ผมได้เหรียญโอลิมปิก แต่ภาครัฐไม่เคยให้อะไรผมเลยแม้แต่สลึงเดียว ผมไม่ได้อะไรจากรัฐบาลเลย ไม่ได้อะไรเลยจากองค์กรกีฬาของประเทศชาติเลย ด้วยเหตุผลว่ากองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติยังไม่ได้ตั้ง
ทวี อัมพรมหา อดีตนักมวยเหรียญเงินโอลิมปิกเกมส์ ปี 1984
ทวี อัมพรมหา หรือ ขาวผ่อง สิทธิชูชัย นักมวยระดับตำนานอีกคนหนึ่งของเมืองไทย ผู้สร้างประวัติศาสตร์คว้าเหรียญเงินเหรียญแรกในกีฬาโอลิมปิกเกมส์ ปี 1984 ที่นครลอสแอนเจลิส ประเทศสหรัฐอเมริกา หลังจากแพ้คะแนน เจอร์รี่ เพลส์ นักชกเจ้าถิ่น ในรอบชิงชนะเลิศ มวยสากลสมัครเล่น รุ่นไลท์เวลเตอร์เวท 63 กิโลกรัม แบบค้านสายตาคนไทย 0-5 เสียง
แม้จะประสบความสำเร็จสูงสุดในฐานะนักกีฬาจากการคว้าเหรียญเงินโอลิมปิกมาฝากคนไทยทั้งประเทศได้ แต่ความพยายาม ความทุ่มเทแรงกายแรงใจ อดทนฝึกซ้อมอย่างหนักที่ผ่านมาทั้งหมดกลับไร้ค่า เพราะขาวผ่องไม่ได้รับการเหลียวแลจากภาครัฐเลยแม้แต่น้อย ทั้งที่สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศชาติ รวมทั้งไม่เคยได้รับการเยียวยาย้อนหลังในฐานะฮีโร่โอลิมปิกเกมส์ด้วย
ยังดีที่นายวินัย เสริมศิริมงคล ผู้จัดการทีมขุนพลเสื้อกล้ามไทยในสมัยนั้น ช่วยหาเงินสนับสนุนมามอบให้จำนวน 1 ล้านบาท บวกกับได้รับทองคำน้ำหนัก 10 บาท จากบริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) นอกจากนี้ยังได้รถมอเตอร์ไซค์ และเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ เช่น หม้อหุงข้าว แอร์ จากภาคเอกชนเป็นรางวัลปลอบขวัญ เพื่อตอบแทนความมุ่งมั่นทุ่มเท จนสามารถสร้างประวัติศาสตร์เป็นนักมวยไทยคนแรกที่คว้าเหรียญเงินโอลิมปิกเกมส์มาครองได้อย่างน่าภาคภูมิใจ
ชีวิตปัจจุบัน ขาวผ่อง ดำรงตำแหน่งอุปนายกและเลขาธิการ “สมาคมกีฬามวยไทยนายขนมต้ม” โดยมีภารกิจหลักคือช่วยเหลืออดีตนักมวยเก่าที่เจ็บป่วยและเสียชีวิต เพราะสมาคมฯ เล็งเห็นคุณภาพของนักมวยไทยในอดีต แต่พวกเขาเหล่านั้นกลับถูกทอดทิ้ง หรือไร้คนดูแลในช่วงบั้นปลายของชีวิต
นอกจากนี้อดีตนักชกวัย 63 ปี ยังทำธุรกิจเครื่องสำอางร่วมกับภรรยา ภายใต้แบรนด์ “ลิลลี่ ไวท์” รวมถึงเป็นเจ้าของสวนทุเรียน “สวนขาวผ่อง” บนเนื้อที่ 15 ไร่ ที่จังหวัดระยอง โดยจะเริ่มปลูกภายในปีนี้
