ดาบิด เด เคอา “(David de Gea) ผู้รักษาประตูที่หมดสัญญากับ ทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตั้งแต่เดือนที่แล้ว ทว่าการพูดคุยเพื่อต่อสัญญาฉบับใหม่กลับไม่สามารถตกลงกันได้ เด เคอา จึงยุติปิดฉากการเฝ้าเสาให้กับแมนฯ ยูไนเต็ด ลงไว้ที่ 12 ปี หลังย้ายมาจาก แอตเลติโก้ มาดริด โดยแมนฯ ยูไนเต็ด เตรียมเซ็นสัญญากับ “อันเดร โอนาน่า” เข้ามาทดแทน ทำให้ฝันของเขาในการต่อสัญญาต้องดับลงไป กลายเป็นตำนานในโรงละครแห่งความฝันไปอีกคน วันนี้ FEED พามาย้อนดูประวัติที่ดีและร้ายของนายทวารคนนี้กัน

เป็นที่รู้กันว่าในช่วงของนายประตูคนก่อนอย่าง “เอ็ดวิน ฟาน เดอ ซาร์” ที่เฝ้าเสาให้กับทีมตั้งแต่ปี 2005-2011 เป็นนายประตูที่ทำหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยม หาตัวประกบหรือแม้แต่หาตัวตายตัวแทนได้ยาก โดยหลังจากที่นายทวารชาวดัตช์ประกาศแขวนถุงมือนั้น ภารกิจของ “เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน” คือการหาผู้รักษาประตูคนใหม่มาเสริมทีม ซึ่งบอสใหญ่ชาวสกอตยอมรับว่าต้องการตัว “มานูเอล นอยเออร์” ที่ตอนนั้นอยู่กับชาลเก้ 04 ด้วยรูปร่างสูงใหญ่และความสามารถในการเซฟและเข้าตัดบอลได้ดีมาก แต่ “เอริค สตีล” โค้ชผู้รักษาประตูของแมนฯ ยูไนเต็ด นั้นกลับมองไปที่ดาวรุ่งจากแอตเลติโก มาดริด วัย 20 ปี นามว่า ดาบิด เด เคอา ด้วยฟอร์มการเล่นทั้งความคล่องตัวและความเร็ว ท้ายที่สุดเซอร์อเล็กซ์ตัดสินใจเซ็นเด เคอา เข้าทีมด้วยราคา 20 ล้านปอนด์

ปี 2011-2013 ปีแห่งการพิสูจน์ตัวตน

โดยช่วงแรกเด เคอา ยังมีปัญหาการปรับตัวในการเล่นในลีกอังกฤษและฟอร์มที่ยังไม่คงเส้นคงวาทำให้เห็นจังหวะพลาดอยู่บ้าง จนบางคนก็สงสัยในการตัดสินใจเชื่อในนายประตูคนนี้ แต่ก็มีเหตุการณ์หนึ่งในเกมที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด บุกไปเสมอเชลซี 3-3 ช่วงครึ่งหลังของฤดูกาล ที่กลายมาเป็นจุดเปลี่ยนให้กับเขา หลังจากที่แมนฯ ยูไนเต็ด เสียฟรีคิกในระยะอันตราย “ฆวน มาตา” ได้ยิงลูกโค้งสุดสวยพุ่งเข้าสามเหลี่ยมเสาไกล ชนิดที่ว่าแฟนบอลเชลซีที่สแตมฟอร์ดบริดจ์ส่งเสียงเฮไปแล้ว แต่เด เคอา กระโดดปัดลูกนั้นได้แบบไม่น่าเชื่อ ทำให้คงสกอร์เสมอไว้ได้

ในฤดูกาล 2012/13 เด เคอา ก็แสดงผลงานได้ดีมากขึ้นเรื่อยๆ จนสามารถติดทีมยอดเยี่ยมแห่งปีของพรีเมียร์ลีก และช่วยทีมคว้าแชมป์ลีกได้สำเร็จ หลังจากที่สลับกันลงเล่นกับ “อันเดอร์ส ลินเดการ์ด” มาถึง 2 ปี เด เคอา ก็พร้อมแล้วที่จะก้าวขึ้นเป็นนายประตูตัวจริงให้กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

