เรื่องราวกำลังสนุก เข้มข้น และกระแสกำลังดีวันดีคืน สำหรับ “บรรยากาศรัก เดอะซีรีส์” (Love in The Air) ซีรีส์ Y จากค่าย มี มายด์ วาย ซีรีส์ที่ดัดแปลงมาจากนิยายขายดี 2 เรื่อง คือ พายุรักโถมใจ และ พระพายหมายฟ้า ที่ตอนนี้กระแสมาแรงทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ จนยอดเทรนทวิตเตอร์ติดอันดับอันดับ 1 เป็นที่พูดถึงกันทุกอีพี
วันนี้ FEED จะพาไปทำความรู้จักกับ คู่จิ้นน้องใหม่ “บอส ชัยกมล เสริมส่งวิทยะ” ที่รับบทเป็น “พี่พายุ” และ “โนอึล ณัฐรัชต์ ตังวาย” ที่รับบทเป็น “น้องเรน” โดย “บอส-โนอึล” มาพูดคุยกับเราถึงเส้นทางความฝันกว่าจะได้มาเป็นนักแสดง บรรยากาศรัก เดอะซีรีส์ รวมถึงเรื่องราวความผูกพันของทั้งคู่ด้วย
หลังจากซีรีส์ออนแอร์แล้วเป็นอย่างไรกันบ้าง?
โนอึล : “ผมรู้สึกว่ากระแสตอบรับค่อนข้างดีมากๆ เลยครับ มีคนให้การต้อนรับแล้วก็มีคนที่ติดตามเราเยอะมากๆ”
บอส : “รู้สึกเหมือนฝัน ผมรู้สึกดีใจ ที่การที่เราได้ตั้งใจทำสิ่งที่เราอยากทำ อยากทุ่มเทกับมันได้ออกมาสู่สายตาทุกคนแล้ว”
โนอึล : “ตลอดเวลาครึ่งปีของเราทั้ง 4 คนและทีมงาน เวลาที่ทุกคนตั้งใจทำกันมา ตั้งแต่แคส ตั้งแต่เวิร์กช็อป เปิดกล้อง ไปจนถึงปิดกล้อง สุดท้ายแล้วมันออกมาเป็นผลงานที่ดีแล้วก็เป็นที่ชื่นชอบขนาดนี้ รู้สึกดีใจ รู้สึกปลื้มกับเราทุกคนครับผม”
พอซีรีส์ดังเป็นที่รู้จัก เริ่มเจอกับการเปลี่ยนแปลงในชีวิตบ้างไหม?
โนอึล : “เอาใกล้ๆ ตัวก่อนเลย ก็รู้สึกว่าใช้ชีวิตอยู่ยากขึ้น แล้วก็มีเรื่องความรับผิดชอบที่เข้ามาด้วย อย่างผมจะเป็นคนที่มาก่อน มาทำงานตรงนี้ ผมจะเป็นคนที่นอนเช้า ตอนกลางคืนก็จะเล่นเกมหรือทำอะไรเรื่อยเปื่อย กลายเป็นว่าเราต้องจำกัดเวลานอนของเราแล้วนะ จำกัดเวลานอนว่าควรนอนเร็วๆ เพื่อจะตื่นมาทำงานแล้วไม่ง่วง ควรจะกิน ควรจะงดกินหวาน เพื่อเซฟตัวเองให้มันดูดีอยู่ตลอดเวลา เพราะร่างกายเรามันก็คือส่วนหนึ่งงานเราแล้ว”
บอส : “ที่เปลี่ยนไปเลย คือ คนรอบข้างไม่ว่าจะเป็นญาติผู้ใหญ่หรือว่าเพื่อน เหมือนเราได้รับความสนใจมากขึ้น ถามไถ่เป็นยังไงบ้างเข้ามากันมากขึ้น ผมตื่นเต้นในพาร์ตที่กำลังจะเกิดขึ้นมากกว่านี้ หลังจากที่ซีรีย์เราออนไปเรื่อยๆ งานที่เข้ามา ผู้ใหญ่ที่ได้เห็นเรามากขึ้น ได้เห็นความสามารถของเรา”
เล่าเส้นทางชีวิตกว่าจะมาถึงจุดนี้ของ “โนอึล” เป็นอย่างไรมาบ้าง?
