ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ทีมฟุตบอลยักษ์ใหญ่ทั้งในระดับชาติและสโมสรจำนวนมาก ต่างหันไปใช้แผนการเล่นที่ไม่ยึดติดกับการมี “ศูนย์หน้าประเภทโป้งปิดบัญชี” หรือ “ศูนย์หน้าที่มีทีเด็ดทีขาด” ในการจบสกอร์-เปลี่ยนเกม
ตรงกันข้าม หลายๆ ทีมกลับหันไปพึ่งพา “ศูนย์หน้ากึ่งปีก” ไม่ก็เลือกดันนักเตะในแผงมิดฟิลด์บางรายขึ้นไปเป็น “ผู้เล่นฟอลส์ 9” เลยด้วยซ้ำ
ความล้มเหลวของเยอรมนีและสเปน ที่ไม่มีตัวเลือกที่เป็น “ศูนย์หน้ามืออาชีพ” ในทีมมากพอ บ่งชี้ว่าอาจถึงเวลาแล้วที่โลกลูกหนังกำลังต้องย้อนกลับไปหา “ศูนย์หน้าตัวจริง” กันอีกหน
“ดิดิเยร์ ดร็อกบา” อดีตศูนย์หน้าของทีมชาติโกตดิวัวร์ (ไอวอรีโคสต์) และสโมสรเชลซี เพิ่งแสดงทรรศนะผ่านเว็บไซต์บีบีซี โดยการกล่าวถึงผู้เล่นในตำแหน่ง “ศูนย์หน้าสมบูรณ์แบบ” (complete striker/forward) ซึ่งเขานิยามว่าเป็นผู้เล่นที่มีศักยภาพในการจบสกอร์ด้วยตนเองและผ่านบอลไปให้เพื่อนยิงประตูได้ด้วย ทั้งยังเป็นผู้เล่นพิเศษที่สามารถพลิกผลการแข่งขันได้ด้วยการตัดสินใจ-จังหวะเคลื่อนไหวเพียงจังหวะเดียว
การแข่งขันฟุตบอลโลกที่กาตาร์นั้นมีกองหน้าประเภทนี้ไม่มากนัก ส่งผลให้หลายๆ ทีมที่เลือกจะไม่ใช้บริการ “ศูนย์หน้ามืออาชีพ” ไม่สามารถจบสกอร์หรือสร้างสรรค์โอกาสในการทำประตูได้ แม้เมื่อมีโอกาสทองมาเกิดขึ้นตรงหน้า
ดิดิเยร์ ดร็อกบา
“ศูนย์หน้าสมบูรณ์แบบ” ของฟุตบอลโลกคราวนี้ ที่ดร็อกบานึกถึงเป็นลำดับแรก ก็คือ “คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้” ศูนย์หน้าวัย 23 ปีของทีมชาติฝรั่งเศส ที่ซัดไปแล้วถึง 5 ประตู
อดีตศูนย์หน้าของโกตดิวัวร์บอกว่าเอ็มบั๊ปเป้คือผู้เล่นโดดเด่น ที่มีคุณสมบัติถึงพร้อมกับการเป็น “ศูนย์หน้าสมบูรณ์แบบ” กล่าวคือ ถ้าโค้ชจับเอาศูนย์หน้าของเปแอสเชไปยืนเป็นกองหน้าตัวกลาง เขาก็จะยิงประตูได้สม่ำเสมอ แต่ถ้าถอยเขาลงมาต่ำสักหน่อย เอ็มบั๊ปเป้ก็จะช่วยสร้างสรรค์โอกาสทำประตูให้แก่เพื่อนร่วมทีมได้เช่นกัน ดังที่เราเห็นในช่วงสองเกมแรกของรอบแบ่งกลุ่ม
ยิ่งกว่านั้น เมื่อต้องดวลเดี่ยวกับกองหลังฝั่งตรงข้ามแบบตัวต่อตัว เอ็มบั๊ปเป้ยังเผาเครื่องผู้เล่นเหล่านั้นได้ด้วยความเร็วที่หาตัวจับยากของเขา