ปี 2013-2015 ระเบิดฟอร์ม

ฟอร์มของเด เคอา ดีขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าผลงานของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หลังการวางมือของเซอร์อเล็กซ์ในฐานะผู้จัดการทีมจะไม่ค่อยสวยหรูเท่าไร และในฤดูกาล 2014/15 แฟนบอลก็เริ่มจับตามองเด เคอา มากขึ้น ซึ่งเขาได้โชว์ผลงานการเซฟที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเรื่องปฏิกิริยาที่ยอดเยี่ยมและการพุ่งเซฟลูกที่ไม่น่าจะทำได้ จนเริ่มถูกพูดถึงว่าเป็นนายประตูที่เก่งที่สุดในโลก ในช่วงตลาดซื้อขายนักเตะช่วงฤดูร้อนปี 2015 ‘ราชันชุดขาว’ เรอัล มาดริด ตอนนั้นกำลังต้องการตัวผู้รักษาประตูคนใหม่มาเสริมทีม และคิดว่าเด เคอา คือเป้าหมายที่พวกเขาต้องการ ทั้งสองทีมได้ทำข้อตกลง 29 ล้านปอนด์บวกกับ “เคย์ลอร์ นาบาส” ผู้รักษาประตูตัวจริงของเรอัล มาดริด ในขณะนั้นเพื่อแลกกับซูเปอร์สตาร์ชาวสเปน แต่เอกสารแฟกซ์มาช้ากว่าเส้นตายตลาดซื้อขาย 28 นาที ทำให้ดีลนี้ล่มแบบไม่เป็นท่า

ปี 2015-2018 ฟอร์มที่ดีต่อเนื่อง กับจุดเปลี่ยน

หลังจากช่วงเวลาสั้นๆ ที่เด เคอา งอนทีมหลังจากดีลล่ม เขาก็กลับมาโฟกัสและทุ่มเทให้กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้อีกครั้งและในฤดูกาล 2017/18 เด เคอา โชว์ฟอร์มที่ดีที่สุดในอาชีพของเขา เซฟไปถึง 114 ครั้ง ถือเป็น 80.7% ของลูกที่ยิงมาทั้งหมด รวมถึงโชว์ฟอร์มเด็ดสามารถเซฟถึง 14 ครั้งในเกมที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ชนะอาร์เซนอล 3-1 โดยในเกมนั้นเป็นเกมที่แสดงให้เห็นชัดเจนถึงปฏิกิริยาและความสามารถที่จะเซฟลูกด้วยทุกส่วนของร่างกายตั้งแต่หัวจรดเท้า เป็นส่วนช่วยให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด รั้งตำแหน่งอันดับ 2 ในพรีเมียร์ลีก และทำให้เจ้าตัวคว้ารางวัลถุงมือทองคำของพรีเมียร์ลีกเป็นครั้งแรก พร้อมที่จะเป็นเสาหลักให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไปอีกนาน และเป็นโอกาสที่ดีที่จะพาทีมชาติสเปนลุยฟุตบอลโลกอีกด้วย

ในเกมแรกที่สเปนเจอทีมชาติโปรตุเกสในฟุตบอลโลกปี 2018 ก็เกิดเหตุการณ์จุดเปลี่ยนที่นายด่านชาวสเปนคงไม่อยากจะจำมากที่สุด ในนาทีที่ 44 ของการแข่งขัน “คริสเตียโน โรนัลโด” ยิงลูกตรงตัวนายประตูชื่อดัง ชนิดที่ว่า 9 จาก 10 ครั้งน่าจะเซฟได้ แต่เด เคอา กลับ ‘ซองแตก’ และทำลูกกระดอนออกจากตัวไหลเข้าประตูไปแบบไม่น่าเชื่อ ซึ่งกล่าวได้ว่าหลังจากนั้นเด เคอา ก็ฟอร์มตกลงไปเลย เริ่มแสดงข้อผิดพลาดมากขึ้น และเริ่มเผยจุดอ่อนออกมาทีละนิด

ปี 2018-2021 เมื่อนายประตูมหาเทพมากันเต็มลีค

ในยุคสมัยที่ ‘ผู้รักษาประตูยุคใหม่’ อย่าง “อลิสสัน เบ็คเกอร์” และ “เอเดอร์สัน” สามารถออกมาตัดบอลและเป็นจุดเริ่มต้นของการตั้งเกมรุกของทีมได้ เด เคอา ที่มีจุดเด่นแค่การรับลูกที่พุ่งมาอย่างเดียวอาจจะไม่พอสำหรับการลงเล่นในการแข่งขันระดับสูง ณ ตอนนี้ แถมการรับลูกของเขาเริ่มจะถดถอย เมื่อสถิติ Post-Shot Expected Goals minus Goals Allowed หรือสถิติประตูที่ควรเสียลบด้วยประตูที่เสียจริงต่ำกว่า 0 หมายความว่าเด เคอา ไม่สามารถเซฟช็อตที่ควรจะเซฟได้และการที่มีผู้รักษาประตูหน้าใหม่ที่พร้อมจะเป็นมือหนึ่งอย่าง ดีน เฮนเดอร์สัน ที่สามารถเล่นในรูปแบบใหม่ และพร้อมเฝ้าเสาต่อในอนาคต รับช่วงต่อของเด เคอา อาจจะหมายความว่ายุคสมัยของ ‘เดฟเซฟ’ กำลังจะหมดลง  