โนอึล : “ผมเป็นลูกครึ่งเกาหลี ฝั่งคุณตาเป็นเชื้อสายเกาหลี ผมเป็นลูกคนเดียวของที่บ้าน พ่อแม่ทำธุรกิจส่วนตัว เด็กๆ ผมก็ไปเรียนอยู่ต่างประเทศ แล้วช่วงมัธยมก็กลับมาเรียนที่สวนกุหลาบวิทยาลัย หลังจากจบมัธยมปลายผมก็ย้ายไปอยู่ที่เกาหลีใต้ ซึ่งก็คือไปเรียนด้วยแล้วก็ไปเทรน ร้อง-เต้น เพิ่งจะกลับมาไทยได้ไม่นานนี้ครับ
เรียกว่าใช้ชีวิตอยู่เกาหลีมายาวนานเหมือนกัน
ถามว่าดีไหมมันก็ดีครับ มันคนละแบบกับไทย วัฒนธรรมด้วย คนด้วย แล้วก็การใช้ชีวิต คนเกาหลีค่อนข้างแบบแอกทีฟ ค่อนข้างรวดเร็ว ขึ้นรถไฟฟ้าทีก็ต้องแย่งกันผลักกัน ค่อนข้างจะไม่เหมือนไทยที่เวลาขึ้นรถไฟฟ้าแล้วเจอคนอายุเยอะกว่าหรือเจอคนท้องเราก็จะลุกให้เขานั่ง ที่เกาหลีจะไม่ค่อยมีฟีลนั้นครับ”
เส้นทางชีวิตของ “บอส” ล่ะ?
บอส : “ผมเป็นเด็กกิจกรรม ตั้งแต่จำความได้ตั้งแต่ ม.1 เลย ผมก็ร่วมทำกิจกรรมโรงเรียนเรื่อยๆ พออายุ 15 เหมือนเป็นจุดเปลี่ยนในชีวิต คุณพ่อผมตรวจเจอมะเร็ง ตอนนั้นผมรู้สึกว่าเราจะใช้ชีวิตแบบเด็กคนอื่นไม่ได้แล้ว ด้วยความที่ผมเป็นลูกคนเดียวด้วยในตอนนั้น เป็นลูกคนเดียวที่กำลังจะมีน้องสาว คิดว่าผมจะต้องรับแรงกดดันขนาดไหน
นอกจากเรื่องนี้แล้ว ตอนนั้นครอบครัวผมก็ยังเจอปัญหาธุรกิจที่กำลังจะล้มด้วย ในตอนนั้นผมก็ใช้ชีวิตแบบมีความคิดว่าเราจะทำยังไงให้ชีวิตเราดีขึ้น เราจะทำยังไงให้เรามีรายได้ช่วยครอบครัวได้บ้าง จากที่เป็นเด็กเล่นๆ ไปวันๆ ก็มาร้องเพลงเล่นกีตาร์ จนมาวันหนึ่งผมได้ทำงาน ได้เงินจริงๆ ตอนช่วงอายุ 18-19 ปี ผมก็รู้สึกว่ามันทรัสต์กับเราในเรื่องของการที่เรามอบความสุขให้กับคนอื่น แล้วเราก็มีความสุขกับมันแถมยังได้เงินด้วย ผมรู้สึกว่านี่อาจจะเป็นเส้นทางของเรา
แต่ผมต้องบอกก่อนนะ ก่อนที่จะเข้าวงการนี้ ผมเคยทิ้งความฝันนี้ไปแล้ว มันเป็นความฝันของผมและของแม่ผมด้วยที่อยากให้ลูกเข้าวงการ เป็นความฝันที่ผมเคยเกือบล้มเลิกเพราะที่บ้านเผชิญกับปัญหา ทำให้ตอนนั้นผมไม่มีความมั่นใจในตัวเอง เราเห็นเพื่อนๆ ในวงการเขาดูพราวด์ ดูเก่ง ดูมีเสน่ห์ ดูหล่อ ดูเท่ไปหมด ดูมีความมั่นใจ แล้วในจุดนั้นเราคิดว่าจะพูดยังไงดี เราเสียความมั่นใจในตัวเอง รวมถึงรอบข้าง ญาติผู้ใหญ่ ด้วยคำพูดที่พูดใส่เราด้วยว่า เฮ้ยอย่างนี้จะไปเป็นดาราเหรอ มันทำให้ผมเลิกทำมันไป จนได้มีโอกาสมาร้องเพลง เล่นกีตาร์ เหมือนพอเราได้ทำแล้ว เราเริ่มมองเห็นเส้นทางของตัวเอง”
“บอส” เคยเป็นวีเจมาก่อนด้วย?