ดร็อกบามองว่าคุณสมบัติรอบด้านทั้งหมดนี้เกิดขึ้นได้ เพราะเอ็มบั๊ปเป้ มีโอกาสได้สวมบทบาทเป็น “ผู้เล่นแดนหน้า” หลากหลายประเภทกับสโมสรปารีส แซงต์ แชร์กแมง ซึ่งค่อยๆ ฝึกฝนให้เขากลายเป็น “ศูนย์หน้าสมบูรณ์แบบ” อย่างในทุกวันนี้
เมื่อเทียบกับศูนย์หน้าคนอื่นๆ ที่มีความสามารถใกล้เคียงกัน ดร็อกบามองว่าเพื่อนร่วมทีมชาติฝรั่งเศสของเอ็มบั๊ปเป้ คือ “โอลิวิเยร์ ชิรูด์” เป็นศูนย์หน้าที่จบสกอร์ได้ดี และหาพื้นที่ในกรอบเขตโทษได้เก่ง แต่เขามีความคล่องตัวไม่มากนัก
ดร็อกบาชอบ “เออร์ลิง ฮาลันด์” ศูนย์หน้าชาวนอร์เวย์ของสโมสรแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ไม่ได้มาแข่งฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย โดยระบุว่าฮาลันด์เป็นตัวจบสกอร์ที่ชาญฉลาด เคลื่อนไหวไปกับบอลได้ดี แต่ยังต้องเพิ่มความคิดสร้างสรรค์ให้มากขึ้นอีกนิด
แม้หลายคนอาจสบประมาท “แฮร์รี เคน” ศูนย์หน้าทีมชาติอังกฤษและสเปอร์ส ที่เพิ่งยิงประตูไปได้แค่ลูกเดียวในฟุตบอลโลกครั้งนี้ แต่ดร็อกบากลับมองตรงกันข้าม และเห็นว่าเคนยังมีศักยภาพในการทำประตูที่สูงอยู่ ถ้าโค้ชวางบทบาทให้เขาเข้าไปเล่นในกรอบเขตโทษ
ทว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับเคน ก็คือ ในฟุตบอลโลกที่กาตาร์ ศูนย์หน้าจากสเปอร์สจะถอยลงมามีส่วนร่วมกับเกม ช่วยครองบอล และถ่ายบอลให้เพื่อนๆ มากขึ้น ซึ่งเขาสามารถทำหน้าที่ดังกล่าวได้อย่างดีเยี่ยม และช่วยเหลือทีมชาติอังกฤษได้เป็นอย่างดี (ล่าสุด เคนผ่านบอลให้เพื่อนยิงประตูไปแล้ว 3 ครั้ง)
ดร็อกบามองว่าการใช้ประโยชน์จากเคนในลักษณะนี้ จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อผู้เล่นในแนวรุกคนอื่นๆ ของอังกฤษมีความเข้าใจร่วมกันอย่างชัดเจนว่า พวกเขาต้องพยายามสอดแทรกเข้าไปจบสกอร์แทนเคน ที่กำลังถอยลงมาปั้นเกม
ดังนั้น สิ่งที่เคนกำลังทำ คือ การลงมาครองบอลและผ่านบอลให้เพื่อนๆ จึงถือเป็นคุณสมบัติสำคัญที่ “ศูนย์หน้าสมบูรณ์แบบ” พึงมีเช่นกัน
การแข่งขันฟุตบอลโลกรอบ 8 ทีมสุดท้าย ระหว่างฝรั่งเศสกับอังกฤษ ในคืนวันที่ 10 ธันวาคม (ตีสองวันที่ 11 ธันวาคม) อาจจะเป็นบทพิสูจน์สำคัญที่แสดงให้แฟนบอลได้เห็นว่า ระหว่าง “คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้” กับ “แฮร์รี เคน” ใครกันแน่ที่จะผงาดขึ้นเป็น “ศูนย์หน้าสมบูรณ์แบบ” เบอร์หนึ่งของเวิลด์คัพ 2022?