ปี 2021-2023 ยุคร่างเทพและช่วงเวลาสุดท้าย

บางทีโชคอาจเป็นสิ่งเล็กๆ ที่คุณต้องการก็ได้ หลังจากที่ดีน เฮนเดอร์สัน เจ็บระหว่างซ้อมกับทีมชาติอังกฤษในศึกยูโร 2020 (ที่แข่งเมื่อปี 2021 เนื่องจากโควิด) เด เคอา จึงตัดสินใจที่จะกลับมาซ้อมกับทีมเร็วกว่ากำหนด และการที่เขาสามารถทำผลงานได้ดีในการซ้อมและในฐานะตัวจริงของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในช่วงแรกของฤดูกาล ทำให้เด เคอา เป็นตัวเลือกหมายเลข 1 ในการเฝ้าเสาของทีมอีกครั้งและในฤดูกาล 2022/23 มีหลายอย่างที่เปลี่ยนไปมาก ทั้งผู้จัดการทีมคนใหม่อย่าง เอริก เทน ฮาก ผู้มาพร้อมกับวัฒนธรรมและการเล่นรูปแบบใหม่ของทีม นอกจากนี้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยังมีผู้เล่นแนวรับมาเสริมเพิ่มเติม เช่น ลิซานโดร มาร์ติเนซ และ คาเซมิโร และถึงแม้ว่าจะแพ้ให้กับลิเวอร์พูลยับถึง 7-0 และมีจังหวะรับหรือตัดบอลพลาดให้เห็นอยู่บ้าง แต่เด เคอา สามารถคว้าถุงมือทองคำเป็นสมัยที่ 2 ได้สำเร็จจากการเก็บคลีนชีตถึง 17 ครั้ง

ท้ายที่สุดนี้ ดาบิด เด เคอา ก็ได้ประกาศอำลาสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อย่างเป็นทางการไปแล้วเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม ปิดฉากการเป็นผู้รักษาประตูให้กับทีมมายาวนานกว่า 12 ปีอย่างเป็นทางการ

แหล่งที่มาและข้อมูล : Blecherreport

Straight roads are for fast cars, turns are for fast drivers.

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้ที่จำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ (Strictly Necessary Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้มีความสำคัญต่อการปฏิบัติการของเว็บไซต์ feedforfuture.co ซึ่งจะช่วยให้ท่านสามารถเข้าถึงข้อมูลและเนื้อหาต่างๆ ของเว็บไซต์เราได้ทุกส่วน โดยเฉพาะส่วนสมาชิกผู้ใช้งานของเว็บไซต์ ตลอดจนการตรวจสอบจำนวนผู้เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเรา

  • คุกกี้ด้านประสิทธิภาพการทำงานของเว็บไซต์ (Performance Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ใช้เพื่อรวบรวมข้อมูลทางสถิติเกี่ยวกับการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน เพื่อวิเคราะห์ และช่วยให้เราทราบถึงพฤติกรรมการใช้งาน ซึ่งจะช่วยปรับปรุงการทำงานของเว็บไซต์เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดในการใช้งานบนเว็บไซต์ของเรา

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาเข้ากับกลุ่มเป้าหมาย (Targeting Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ใช้ในการบันทึก และจดจำคุณลักษณะต่างๆ ที่ท่านได้เลือกขณะเข้าชมเว็บไซต์ของเรา เช่น หมวดหมู่ และเนื้อหาที่ท่านชอบอ่านมากที่สุด เราจะบันทึกข้อมูลเหล่านี้ และนำกลับมาใช้เมื่อท่านกลับเข้ามาที่เว็บไซต์ของเราอีกครั้ง เพื่อปรับให้ท่านได้รับชมเนื้อหาได้ตรงกับความชอบของท่านให้มากที่สุด

  • คุกกี้เพื่อนำเสนอโฆษณาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย (Advertising Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ใช้เพื่อจดจำพฤติกรรมการอ่านเนื้อหาบนเว็บไซต์ของท่าน รวมถึงรายละเอียดของอุปกรณ์ที่ท่านใช้ เพื่อนำไปใช้วิเคราะห์การนำเสนอโฆษณาที่เหมาะสมกับท่านมากที่สุด และช่วยวัดความมีประสิทธิผลของโฆษณาที่เรานำเสนอด้วย ตลอดจนช่วยป้องกัน หรือจำกัดจำนวนครั้งที่ท่านจะเห็นโฆษณาเดิมซ้ำๆ

บันทึก