บอส : “ผมเป็นวีเจ มา 2 ปี ผมมีความสุขกับการร้องเพลงได้มอบความสุขให้ทุกคน เรารู้สึกแฮปปี้มากแล้วผมก็คิดว่าอยากจะทำยังไงให้เราพัฒนาไปต่อ ผมก็เริ่มออกกำลังกาย ดูแลตัวเอง อาหารการกิน เรากลับมามีความมั่นใจขึ้น แต่ตอนนั้นยังไม่คิดนะว่าเราจะกลับมาเส้นทางในวงการบันเทิง ก็คิดแค่ว่าเรา OK ตรงนั้นแล้ว พอได้เข้ามาเริ่มแคส คือพี่เหมือนกับทาง MeMindY บอกผู้จัดการผมว่า ลองมาแคสดูหน่อย เพราะว่าแครักเตอร์เรา เหมือนเขาเห็นแววเรา ผมก็เข้าไปแคส รอบแรกเหมือนจะไม่มีอะไรนะ แต่ทางพี่ๆ MemindY โทรมาอีกรอบนึง เขาบอกเราว่ากลับมาแคสอีกรอบนึงได้ไหม ตอนเย็นวันนั้นเลย ผมก็เลยรู้สึกใช่เหรอวะ มันใช่ที่ของเราเหรอวะ
คือตอนนั้นยังไม่รู้ว่าได้ไหมนะ ผมตั้งคำถามกับตัวเองเลยว่า เรามีค่าพอที่จะมาอยู่ตรงนี้เหรอ เพราะว่าเรารู้สึกว่าเราโดนบูลลี่ โดนคนรอบข้างดูถูก โดนกดดัน จนวันนั้น เหมือนผมได้พิสูจน์ตัวในความลำบากในความพยายามที่ผมทำมาตลอด”
ต้องอดทน ต้องพยายามขนาดไหนกว่าจะก้าวข้ามแรงกดดัน เสียงวิจารณ์ต่างๆ มาได้?
บอส : “ผมพูดเลยว่าในช่วงอายุที่ผมเป็นอยู่ปัจจุบันนี้ ผมต้องหาเงินส่งตัวเองเรียนตั้งแต่ปีสอง ผมเรียนมหาวิทยาลัยเอกชน เราต้องทำงานเพื่อช่วยเหลือที่บ้าน ช่วงที่โควิดระบาดผมก็ค่อนข้างลำบาก แต่มันก็ผ่านมาได้จนถึงจุดนี้ด้วยความพยายามของเราเอง ผมพูดตรงๆ ว่าผมโคตรภูมิใจเลยที่เราฝ่าฟันมันมาได้จนถึงจุดเปลี่ยนที่ผมกำลังจะเปลี่ยนอีกรอบนึง
ครอบครัวเป็นกำลังใจสำคัญ ตอนนี้ผมเองเหมือนเป็นเสาหลักให้กับครอบครัว เราต้องคิดตลอดเลยว่าเราต้องเข้มแข็ง เราต้องทำไงให้เราสำเร็จเร็วที่สุด เพื่อให้เขาไม่ต้องเป็นห่วง คือพ่อกับแม่ผมเป็นคนรักน้องมาก เขาเป็นห่วงน้อง เขาเป็นคนที่รักลูกจนไม่ห่วงตัวเอง เขาไม่ยอมรับที่จะเป็นอะไรเลย แต่จริงๆ ร่างกายสังขารเขาแบบ…”
คุณแม่ของ “บอส” มีความใฝ่ฝันอยากเห็นลูกเข้าวงการบันเทิง ในวันที่เราทำได้ เขาพูดอะไรกับเราบ้าง?
บอส : “เป็นความใฝ่ฝันของแม่ พอเขาได้ยินปุ๊บ คือบอกเลยว่าร้องไห้ แม่เชื่ออยู่แล้วว่าลูกทำได้ ผมก็ว่าผมทำได้แล้วนะ ภูมิใจ ภูมิใจ”
มาที่ “โนอึล” บ้างกว่าจะได้มาเป็นนักแสดงตามที่ฝันไว้ เจออะไรมาบ้าง?
โนอึล : “ความฝันแรกของผมตอนเด็กๆ เลยก็คือผมอยากเป็นนักฟุตบอลอาชีพให้ได้ ผมเข้าอคาเดมีฟุตบอลตั้งแต่เด็กๆ แล้วมันก็มีจุดเปลี่ยนของชีวิตนิดหน่อย ขาผมเกิดมีปัญหาคุณหมอพูดกับผมว่า ก็ถ้าจะเป็นนักฟุตบอลอาชีพอาจจะเหนื่อยแล้วนะ คงไม่ได้หรอกนะ อยากให้เล่นแบบเล่นๆ มากกว่า
ผมเลยหันมาสนใจวงการบันเทิง จากที่แต่ก่อนไม่ได้สนใจเลย ไม่เคยคิดจะเข้ามา วันนึงผมกำลังเดินช็อปปิ้งอยู่ที่เกาหลี มีคนมายื่นนามบัตรให้ผม บอกให้ผมลองไปแคสดูนะ ผมก็ได้โอกาสไปเป็นเทรน ไปเต้นไปร้อง มันทำให้ผมเริ่มมีความฝันเกี่ยวกับวงการบันเทิง จนวันหนึ่งผมอยากเข้าไปยืนในจุดนั้นให้ได้”
เห็นว่ากว่าจะเป็น “โนอึล” ในวันนี้ ตอนเด็กๆ ก็จัดจ้านไม่เบา?
