุตบาท ก็ได้คลี่คลายสู่ความเป็นคณะดนตรีครอบครัว พร้อมลูกสาวที่เรียนดนตรีสายตรงในนาม ฟุตปาธ แบนด์ ออกอัลบัมมาอีก 3 ชุด คือ ‘คืนสู่บ้าน’ / ‘ดูนี่ดูนี่สิ’ และ ‘สาวแนวแซ่บ’

การต่อสู้บนเส้นทางดนตรีชีวิตใต้ดินในฐานะนักบุกเบิกที่สร้างทำด้วยทุนทรัพย์ส่วนตัวเพียงน้อยนิด ด้วยวิถีแห่งศิลปินอิสระ   และการเริ่มอาชีพนักดนตรีเปิดหมวกริมทางข้างถนนที่ร้องบรรเลงเพลงสลับรับจ้างเขียนรูปตรงถนนกลางท้องสนามหลวง  จนมีชาวต่างชาติชวนไปเล่นดนตรีในผับถนนข้าวสารเพื่อหาเงินมาทำอัลบั้มแบบเทปใต้ดิน จากปี 2527 ถึงวันนี้ก็รวม 41 ปี

อี๊ด ฟุตบาท ได้สะท้อนสะท้านให้เห็นการแสดงออกของคนดนตรีอิสระตัวเล็กในวัฒนธรรมการแสดงข้างถนนน (Street Performance) ว่ามีอยู่จริงในเมืองไทย ซึ่งไม่ได้จำกัดเฉพาะดนตรีเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการแสดงมายากล กายกรรม ศิลปะการวาดภาพ หรือแม้แต่การเล่นละครใบ้ แต่ละการแสดงล้วนเป็นการส่งต่อความสุขและความคิดสร้างสรรค์แก่ผู้คนทั่วไป

ด้วยความเป็นกันเองและบรรยากาศที่ไร้กำแพงระหว่างศิลปินและผู้ชม ไม่มีเวทีหรูหรา ไม่มีแสงสีตระการตา มีเพียงเสียงเพลงและความรู้สึกที่เชื่อมโยงกันโดยตรง แก่นแท้ของดนตรีเปิดหมวกข้างถนนยังคงเป็นการแบ่งปัน ความจริงใจ และการสร้างปฏิสัมพันธ์ที่เป็นธรรมชาติระหว่างนักดนตรีกับผู้ฟัง

ผู้คนแห่งทศวรรษที่ 2520 ซึ่งเคยเห็นบรรยากาศของท้องสนามหลวงยุคนั้น ต่างเคยได้กำซาบศิลปะแห่งการแบ่งปันและการสื่อสารอย่างลึกซึ้งระหว่างผู้คน เสียงเพลงที่ดังขึ้นกลางลานกว้าง อาจเป็นเพียงเสียงเล็ก ๆ แต่กลับสร้างรอยยิ้ม ก่อให้เกิดแรงบันดาลใจ และทำให้ใครบางคนในวันนั้นมีความสุขขึ้นมาได้

ดนตรีเปิดหมวกของ อี๊ด ฟุตบาท ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือสำหรับศิลปินที่ต้องการแสดงออกทางดนตรีเท่านั้น แต่ยังเป็นพลังสร้างสรรค์ที่เติมเต็มความเป็นมนุษย์ และช่วยให้มหานครที่คับคั่งด้วยผู้คนจากทุกสารทิศมีมิติทางวัฒนธรรมที่หลากหลายขึ้น

ทุกบทเพลงที่ถูกขับร้องในวันนั้นของอดีต คือเสียงสะท้อนของอิสรภาพ ศิลปะ และการแบ่งปันที่ไร้พรมแดน ซึ่งบ่งบอกถึงตัวตนที่แท้จริงของศิลปินเปิดหมวกและตอกย้ำชัดเจนว่าดนตรีเปิดหมวกริมทางข้างถนนเปรียบเสมือนปรากฏการณ์ทางสังคมที่อยู่ในความทรงจำของผู้คน ก่อนที่จะมีขบวนของคนดนตรีในยุค Indy Mania อีกในไม่กี่ปีต่อมา

แถมในปลายยุคทศวรรษที่ 2540 ยุคเด็กแนว บังเกิด ‘สนามหลวงมิวสิก’ ค่ายเพลงเครือจีเอ็มเอ็มแกรมมี ในปี 2548 ที่เปิดโอกาสให้คนดนตรีอิสระรุ่นใหม่ได้มาร่วมงาน ซึ่งทำให้อดคิดถึงยุคเพลงชีวิตใต้ดินท้องสนามหลวงของอี๊ด ฟุตบาท ที่เข้ามาร่วมแกรมมี่ในอดีตมาแล้วไม่ได้

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้ที่จำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ (Strictly Necessary Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้มีความสำคัญต่อการปฏิบัติการของเว็บไซต์ feedforfuture.co ซึ่งจะช่วยให้ท่านสามารถเข้าถึงข้อมูลและเนื้อหาต่างๆ ของเว็บไซต์เราได้ทุกส่วน โดยเฉพาะส่วนสมาชิกผู้ใช้งานของเว็บไซต์ ตลอดจนการตรวจสอบจำนวนผู้เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเรา

  • คุกกี้ด้านประสิทธิภาพการทำงานของเว็บไซต์ (Performance Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ใช้เพื่อรวบรวมข้อมูลทางสถิติเกี่ยวกับการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน เพื่อวิเคราะห์ และช่วยให้เราทราบถึงพฤติกรรมการใช้งาน ซึ่งจะช่วยปรับปรุงการทำงานของเว็บไซต์เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดในการใช้งานบนเว็บไซต์ของเรา

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาเข้ากับกลุ่มเป้าหมาย (Targeting Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ใช้ในการบันทึก และจดจำคุณลักษณะต่างๆ ที่ท่านได้เลือกขณะเข้าชมเว็บไซต์ของเรา เช่น หมวดหมู่ และเนื้อหาที่ท่านชอบอ่านมากที่สุด เราจะบันทึกข้อมูลเหล่านี้ และนำกลับมาใช้เมื่อท่านกลับเข้ามาที่เว็บไซต์ของเราอีกครั้ง เพื่อปรับให้ท่านได้รับชมเนื้อหาได้ตรงกับความชอบของท่านให้มากที่สุด

  • คุกกี้เพื่อนำเสนอโฆษณาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย (Advertising Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ใช้เพื่อจดจำพฤติกรรมการอ่านเนื้อหาบนเว็บไซต์ของท่าน รวมถึงรายละเอียดของอุปกรณ์ที่ท่านใช้ เพื่อนำไปใช้วิเคราะห์การนำเสนอโฆษณาที่เหมาะสมกับท่านมากที่สุด และช่วยวัดความมีประสิทธิผลของโฆษณาที่เรานำเสนอด้วย ตลอดจนช่วยป้องกัน หรือจำกัดจำนวนครั้งที่ท่านจะเห็นโฆษณาเดิมซ้ำๆ

บันทึก