ไม่เพียงแค่นั้นเจ้าตัวยังรับงานในวงการบันเทิงบ้างประปราย และกำลังจะมีผลงานการแสดงออนแอร์ใน Netflix กับซีรีส์เรื่อง “ด้ายดิบ” ซึ่งขาวผ่องรับบทเป็นครูมวย คาดว่าจะได้รับชมกันในปีหน้า หลังจากถ่ายทำเสร็จไปแล้วเมื่อช่วงประมาณเดือนสิงหาคม 2565
ชกไฟต์แรกกับเด็กปั๊มขี้ยา ชนะเพราะคู่แข่งเป็นลม
ขาวผ่อง : คือจริงๆ แล้วมวยไม่ได้อยู่ในมันสมองผมเลยนะ ไม่เคยชอบเลย ไม่เคยคิดจะชกมวยด้วย แต่ว่าคนที่ชอบมวยมากคือพ่อผม พ่อผมเป็นคนที่ชอบมวยมาก ที่บ้านผม ชื่อหมู่บ้านขวากลิง ตำบลบ้านแลง อำเภอเมือง จังหวัดระยอง พ่อก็พานั่งซ้อนท้ายจักรยานไปเตะกระสอบ คือสมัยนั้นเนี่ย ถือว่ายังไม่ใช่ค่ายมวยหรอก เอากระสอบไปแขวนต้นมะม่วง กระสอบปุ๋ย กระสอบป่าน ก็ไปเตะ
แต่พ่อเสียชีวิตตอนผมอยู่ประถม 4 ครอบครัวก็ลำบากมากช่วงนั้น บ้านมีพี่น้องอยู่ 5 คน แม่ก็ตัวคนเดียว ก็ต้องดูแลลูก จนผมเรียนจบชั้นประถม 7 อยากจะเรียนต่อ แต่แม่ไม่มีปัญญาที่จะให้เรียน ก็เลยมีความคิดว่า เราจะหาเงินมาช่วยครอบครัวยังไง ก็นึกถึงพ่อ พ่อนี่เขาชอบมวย
ไอ้เราก็มีความคิดว่า เอาล่ะวะมวยนี่แหละ ก็น่าจะเป็นหนทางหนึ่ง ที่จะหารายได้เข้าครอบครัวได้ ก็เลยไปซ้อมอยู่กับหมอประเสริฐ ค่ายลูก ฝ.ล. แล้วก็มีการเปรียบมวย สมัยนั้นที่บ้านนอกเขาจะมีเปรียบมวย ผมก็เปรียบได้คู่ชกคนหนึ่ง ซึ่งมารู้ทีหลังว่านักมวยคนนี้เป็นเด็กปั๊ม แล้วก็ติดยาเสพติดด้วย
ก็ชกกัน เหวี่ยงกันไป เหวี่ยงกันมา คู่ชกเป็นลมยก 3 โอ้โห! ผมดีใจมากเลย ที่เคยคิดไว้ว่ามวยมันไม่สนุก มันไม่มัน ไม่อะไร เกิดชอบขึ้นมาทันทีเลย เพราะมันไม่เหนื่อย ไม่เจ็บ ได้เงิน 90 บาทค่าชกครั้งแรก ก็ดีใจ เออดีเว้ย ติดใจ
ขาวผ่อง เล่าประสบการณ์ขึ้นชกไฟต์แรกในชีวิต
มาชกที่กรุงเทพฯ ครั้งแรกแพ้น็อก
ขาวผ่อง : หลังจากที่อยู่ค่ายบ้านนอก ค่ายหมอเสริฐ พอเขาหยุดไป ก็เลยลองหาที่ซ้อมใหม่ ก็มาอยู่สิทธิชูชัยเป็นค่ายของครูชีพ เข้ามาในตัวตำบลเริ่มมาซ้อมจริงจัง ผมชกที่ต่างจังหวัด ชกที่ระยอง 20 ครั้งแรก ผมชนะรวด ไม่มีแพ้ใครเลย ค่าชกตั้งแต่ 90 บาท มันก็เริ่มขยับมาเป็นหลักร้อย เป็นหลักหลายๆ ร้อย จนเป็นหลักพัน ผมต่อยน็อก เตะน็อก ตีเข่าน็อกหมด 19 ครั้ง ชนะคะแนนแค่ครั้งเดียว
จนมีโปรโมเตอร์จากกรุงเทพฯ ส่งแมวมองไปหาดาวรุ่ง เพราะรู้ข่าวว่าผมชก ก็ติดต่อให้ไปชกในกรุงเทพฯ ผมเข้าอันดับ 10 ทั้งๆ ที่ไม่เคยมาชกในกรุงเทพฯ เลย คือโปรโมเตอร์พยายามดึงตัวผมเข้าสู่ลุมพินีให้ได้ ปรากฏว่า เข้าชกกรุงเทพฯ ครั้งแรก แพ้เลย และเป็นการแพ้ครั้งแรกในชีวิต