โนอึล : “ด้วยความที่ผมเป็นลูกคนเดียว ตั้งแต่เด็กๆ แล้วผมค่อยข้างเอาแต่ใจ ใช้เงินเก่งแบบที่เรียกว่าผลาญเงินคุณพ่อคุณแม่ พูดไม่คิด ไม่คิดอะไร คุณพ่อผมพูดกับผมเสมอว่ารู้ไหมว่าเงินมันหายากนะ มีเท่าไหร่เยอะแค่ไหนวันนึงมันก็สามารถหายไปทั้งหมดได้ ถ้าเราไม่รู้วิธีที่จะเก็บมัน ไม่ทำงานไม่หามาเพิ่ม ในวัยเด็กตอนนั้นผมก็ไม่ได้คิดอะไรหรอก คิดแค่ว่าก็จะใช้เงิน
แต่พอโตมาเหมือนพ่อผมก็พูดย้ำผมเรื่อยๆ อายุเท่านี้แล้วนะ ควรดูแลตัวเองได้แล้วนะ พ่อผมจะพูดคำนึงว่าถ้าวันนึงพ่อไม่อยู่แล้ว อึลจะทำยังไงกับชีวิตต่อ ผมก็เลยหันมาโฟกัสเรื่องเรียน ผมคิดว่าด้วยความฝันของตอนนั้นมันเกี่ยวกับวงการบันเทิงด้วย ผมก็เลยอยากดูแลตัวเอง อยากพูดให้คุณพ่อคุณแม่เห็นว่า ผมสามารถดูแลตัวเองได้นะ ผมก็เลยเริ่มมีความฝันเกี่ยวกับวงการบันเทิง แล้วก็ต้องบอกว่ามันตรงกับช่วงที่ปีที่แล้ว ผมกลับมาที่ไทยพอดี ตอนนั้นผมยังไม่ได้ดีไซน์ว่าผมจะอยู่ไทยหรืออยู่เกาหลี เหมือนเป็นการกลับมาเป็นช่วงฮอลิเดย์
แล้ว MemindY ได้เปิดแคสขึ้นมา แต่ว่าเป็นอีกเรื่องนึงนะ ผมก็ได้มีโอกาสไปแคสแต่ว่าตอนนั้นแครักเตอร์ผมไม่ตรงกับที่เขาแคส ผมก็เลยไม่ได้ แล้วก็มีโอกาสอีกครั้งหนึ่งที่ได้มาแคส ตอนนั้นพี่เมย์เปิดแคส บรรยากาศรัก เดอะซีรีส์ ผมได้มีโอกาสไปแคสอีกรอบนึง ซึ่งพี่เมย์อาจจะมองเห็นบางอย่างในตัวผมที่มันตรงกับน้องเรน พี่เมย์ก็เลยให้โอกาสผมได้มาเป็นน้องเรน ผมดีใจมาก ดีใจแล้วก็กดดันมากด้วย และด้วยความที่ผมไม่เคยเรียนการแสดงมาก่อนเลย ผมก็ไม่รู้ว่าผมจะทำได้ดีไหม ผมก็สัญญากับตัวเองตั้งแต่วันนั้นว่าผมจะเต็มที่ที่สุด”
สุดท้าย “โนอึล” ตัดสินใจยังไงว่าเราจะมาเลือกเดินเส้นทางในวงการบันเทิง?
โนอึล : “ผมอยากหาเงินด้วยมือของผมเองที่ไม่ใช่เงินของพ่อแม่ ผมไม่อยากใช้เงินพ่อแม่อีกแล้ว ทุกวันนี้ผมก็ไม่ขอเงินพ่อแม่ พยายามดูแลตัวเองให้ได้ แล้วก็อยากจะเป็นคนที่ดูแลพ่อแม่แทนครับ ผมเหมือนบอสจุดนึงที่ค่อนข้างไม่มั่นใจในตัวเองในหลายๆ อย่าง เด็กๆ ผมหูกาง จะโดนเพื่อนล้อว่าเหมือนลิง แล้วผมก็ตัวเล็กด้วย เทียบกับเพื่อนผู้หญิงผมยังเล็กกว่าเพื่อนผู้หญิงเลย นอกจากโดนล้อว่าเหมือนลิงก็จะโดนล้อว่าเป็นไอ้เตี้ย ตอนนั้นผมเครียดนะ แต่แม่ผมก็เครียดมากกว่าผมอีก
เครียดขนาดลากผมไปโรงพยาบาลถามคุณหมอว่าคุณหมอคะทำไมลูกดิฉันตัวนิดเดียวเอง คือผมก็เครียดนะแต่แม่ผมกลัวกว่า เพราะว่าช่วงนั้นผมก็โดนเพื่อนๆ ในห้องบูลลี่ หมอก็พูดตรงๆ ว่าคุณพ่อคุณแม่ก็ไม่ได้สูง ซึ่งลูกก็คงไม่ได้สูง แต่ถ้าเกิดลูกออกกำลังกายกินนมเยอะๆ ก็อาจจะสูงขึ้นได้แต่ก็คงไม่ได้สูงมาก มากสุดก็อาจจะ 170 ซม.
