เรียกได้ว่าพลิกโฉมวงการโทรทัศน์เมืองไทยครั้งสำคัญ เมื่อช่อง 7HD ซึ่งเป็นสถานีโทรทัศน์เรตติ้งอันดับ 1 ของประเทศไทย เลือกที่จะตัดละครหลังข่าวค่ำช่วงไพรม์ไทม์ ออกจากผังในทุกคืนวันศุกร์ เพื่อมาถ่ายทอดสดการแข่งขันมวยศึก ONE ลุมพินี แบบเต็มอิ่มจุใจถึง 3 ชั่วโมงเต็มตลอดทั้งปีนี้ โดยเริ่มเปิดสังเวียนครั้งแรกวันศุกร์ที่ 20 มกราคม 2566 ตั้งแต่เวลา 20.30-23.30 น.
สำหรับคู่เอกของรายการจะเป็นการป้องกันตำแหน่งแชมป์สมัยที่ 7 ของ “ราชันฆ่าไม่ตาย” น้องโอ๋ ไก่ย่างห้าดาว แชมป์โลก ONE มวยไทย รุ่นแบนตัมเวต (145 ปอนด์) กับผู้ท้าชิงชาวรัสเซีย “Babyface Killer” อลาเวอร์ดี รามาซานอฟ อดีตแชมป์โลก ONE คิกบ็อกซิ่ง รุ่นแบนตัมเวต
นอกจากนี้ยังมีคู่มวยเด็ดๆ อัดแน่นเต็มอัตราศึกอีก 11 คู่ อาทิ ศึกไตรภาคชี้ชะตา ระหว่าง พระจันทร์ฉาย พี.เค.แสนชัยมวยไทยยิม กับ คมเพชร ศิษย์สารวัตรเสือ
ขณะเดียวกันก่อนที่คู่เอกของรายการในทุกสัปดาห์จะต่อยกัน ก็จะมีการรำมวยไหว้ครูก่อนการชก เพื่อเป็นการสืบสานวัฒนธรรมที่ดีของประเทศไทยสู่สายตาผู้คนทั่วโลกกว่า 170 ประเทศ
เบื้องหลังของการถ่ายทอดสดมวยศึก ONE ลุมพินี ในครั้งนี้ เป็นการร่วมมือกันระหว่าง ชาตรี ศิษย์ยอดธง บิ๊กบอส วัน แชมเปียนชิพ, “เปรม” อริยะวัฏ บุษราบวรวงษ์ ในฐานะกรรมการผู้จัดการ วัน แชมเปียนชิพ ประเทศไทย, พัฒนพงค์ หนูพันธ์ รักษาการกรรมการผู้จัดการ ช่อง 7HD และ ไบรอัน ลินด์เซ มาร์การ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บีอีซี-เทโร เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (มหาชน)
โดยทั้ง 4 คนมีเป้าหมายร่วมกันคือต้องการให้ศึก ONE ลุมพินี เป็นเวทีคุณภาพและส่งเสริมให้วงการมวยเติบโตขึ้น ควบคู่ไปกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยว
นับเป็นโอกาสสำคัญที่ทางสถานีฯ จะได้ร่วมงานกับแพลตฟอร์มกีฬาระดับโลก ในการถ่ายทอดสดศึก ONE ลุมพินี และอีเวนต์สำคัญของ ONE ในอนาคต จนทำให้เป็นครั้งแรกที่รายการมวยระดับโลกจะออกอากาศในช่วงเวลาไพรม์ไทม์ เพื่อให้คนไทยได้รับชมพร้อมกัน ถ่ายทอดสดจากสนามมวยเวทีลุมพินี ด้วยมาตรฐานโปรดักชันระดับโลก
พัฒนพงค์ หนูพันธ์ รักษาการกรรมการผู้จัดการ ช่อง 7HD กล่าว
