กว่า 34 ปีที่คนไทยได้เห็น “ก้อง-สหรัถ สังคปรีชา” โลดแล่นอยู่ในวงการมายาวนาน หลายคนจดจำบทบาทของเขาได้จากการเป็นพระเอกหนัง-ละคร บางคนจดจำเขาจากการเป็นหนึ่งในสมาชิก “วงนูโว” หรือ คู่หู โจ-ก้อง แม้กระทั่งจากการเป็นโค้ชรายการเดอะว้อยซ์
อยู่มานานประสบการณ์มากมาย แต่ผู้ชายคนนี้ ไม่เคย “ยืนเดี่ยว” บนเวทีคอนเสิร์ต ที่เป็นตัวเองจริงๆ มาก่อน
ด้วยบทเพลงและเรื่องราวตลอดเส้นทางตลอด 34 ปีผ่าน จึงเกิด KONG SAHARAT IN MY LIFE CONCERT ขึ้น ณ อิมแพค อารีน่าเมืองทองธานี เมื่อวันเสาร์ที่ 10 ก.ย. ที่ผ่านมา เป็นเหมือนบันทึกการเดินทางประสบการณ์ที่ผ่านมาของผู้ชายคนนี้ ที่ถ่ายทอดมาได้อย่างอบอุ่น ครบรสและสมบูรณ์แบบ
ตลอดเวลา 4 ชั่วโมง มากกว่า 30 บทเพลงที่ “ก้อง” ได้คัดเลือกมาให้เห็นทุกมุมในชีวิต แม้ว่าเขาจะเป็นผู้ชายที่พูดไม่เก่ง แต่ด้วยความสุขุมสมาร์ตและเสน่ห์ในการเล่นกีตาร์ทุกบทเพลง ทำให้คนดูแทบไม่ละสายตาจากคอนเสิร์ตเดี่ยวครั้งแรกได้เลย
โชว์เปิดตัวด้วยเพลง เป็นอย่างนี้ตั้งแต่เกิดเลย, เกี่ยว และ ทนทนเอาหน่อย 3 เพลงรวด ก่อนที่ก้องจะเผยความรู้สึกถึงการจัดคอนเสิร์ตในครั้งนี้ด้วยความอบอุ่น พร้อมเล่าถึงการเดินทางตั้งแต่การอยู่นูโว ไปถึงการออกอัลบั้มคู่ สู่การเป็นพระเอกเบอร์ต้นๆ ในวงการ
ต่อด้วยเพลง โลกว่างเปล่า จากอัลบั้มที่ออกไปทำกับ โจ จิรายุส จากนั้นได้คัดเพลงฮิตจากหลากหลายศิลปินมาเล่น อาทิ ทำไมต้องเธอ (เบิร์ด ธงไชย) เหตุผล (BlackHead) ก่อนที่จะวางกีต้าร์มาจับไมค์ ร้องเพลง เหมือนเคย (บอย โกสิยพงษ์)
นอกจากเสียงทุ้มนุ่มอันเป็นเอกลักษณ์แล้ว ก้อง สหรัถ ยังได้เปลี่ยนกีตาร์ในแต่ละช่วงโชว์ เพื่อให้เข้ากับสไตล์เพลงที่เขาและผู้กำกับดนตรีตั้งใจเรียบเรียงมาใหม่เพื่องานนี้
ขยับบรรยากาศมาเป็นช่วงอคูสติก ที่ชวนนักดนตรีมาเล่นเพลงชิลๆ หน้าเวที พร้อมการเรียบเรียงเพลงใหม่ให้มีกลิ่นอายบรรยากาศเหมือนนั่งเล่นอยู่ริมทะเลหรือสวนหน้าบ้าน เริ่มที่เพลง ปล่อยไปตามลมเลย (เพลงที่ก้องเผยว่าเป็นเพลงที่ชอบมากของนูโว) , คึกคักบ่อยเลย , สุดสุดไปเลย แถมเล่นเพลง คิดแต่ไม่ถึง Tilly bird และ เพราะอะไรของ ป้างนครินทร์ ในบรรยากาศชิลๆ
ก่อนที่จะ มีหนึ่งบทเพลงที่ ก้อง สหรัถ หยิบมาโชว์คือ “นิยาม…คำว่ารัก” ซิงเกิ้ลใหม่จาก NUVO ที่เป็นภาค 2 ของเพลงนิยามรัก ที่โด่งดังเมื่อเกือบ 30 ปีก่อน แต่ไม่มีโอกาสเล่นที่ไหน
อีกบทบาทของ “ก้อง สหรัถ” ที่ทุกจดจำได้คือ “โค้ช” แห่งรายการเดอะว้อยซ์ แน่นอนว่าจะต้องเป็นพาร์ตที่สำคัญของคอนเสิร์ตนี้ โดยมีแขกรับเชิญที่จะขาดไม่ได้คือ “เจนนิเฟอร์ คิ้ม” ที่มาร่วมร้องเพลง A Tu Corazon สู่กลางใจเธอ (ปั่น ไพบูลย์เกียรติ) และโชว์เดี่ยวเพลง นะหน้าทอง สะกดคนดูทั้งฮอลล์