แต่วันนี้ผมก็สูงขึ้นมาได้ สูงกว่าที่หมอเคยพูดเอาไว้ ผมดีใจมาก ก็นั่นแหละเป็นเหตุผลที่ว่า ตอนเด็กๆ ผมอยากเป็นดารา อยากเป็นนักแสดง แต่ว่าด้วยความที่เราก็ไม่มั่นใจในรูปร่างหน้าตา ก็เลยเหมือนเราเป็นแค่ความฝัน วันนี้ผมได้มายืนตรงนี้แล้ว ผมอยากเข้ามาตรงนี้เพราะอยากได้รับความรัก อยากให้ทุกคนเห็นความสามารถในตัวผม เห็นในสิ่งที่ผมตั้งใจจะทำ ตั้งใจจะสื่อมันออกไปไม่ว่าจะผ่านแครักเตอร์หรือผ่านอะไรก็ตามแต่ ผมอยากให้ทุกคนได้เห็นในตัวตนของผม แล้วก็รักในตัวตนของผม”
เอาเรื่องเบาๆบ้าง “บอส-โนอึล” เล่าถึงไลฟ์สไตล์ของทั้งคู่ให้ฟังหน่อย?
บอส : “คนแบบชิลๆ อะไรก็ได้ สบายๆ ยังไงก็ได้ที่โอเค”
โนอึล : “ใช่ บอสจะเป็นคนที่อะไรก็ได้จริงๆ เพราะว่าบอสจะไม่คิด อย่างเวลาไปเที่ยวด้วยกันถามบอสกินอะไรดี เขาจะบอกอะไรก็ได้ ผมบอกอะไรก็ได้ไม่มี อะไรก็ได้เลือกเลยอย่างเนี้ย คือเขาจะไม่ค่อยดีไซน์เท่าไหร่ เป็นคนง่ายๆ กินอะไรก็ได้ทำอะไรก็ได้ ส่วนมากจะตามใจคนอื่นมากกว่า”
บอส : “ผมจะรู้สึกว่าการที่เขามากับเรา เราก็อยากให้เกียรติเขา เราใช้ชีวิตมาแบบยังไงก็ได้ ถ้าจะแปลกใหม่ก็ได้ หรือจะเก่าๆ เดิมๆ ก็ได้ ได้หมด”
ไลฟสไตล์ไหนที่ “บอส-โนอึล”เข้ากันได้ดีมากๆ?
บอส : “อะไรก็ได้นี่แหละ”
โนอึล : “ผมจะเป็นคนที่เลือกเยอะกว่าบอสนิดนึง พูดตรงๆ คือผมจะมีความเรื่องมาก แต่ไม่ได้แบบเยอะทุกเรื่องนะ จะมีบางเรื่องบางอย่างที่จะเรื่องมากกว่าบอส แล้วพอมาอยู่กับบอส เขาเป็นคนที่ง่ายๆ อะไรก็ได้ก็เลยกลายเป็นว่าผมจะเป็นคนดีไซน์ โชคดีที่เขาจะเป็นคนที่ตามใจเราเสมอ มันก็เลยเข้ากันดี เพราะคนนึงก็เลือกเยอะ อีกคนนึงก็ตามใจ”
บอส : “เอาที่เขามีความสุข”
มีไอดอลในวงการบันเทิงไหมที่วันนึงอยากจะเป็นแบบเขาจังเลย?
โนอึล : “พี่เรนครับ เขาเล่นซีรีส์เกาหลีดังมาก ตอนเด็กผมดูซีรีย์เกาหลีเรื่องนึงตามคุณแม่ คุณแม่ชอบพี่เรนมาก ผมก็เลยดูด้วย รู้สึกว่าเขาเท่จังเลย เขารูปร่างดี เป็นผู้ชายที่ดูดีมาก ทำอะไรก็ดูดี หายใจก็หล่อแล้ว ตอนนั้นผมก็มีความฝันว่าโตขึ้นอยากเล่นซีรีย์แบบนี้บ้าง แต่ผมก็รู้ว่าจริงๆ แล้วงานในวงการบันเทิงหรือการเป็นดารามันก็เป็นเรื่องที่ไกลตัวผม”
เล่าความรู้สึกแรกที่ “บอส-โนอึล” ได้มาเจอกันหน่อย?