FEED ได้มีโอกาสพูดคุยกับ “เปรม” อริยะวัฏ บุษราบวรวงษ์ หนึ่งในคีย์แมนคนสำคัญของ วัน แชมเปียนชิพ ประเทศไทย เพื่อสะท้อนมุมมองและจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญในการพลิกโฉมวงการโทรทัศน์เมืองไทย ที่ช่อง 7HD ตัดสินใจหั่นละครหลังข่าวค่ำออกแล้วให้พื้นที่กับการถ่ายทอดสดกีฬามวยศึก ONE ลุมพินี
อริยะวัฏ บุษราบวรวงษ์ : วัน แชมเปียนชิพ กับ Fairtex เคยทำงานร่วมกันเป็น 10 กว่าปีแล้ว ก่อนที่จะเรียกว่า วัน แชมเปียนชิพ เลยก็ว่าได้ เราเป็นสปอนเซอร์เกี่ยวกับอุปกรณ์นวม อุปกรณ์กีฬาให้กับ วัน แชมเปียนชิพ และเป็นพาร์ทเนอร์กัน พอผมมาเริ่มทำ Fairtex Fight ก็ได้ทำงานใกล้ชิดมากขึ้นกับพี่ชาตรี ศิษย์ยอดธง พี่ชาตรีก็บอกว่าทำไมไม่ลองมาทำเป็น Road To ONE หนทางสู่ วัน แชมเปียนชิพ ในรายการของ Fairtex Fight เราก็ได้โอกาสทำ แล้วก็ประสบความสำเร็จ
พี่ชาตรีก็เริ่มมีไอเดียว่าเขาอยากจะทำสิ่งดีๆ ให้กับมวยไทย ให้กับนักกีฬาไทย ให้กับวงการมวยไทย เพราะว่านักกีฬากับวงการมวยไทย ถือว่าซบเซาไปเยอะเป็นเวลากว่า 5-6 ปีที่ผ่านมา ก่อนโควิดด้วย เพราะพี่ชาตรีเป็นคนไทย เขาเป็นคนที่เห็นคุณค่าของคนไทย ของมวยไทย พี่ชาตรีรู้สึกว่าเขาต้องทำสิ่งนี้ให้กับคนไทย และอยากมาทำอะไรก็ได้ให้กับนักกีฬา สุดท้ายก็ได้คุยกับผู้ใหญ่ฝั่งทหาร และเลือกที่จะมาทำที่ลุมพินี เพราะว่าลุมพินีก็มีคอนเซ็ปต์ที่เปลี่ยนไปเลย
ก่อนหน้านั้นเราเห็นลุมพินีมีนักพนันมีอะไรเยอะแยะ แต่ทางผู้ใหญ่ของลุมพินี ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้มีมาตรการว่าต่อไปนี้ลุมพินีจะเปลี่ยน แบบเดิมๆ ไม่เอาแล้ว
ในสนามห้ามมีการพนัน จะทำเป็นสปอร์ต เอ็นเตอร์เทนเมนต์ จะทำเป็นศูนย์รวมการต่อสู้นักกีฬา ให้โอกาสศาสตร์ของการต่อสู้ในทุกรูปแบบ ที่สำคัญคือให้ความเท่าเทียมของผู้หญิง
ถ่ายทอดสดมวยช่วงไพรม์ไทม์ เปลี่ยนแนวคิด “ละครเป็นอันดับหนึ่ง”
อริยะวัฏ บุษราบวรวงษ์ : พี่ชาตรีก็เลยมองเห็นว่ามันเป็นสิ่งที่น่าจะทำได้ และผลักดัน เพราะว่า วัน แชมเปียนชิพ การพนันจะไม่เข้ามายุ่งเกี่ยว เพราะเขาทำเป็นเอ็นเตอร์เทนเมนต์ทั้งนั้น ก็เลยมีโปรเจ็กต์ขึ้นมา ได้รู้จักกับพี่แดง (พล.อ.สุชาติ แดงประไพ) นายสนามมวยลุมพินีคนก่อน แล้วก็ได้คุยกับทาง เทโร เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ซึ่งได้มาเป็นพาร์ทเนอร์ของผมตั้งแต่ทำ Fairtex Fight แล้ว