คือพี่สิงห์ศึก ส.รูปสวย เป็นนักมวยอายุมากกว่าผมหลายปีเหมือนกัน สาเหตุที่แพ้ ก่อนชกอาทิตย์หนึ่งผมแทบไม่ได้ซ้อมมวยเลย ผมเป็นดาวรุ่ง มีคนรู้จักเยอะ ต้องเข้ากรุงเทพฯ ไปทำข่าว ไปแถลงข่าว สารพัดอย่างเลยในช่วงนั้น ตลอด 3 ยกนี่เป็นพระเอกเลย ยก 4 หมดแรง โดนพี่สิงห์ศึกขย้ำแพ้เลย ผมแพ้ครั้งแรกในชีวิต
ขาวผ่อง สิทธิชูชัย เป็นแชมป์เวทีลุมพินี ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2521-2524 เขาผ่านศึกบนสังเวียนเลือดมากมาย เช่น ดีเซลน้อย ช.ธนะสุกาญจน์ ผุดผาดน้อย วรวุฒิ วิชาญน้อย พรทวี หลังจากนั้นเริ่มไม่มีคู่ชก จึงต้องเบนเข็มสู่มวยสากลสมัครเล่น และได้แชมป์ประเทศไทย ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2525-2527
เบนเข็มชกมวยสากล เพราะอยากไปเที่ยวต่างประเทศ
ขาวผ่อง : สาเหตุที่มาชกมวยสากลสมัครเล่น ช่วงนั้นไม่ได้คิดอะไร คิดอย่างเดียวคือ อยากไปเที่ยวต่างประเทศ อยากนั่งเครื่องบินแบบโก้ๆ มันก็มีทางเดียวคือ มีธงไตรรงค์ติดหน้าอก ต้องเป็นทีมชาติ มันถึงจะโก้
จนมาประสบความสำเร็จ สมหวังตัวเอง ปี พ.ศ. 2525 ได้ไปชกในรายการชิงแชมป์เอเชีย ที่ประเทศเกาหลีใต้ ของบนเครื่องบินที่เขาแจกๆ มา พวกน้ำปลา แยมทาผลไม้ อะไรพวกนี้ ผมไม่กินเลยนะ ผมเก็บหมดเลยนะ เก็บเอาใส่ถุงอย่างดีเลย จะเอาไปฝากแม่ เพราะแม่ไม่เคยเห็น ปรากฏว่า พวกนี้มันเจอความร้อน มันก็เน่าใช่ไหม มันก็ละลายหมด โห! ไปถึงเกาหลี เปิดมาเหม็นหึ่งทั้งกระเป๋าเลย
ขาวผ่อง เล่าประสบการณ์ที่ได้นั่งเครื่องบินเป็นครั้งแรก
หลังจากนั้นในทัวร์นาเมนต์ระดับนานาชาติ และในระดับที่ AIBA (สหพันธ์มวยสากลนานาชาติ ชื่อใหม่ IBA) รับรอง ผมก็ชกมาเกือบทุกทัวร์นาเมนต์ ซีเกมส์ ที่สิงคโปร์ ปี 1983 ได้เหรียญทอง อาเซียน อินวิเตชั่น ที่มาเลเซีย ได้เหรียญทอง มวยทหารโลก ที่กรุงเทพฯ ได้เหรียญเงิน แพ้ คิม ดอง คิล เอเชียนเกมส์ ที่อินเดีย ปี 1982 ได้เหรียญเงิน แพ้ คิม ดอง คิล มวยเวิลด์คัพ ที่อิตาลี แพ้ คาร์ลอส การ์เซีย แพ้บราซิล ได้เหรียญทองแดง มวยเวิลด์แชมเปี้ยนชิพ ที่ลอสแอนเจลิส ก่อนโอลิมปิก ได้เหรียญเงิน
ขาวผ่อง สิทธิชูชัย ต่อยกับ เจอร์รี่ เพลส์ นักชกสหรัฐฯ ในรอบชิงเหรียญทอง โอลิมปิกเกมส์ ปี 1984 แม้ว่าเขาจะเป็นฝ่ายเดินเข้าหาตลอดทั้ง 3 ยก แต่สุดท้าย เจอร์รี่ เพลส์ เป็นฝ่ายชนะ คว้าเหรียญทองไปครอง