บอส : “ตอนที่ได้แคสกับโนอึล ผมรู้สึกว่าเหมือนเคมีเราเข้ากันได้ ผมรู้สึกว่าข้างในลึกๆ เรามีจุดที่เชื่อมโยงกันหลายอย่าง อาจจะด้วยไลฟ์สไตล์ สกินชิพแบบถึงเนื้อถึงตัว ผมจะเป็นคนเข้ากับคนง่าย คอยชวนเขาคุย โนอึลกินข้าวมั๊ย ก็ชวนคุยนู่นนี้น ผมรู้สึกดีใจมากที่เจอโนอึล หน้าเขาจะน่ารัก หน้าสวย ชอบอมยิ้ม”
โนอึล : “มันคือเฟิร์สอิมเพรสชัน วันที่ผมเจอบอส บอสนั่งอยู่ในห้องแคสรูม เขานั่งอยู่ข้างใน คนเยอะแยะเลยแต่ว่าผมมองเห็นเขา เพราะว่าเขาดูเป็นผู้ชายที่มีเสน่ห์บางอย่างออกมา รู้สึกว่าเป็นผู้ชายที่หน้าตาดีนะ บอสเป็นคนที่ดวงตามีเสน่ห์ รู้สึกอยากเข้าไปคุยด้วยตอนนั้นเลย แต่คือบอสนั่งนิ่งมาก ไม่คุยไม่สบตากับใคร
ผมก็เห็นข้าวกล่องตั้งอยู่เยอะ ผมก็เดินเข้าไปหาบอส จิ้ม นายๆๆ ข้าวกล่องตั้งอยู่นู่นนะกินหรือยัง ก็คือชวนชวนคุยเลย ชื่ออะไร อายุเท่าไหร่ แคสเรื่องแรกเหรอ จนเราได้เข้าไปแคสด้วยกันในห้องจริงๆ ตอนที่ผมแคสบทพี่พายุกับน้องเรน เขาเป็นคนเดียวที่ทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลายตอนแคส
ผมกล้าถึงเนื้อถึงตัวกล้าจับตัวเขา กับคนอื่นผมยังมีความเกร็งๆ อยู่บ้าง ยิ่งพอได้มารู้จักกันจริงๆ บอสเป็นคนที่พูดมาก พูดเยอะ แต่เป็นคนที่เวลาพูดมีเสน่ห์มาก”
“บอส-โนอึล” สนิทกันจริงๆ ไม่ใช่แค่ในซีรี่ส์?
บอส : “เรามีคอนแท็กต์กันอยู่แล้วนะตั้งแต่วันแคสเลย”
โนอึล : “ใช่ ผมฟอล IG เขาไปแล้ว”
บอส : “ก็ตั้งแต่วันนั้นเลย ปกติเวลาผมไปแคสงานจะไม่ค่อยมีใครเข้ามาปฏิสัมพันธ์ เข้ามาขอคอนแท็กต์เรา อยากจะเมกเฟรนด์กับเรา”
โนอึล : “เห็นเขาเงียบๆ ไง กลัวไม่มีเพื่อน เขาก็ดูน่าสนใจดีผมก็เลยของแลกกันฟอล IG มั๊ยจะได้เป็นเพื่อนกัน”
บอส : “พอรู้ว่าได้เล่นด้วยกัน ผมดีใจนะ เพราะว่าอย่างที่ผมบอกไป ตั้งแต่แคส เหมือนเรารู้สึกจากในตัวเราว่าเรามีเคมีบางอย่างที่คนอื่นอาจจะไม่รู้สึก แต่ผมไม่รู้ว่าโนอึลรู้สึกไหม ผมแค่รู้สึกว่าถ้าไม่ใช่คนนี้จะเป็นคนไหนวะ มันรู้สึกจริงๆ นะ มันมีเซนส์บางอย่างที่เรารู้สึกอย่างนั้นจริงๆ เราสบายใจ เราดีใจ ที่ได้มาเจอ ตั้งแต่แคสงานผมไม่เคยมีความรู้สึกอยากเล่นกับคนนั้นคนนี้ แต่เรื่องนี้เป็นครั้งแรกเลยที่รู้สึกว่าทำไมมันใช่จังเลย”
ความรู้สึกของ “บอส-โนอึล” ที่มีต่อ “เรน-พายุ” ในซีรีส์ “บรรยากาศรัก”?