พี่ชาตรีก็ได้คุยกับคุณไบรอัน แล้วคุณไบรอันก็แนะนำให้คุยกับทางช่อง 7 เพื่อเปลี่ยนทุกสิ่งทุกอย่างของเมืองไทยและของกีฬา ทางช่อง 7 ก็เห็นด้วย เราก็ได้ถ่ายทอดสดจากช่อง 7 ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
แต่สิ่งที่แปลกก็คือว่าในวงการทีวีของประเทศไทย ยังไม่เคยมีอะไรที่มาทดแทนละครในช่วงประมาณ 2 ทุ่มจนถึง 4-5 ทุ่มนี่แหละ ส่วนมากจะเป็นละคร มันจะเป็นเรตติ้งของทุกช่องเลย
แต่มาครั้งนี้เราได้เอาสปอร์ต เอ็นเตอร์เทนเมนต์ เข้ามาอยู่ในช่วงไพรม์ไทม์ของในประเทศไทย ซึ่งทำให้คนเห็นว่ามันเป็นสิ่งที่แปลกใหม่ เป็นวิวัฒนาการใหม่ที่ควรจะเป็นแล้ว
อย่างในต่างประเทศกีฬาคือการถ่ายทอดสดอันดับ 1 ของทั่วโลกเลย ไม่ว่าจะเป็นฟุตบอลพรีเมียร์ลีก หรือ NFL เขาจะเทคเวลาไพรม์ไทม์ทั้งหมดเลย แต่กับประเทศไทยยังมองเห็นความสำคัญของละครหรืออะไรมากกว่า ไม่ค่อยมีใครกล้ามาเสี่ยง
แต่ก็โชคดีที่มีพี่ชาตรี คุณไบรอัน และทางช่อง 7 ได้เข้ามาคุย แล้วก็ลงตัวกัน เรื่องราวมันก็เป็นแบบนี้ ทำให้เกิด ONE ลุมพินี ขึ้นมา และ ONE ลุมพินี ก็จะมีการถ่ายทอดสดทุกอาทิตย์เลยในวันศุกร์ตั้งแต่ 20.30-23.30 น.
อริยะวัฏ บุษราบวรวงษ์ กล่าว
ONE ลุมพินี ให้โอกาสนักกีฬา ให้ความฝันของเด็กได้เป็นจริง
อริยะวัฏ บุษราบวรวงษ์ : เราอยากจะให้โอกาสกับนักมวยไทยได้สร้างชื่อเสียง สร้างชีวิตที่ดีขึ้น เพราะว่าในวงการมวยไทยมันซบเซา เพราะอย่างบางคนต่อยมวยไปแล้ว อาจจะถูกโกงค่าตัวบ้าง หรือว่าตัวเองต่อยชนะจริงๆ แล้วอาจจะมีการตัดสินที่ไม่ถูกต้อง แต่มันไม่ใช่สิ่งที่จะเกิดขึ้นกับที่ ONE ลุมพินี
ที่ ONE ลุมพินี เราจะให้อนาคตเด็ก เราจะให้ความฝันของเด็กได้เป็นจริง สามารถให้เด็กได้ไปต่อยในเวทีระดับโลกได้จริงๆ และเราไม่ได้เอาแค่ The Best Of The Best ของเมืองไทย
เราจะมีโปรแกรมที่อยากจะสนับสนุนเด็กๆ ตั้งแต่เริ่มรากหญ้าขึ้นมาเลย เพราะว่าทุกอย่างมันคือระบบทางธุรกิจ (ecosystem) เหมือนกัน เพราะอย่าง Fairtex Fight จะทำ Road To ONE หานักกีฬาที่กำลังจะเป็นดาวรุ่งขึ้นมา เพื่อหาผู้ชนะ ก็จะได้มีโอกาสเข้าไปต่อย ONE ลุมพินี
พอคุณสามารถคิดว่าเป็นท็อป 3 ท็อป 5 ของ ONE ลุมพินี ก็จะดันขึ้นไป วัน แชมเปียนชิพ เพราะฉะนั้นมันมีระดับของระบบทางธุรกิจ (ecosystem) ให้กับวงการมวยไทย
อริยะวัฏ บุษราบวรวงษ์ กล่าวปิดท้าย