3 อดีตนักมวยฮีโร่โอลิมปิกเกมส์ ไร้การสนับสนุนจากภาครัฐ
ขาวผ่อง : ผมได้เหรียญโอลิมปิก แต่ภาครัฐไม่เคยให้อะไรผมเลยแม้แต่สลึงเดียว ผมไม่ได้อะไรจากรัฐบาลเลย ไม่ได้อะไรเลยจากองค์กรกีฬาของประเทศชาติเลย ด้วยเหตุผลว่ากองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติยังไม่ได้ตั้ง
มี 3 คนนะครับ ที่ไม่ได้รางวัลจากรัฐบาล มี พเยาว์ พูนธรัตน์ เหรียญทองแดง ที่มอนทรีออล ประเทศแคนาดา แล้วก็มีผม เหรียญเงินโอลิมปิก 1984 ที่สหรัฐอเมริกา และอีกคนหนึ่งน่าสงสารมาก ผจญ มูลสัน เหรียญทองแดง ปี 1988 ที่ประเทศเกาหลีใต้ 3 คนนี้ไม่ได้รับการดูแลอะไรจากรัฐบาลนะครับ
โห! แต่มาหลังๆ นี่โอ้โห! เหรียญทอง 10 ล้าน เหรียญเงิน 5 ล้าน เหรียญทองแดง 3 ล้าน
ขาวผ่อง กล่าวด้วยน้ำเสียงที่น้อยใจในวาสนาตัวเอง
เกิดเร็วไปกองทุนฯ ยังไม่ได้ตั้ง “ไอ้เรามันไม่ใช่เหรียญโอลิมปิกเหรอวะ”
ขาวผ่อง : น้อยใจเหมือนกันนะบางที นักกีฬาคนพิการ เขาไม่ได้เหรียญทองพาราลิมปิก โอ้โห! เขายังได้เงินเป็นล้านๆ ไอ้เรานี่ย้อนหลังก็ไม่ได้
เคยนอนกรน แล้วไปทดสอบ Sleep Test ที่โรงพยาบาล หมอบอกว่าระบบหายใจผมเนี่ย จมูกผมเป็นตัว S คล้ายๆ กับว่า พอเจออากาศไม่ดีเข้า มันจะอักเสบ แล้วไปตรวจสภาวะขาดออกซิเจน หนึ่งชั่วโมง ผมขาด 22 ครั้ง หมอบอกว่ามันขาดออกซิเจนค่อนข้างสูง ถ้าปล่อยไว้โอกาสจะไหลตายได้ ผมก็เลยทำการรักษา
ช่วงนั้นรักษาไปประมาณแสนกว่าบาท โดยการผ่าตัดใหม่หมด ทำเรื่องนี้ไปขอเบิกกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ของการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ไม่อนุมัติให้ผม บอกว่าแพทย์ไม่ได้ระบุว่าถ้าไม่รักษาแล้วจะเสียชีวิต
ด้วยเหตุผลอย่างนี้ ผมบอกตรงๆ มันมีความรู้สึกว่า ไอ้เรามันไม่ใช่เหรียญโอลิมปิกเหรอวะ หรือว่าเราเกิดเร็วไปใช่ไหม เราก็คิดมองโลกในแง่ดี เราคงเกิดเร็วไป ไม่ให้ก็ไม่เป็นไร ก็ยังดีที่ผมยังได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์จากรัฐบาลนะ
เครื่องราชอิสริยาภรณ์ เบญจมาภรณ์ช้างเผือก ได้รับขันน้ำพานรอง ใบเบ้อเริ่มเลย จากกรุงเทพมหานครช่วงนั้น มันเหมือนนางสงกรานต์ยังไงไม่รู้นะ ได้ขันน้ำพานรอง ก็ยังดีเอาใส่พระในปัจจุบัน
ขาวผ่อง กล่าวทิ้งท้าย