โนอึล : “เราสองคนดีใจครับที่ได้มาเล่นซีรีส์เรื่องนี้ บรรยากาศรักมาจากนิยายขายดีทั้ง 2 เรื่อง คือพายุรักโถมใจกับพระพายหมายฟ้า มารวมกันเป็นบรรยากาศรัก”
บอส : “ดีใจที่ได้รับหน้าที่ถ่ายทอดเรื่องราว เป็นเกียรติมากๆ ครับ”
โนอึล : “ผมเองกดดันมากครับเพราะเป็นนิยายขายดีด้วย กดดันว่าเราจะทำมันออกมาได้ดีไหม เราจะมาสื่อสารตัวละครนี้ความรู้สึกของตัวละครนี้ออกมาให้ผู้ชมรับรู้ แล้วอินไปกับตัวละครเหล่านั้นได้”
บอส : “ผมรู้สึกว่าได้มุมมองในเรื่องของวิธีคิด วิธีการตัดสินใจ ถึงพี่พายุจะดุ เขาดุ แต่เขาสอนนะเป็นการสอนแบบให้เรนเข้าใจถึงชีวิตว่า ชีวิตมันมีอะไรมากกว่านั้น”
โนอึล : “การมาแสดงเป็นเรน ทำให้ผมได้ค้นพบตัวตนอีกตัวนึงที่อยู่ในตัวผมที่ไม่เคยรู้มาก่อน ที่ผมอาจจะไม่เคยดึงมันออกมาใช้ในชีวิตจริง ผมได้ค้นพบว่าผมมีหลายๆ จุดที่คล้ายกับเรนมากเลยนะไม่ว่าจะเป็นความหัวร้อน ดื้อ เจี๊ยวจ๊าว”
“บอส-โนอึล” กับฉาก NC เป็นอย่างไรบ้าง?
บอส : “โอ้โห เอาจริงๆ ก็เป็นประสบการณ์ของผมเหมือนกันนะครับที่ได้เล่น NC เลิฟซีนกับโนอึล ผมไม่ได้ปิดกั้นอะไรนะ ความรู้สึกอย่างที่ครั้งแรกที่เราได้เจอกัน เหมือนเราเอ็นจอย เราละลายพฤติกรรมกันไปแล้ว เรารู้สึกว่าเราเข้ากันได้ เราถึงถูกเนื้อต้องตัวกันโดยที่เรารู้สึกว่ามันไม่เขินไม่เกรงใจกัน NC ก็ดีครับ พูดยังไงดี แต่ว่าคู่ผมแปลกอยู่อย่างนึง ซีนอื่นที่เป็นซีนคุยกันจะหลายเทคหน่อย แต่ NC….”
โนอึล : “เทคเดียวผ่าน”
บอส : “ไม่ อันนี้เราพูดมุมของการทำงาน คือเราปล่อยให้มันเป็นในแบบของมัน ตามอารมณ์ของตัวละครตามความรู้สึกของตัวละครนะโมเมนต์นั้น ณ อารมณ์ตอนนั้นว่ารู้สึกยังไง”
โนอึล : “เราไม่ได้คิดว่า เราคือบอส หรือว่า เราคือโนอึล”
บอส : “เราเชื่อว่า เราคือพายุ เราคือเรน”
โนอึล : “ก็คือทำตามความรู้สึกเลย คิดว่าตอนนั้นเรนคิดอะไรอยู่ พายุคิดอะไรอยู่ เราก็คือปล่อยไปตามฟิลลิง ณ จุดนั้น ก็อย่างที่บอกเมื่อกี้ NC ของเราสองคนก็เป็นทีมเดียวที่รู้สึกว่าแอ็กติงโค้ชไม่ต้องมานั่งคุมผม ซีนอื่นแอ็กติงโค้ชอาจจะมาบอกว่าอยากให้เพิ่มตรงนี้ๆ นะ แต่ NC เล่นจบไปแล้ว แอ็กติงโค้ชคือ….”
หายเหนื่อยไหม “บรรยากาศรัก” ออนแอร์ไปแล้วกระแสตอบรับมาดีมากๆ?
บอส : “ดีใจมากครับก็ต้องขอบคุณแฟนๆ ซีรีส์ Y และก็แฟนๆ นิยายทุกคนเลยที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น”
โนอึล : “เป็นก้าวแรกที่มั่นคงและอบอุ่นมากๆ เลยครับ ออนแอร์ไปได้แค่สาม EP ผมรู้สึกได้ว่าผมไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว ผมเดินไปซุปเปอร์มาเก็ตหน้าบ้าน พนักงานซุปเปอร์มาเก็ตก็บอกว่าเป็นแฟนคลับนะ ก็แอบตกใจอยู่เหมือนกัน”
บอส : “เหมือนกัน ผมไปเยี่ยมคุณพ่อที่โรงพยาบาล พยาบาลทั้งวอร์ดก็ถามใช่พายุหรือเปล่า ผมก็บอกใช่ครับ ดีใจที่ผลตอบรับดี ติดเทรนด์ทวิตเตอร์ด้วย เราก็รู้สึกอเมซิ่งมาก มันเกิดขึ้นเร็วมาก”
โนอึล : เราใช้เวลาแค่ 3 EP มันเป็นอะไรที่เกินความคาดหมายมากๆ เราทุกคนตั้งใจทำมาถึงขนาดนี้แล้วแน่นอนว่าเราก็มีความคาดหวัง มันดีใจตอนเราเห็นตัวเลขติดเทรนด์อันดับหนึ่ง สิ่งที่เราทุกคนพยายามทำกันมาจนถึงตอนนี้มันส่งผลแล้วนะ มันแสดงผลให้เราทุกคนได้เห็นแล้วนะ”
ได้ติดตามรีแอ็กจากแฟนคลับทางโซเชียลบ้างไหม?