ในฐานะที่ ก้อง สหรัถ เป็นนักดนตรีด้วย ทำให้คอนเสิร์ตครั้งนี้เขาคัดนักดนตรีมากความสามารถมาร่วมเล่นด้วยจำนวนมาก และให้เกียรติคนร่วมเวทีทุกคน พร้อมโชว์ The director เพื่อให้นักดนตรีได้ปล่อยของ ในการโซโลเครื่องดนตรีของตนเอง
ก่อนจะเข้าสู่ช่วงแดนซ์นำโดยเพลง หยุด, ฝากเลี้ยง, ลงเอย และแขกเซอร์ไพรส หนุ่ม นนท์ ธนนท์ มาร่วมร้องเพลงลูกทุ่ง และโชว์ซิงเกิ้ลใหม่ โต๊ะริม ก่อนจะเข้าสู่ช่วงแขกรับเชิญคุณภาพจากเดอะว้อยซ์แบบจัดหนัก ทั้งป้า ไก่ อัญชลี ,เหน่ง พิชัยยุทธ ,คิง พิเชษฐ์ และ ไนท์ วิทวัส ที่ขนพลังเสียงมาปล่อยของกันเต็มที่แบบครบรส ครบทุกแนวเพลงทั้งไทยและสากล
จนมาถึงช่วงท้ายที่เจ้าของคอนเสิร์ต ร้องเพลงฮิตติดตัวที่ถ้าขาดไปคนดูคงเสียใจแย่ ทั้ง เติมใจให้กัน รักเธอสุดหัวใจ และที่ขาดไม่ได้คือ “ลึกสุดใจ” ก่อนจะปิดท้ายด้วยวีทีอาร์เสมือนว่าคอนเสิร์ตตลอด 3 ชั่วโมงจบลงแล้วในความเป็นตัวตนของ “ก้อง สหรัถ” ที่ฝากข้อความขอบคุณทุกคนในชีวิตผ่านจอ ตั้งแต่คนในแกรมมี่ นางเอกที่เล่นละครด้วย เพื่อน และคนสำคัญในชีวิต พร้อมทิ้งเมสเสจไว้ว่า “รักกัน รักโลก จงเจริญ”
เหมือนจะหลอกคนดูได้เกือบอยู่หมัด แต่ไม่ทันไร ไฟบนเวทีค่อยๆ สว่างขึ้นอีกครั้ง จากนั้นปรากฎคณะบุคคลที่ขาดไม่ได้ นั่นคือ การกลับรวมตัวแบบครบเต็มวง ของ NUVO ทั้ง โจ จิรายุส วรรธนะสิน, จอห์น รัตนเวโรจน์, ปีเตอร์-แอนโทนี่ แฮมมอนด์, สุ-สุรชัย สุนทรธาดากุล และ ใหม่-ชยุต บุรกรรมโกวิท มาจัดเต็มอีก 5 เพลงฮิตรัวๆ ลืมไปไม่รักกัน, ไม่เป็นไรเลย, คางคกร่าเริงเลย , สัญชาตญาณบอก และ ทนเลย
เป็นอันจบความสมบูรณ์แบบของชีวิตชายที่ชื่อก้อง สหรัถ ที่ตลอด 34 ปี ผ่านประสบการณ์มากมายทั้งวงดนตรีที่ประสบความสำเร็จ การเล่นละครที่ทุกคนจดจำ และบทบาทความเป็นโค้ช ทั้งหมดได้ถ่ายทอดผ่านคอนเสิร์ตที่บ่งบอกตามชื่อ KONG SAHARAT IN MY LIFE CONCERT
สิ่งหนึ่งผู้เขียนสังเกตตลอดการชม คือความตั้งใจในการทำให้คอนเสิร์ตครั้งนี้ ครบรส อบอุ่น และเต็มไปด้วยความตั้งใจในฐานะที่เป็นนักดนตรีที่คัดเลือกคนมาเล่นให้ในงานนี้อย่างดรีมทีม และแม้ว่าเขาจะไม่ใช่ศิลปินที่จะมีซิงเกิลใหม่ๆ ออกมาให้แฟนๆ หายคิดถึง แต่เขาคือหนึ่งศิลปินที่เป็นตำนาน ที่มีความตั้งใจ คับคุณภาพ และตั้งใจในการเล่นดนตรี จนมีห้องซ้อมดนตรีอยู่ที่บ้านแบบเนรมิตจัดเต็ม
ไม่ได้เล่นดนตรีเพียงแค่เพราะเป็นอาชีพ แต่ดนตรีคือทั้งชีวิตของผู้ชายคนนี้ในห้วง 34 ปีที่ผ่านมา