โนอึล : “ช่วงนี้ผมติดโทรศัพท์มือถือมาก จนเพื่อนๆ หรือคนรอบตัวผมหาว่าผมไม่สนใจคนรอบข้างเลย ผมชอบเข้าไปไถทวิตเตอร์ นั่งดูไอจี นั่งอ่านคอมเมนต์ในยูทูบ ผมอยากรู้ว่าทุกคนคิดยังไงกับ บรรยากาศรัก เดอะซีรีส์อยากรู้ว่าเขามองแบบไหนซึ่งทุกคนค่อนข้างคอมเมนต์ไปในทางดีหมดเลย”
บอส : “สิ่งที่ผมรู้สึกว่ามันตอบแทนผลงานคือเราติดเทรนด์ แล้วคนไม่ได้ชมแค่ว่าพายุหล่อนะ เรนน่ารักนะ แต่คนอินไปกับตัวละคนนั้นๆ อินไปกับเนื้อเรื่อง อินไปกับภาพแสงสีเสียงที่มันออกมา ผมรู้สึกว่าผมทำให้คนเชื่อในตัวละครได้จริงๆ”
โนอึล : “ให้คนเชื่อจริงๆ ว่านี่คือพี่พายุ นี่คือน้องเรน เขาไม่ได้ชมแค่ว่าหล่อ สวย น่ารัก เขาชมว่าการแสดงดีนะ ชมเรื่องแสงสีเสียง ชมเรื่องโปรดักชันทุกอย่างออกมาดี ก็ดีใจ”
ชีวิตตอนนี้กำลังมีความสุขกับอะไร?
บอส : “ตอนนี้ผมมีความสุขกับการที่ได้มอบความสุขให้ทุกคน คือการทำให้ทุกคนมีความสุขนั่นแหละ”
โนอึล : “ของผมความสุขอย่างแรกเลยคือได้เห็นตัวเองในทีวี ได้เห็นพวกเราทุกคน ได้เห็นผลงานที่เราทำกันมา แล้วก็ความสุขอีกอย่างหนึ่งก็คือ ทุกครั้งที่ผมเปิดไปอ่านคอมเมนต์หรือดูตัวเอง หรือการที่มีแฟนคลับมาหา ทุกอย่างเป็นความสุขเป็นกำลังใจของผมมากเลย ผมรู้สึกว่าเธอมีคนรักเราเพิ่มมากขึ้นทุกวันเลยนะ”
สุดท้ายนี้ “บอส-โนอึล” อยากพูดอะไรถึงตัวเองบ้างไหม?
บอส : “ผมอยากขอบคุณตัวเองที่พยายามเพื่อตัวเอง เพื่อครอบครัว แล้วก็อยากขอบคุณพี่เมย์ ผู้บริหาร MemindY ที่ให้โอกาสผม ไม่รู้ว่าในชีวิตนี้ผมจะได้จากที่ไหน ถ้าไม่ใช่ ณ จุดนี้ เวลานี้ มันเหมือนทุกๆ อย่างเข้ามาในเวลาที่มันเหมาะสม ในเวลาที่เราเตรียมพร้อมกับโอกาสที่มันจะเข้ามา ผมอยากจะขอบคุณตัวเองที่พยายามมีวินัย และเชื่อมั่นว่าตัวเราจะทำได้ ขอบคุณตัวเองที่พยายามให้กำลังใจตัวเองมาตลอด ขอบคุณครับ”
โนอึล : “ขอบคุณ MemindY ที่เลือกผมเข้ามาเป็นเรน MemindY เป็นเหมือนบ้านหลังที่สองของผม เป็นความอบอุ่นของเรา และก็ขอบคุณแฟนคลับทุกคนนะครับที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น และให้การสนับสนุนมาโดยตลอด ในเวลาข้างหน้าต่อจากนี้ไปด้วยเราสี่คนก็จะตั้งใจเป็น บอส โนอึล ฟอร์ด พีท ที่ดียิ่งๆ ขึ่นไป ตั้งใจทำงานในฐานะนักแสดงที่ดี ครับ”