“กระแสตอบรับช่วงแรกๆ ก็แอบตีกลับเหมือนกัน จนวันหนึ่งเราก็พิสูจน์กันมาเรื่อยๆ สิ่งที่ดีใจมากกว่าการที่ซีรีส์ประสบความสำเร็จคือ คนตอบรับตัวศิลปินและคนเริ่มเปิดใจ อย่างตอน LOVE SICK ประเด็นที่เราเล่นกันคือเรื่องของการยอมรับในเรื่องของครอบครัว หนูมองว่าประเด็นเหล่านี้มันทำให้ผู้ใหญ่ได้หันกลับมามองตัวลูกหรือว่าตัวเด็ก แล้วยอมรับกันมากขึ้น”
ชีวิน-ธนะมินทร์ วงษ์สกุลพัชร์ ผู้กำกับและผู้ผลิตซีรีส์ Y คนแรกของประเทศไทย
คำบอกเล่าของ “ชีวิน-ธนะมินทร์ วงษ์สกุลพัชร์” ผู้กำกับและผู้ผลิตซีรีส์ Y คนแรกของประเทศไทย ผ่านผลงาน ซีรีส์ Y เรื่องดังที่แฟนๆ ซีรีส์ Y เคยได้ดูมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็น LOVE SICK THE SERIES , WATER BOYY The Series , WHY R U เพราะรักใช่เปล่า และ Y-Destiny หรือเป็นที่พรหมลิขิต เป็นต้น
เรื่องแรกที่ทำคือ LOVE SICK ย้อนกลับไปตั้งแต่นิยาย มันเกิดขึ้นจากความที่ว่าเราเรียนอัสสัมฯ แล้วเราก็สนิทกับเจ้าของนิยาย มันเกิดจากความที่เขาเห็นเด็กอัสสัมฯ เดินไปเดินมาแล้วเขารู้สึกว่า อุ้ย ถ้าเกิดสมมติว่าลองจับเด็กอัสสัมฯ สองคนมาจิ้นกันดู มันน่าจะสนุกดีเหมือนกัน ก็เลยเกิดนิยาย LOVE SICK ขึ้นมา สำหรับตัวเราต้องบอกก่อนว่าเคยดูหนังเรื่องหนึ่งของผู้กำกับไทยนี่แหละ แล้วรู้สึกว่ามันว้าวซ่ามากๆ ก็พยายามตามหาเขาคนนั้น จนได้มาทำงานด้วยกัน และเกิดเป็น LOVE SICK ซีรีส์ Y เรื่องแรกของประเทศไทย
ซีรีส์ Y หลายคนอาจจะมองว่ามันง่าย มันเร็ว และมันทำเงินหรือกำไรให้กับผู้ที่จะมาลงทุนเยอะมากๆ ซึ่งทุกครั้งที่หนูจะคุยกับทางผู้จัด หนูจะพูดเสมอว่าคุณอยากทำเพราะอะไรกันแน่ ถ้าเกิดสมมติว่าคุณทำเพราะว่าอยากเป็นกระแสหรืออยากเป็นแบบในนามผู้จัดอย่างเดียว หนูเองก็จะไม่ได้รับชิ้นงานนั้นแบบ 100% มันก็ต้องมองกันด้วยทัศนคติว่าคนที่จะมาลงทุนเขาจะทำ เขาอยากทำเพื่ออะไร
ผลิตมาเพื่อขายใคร คนดูกลุ่มไหน?
ชีวิน : เป้าหมายแรกเรามองไปถึงผู้ใหญ่ อันนี้เราต้องยอมรับว่าเมื่อก่อนเราเป็นแบบนี้ มันไม่ได้ง่าย แล้วมันก็ไม่ได้มีคนที่ยอมรับเราอย่าง 100% ที่ทำอันนี้ขึ้นมาคือเราอยากให้ผู้ใหญ่ที่มองลงมาเข้าใจในสิ่งที่พวกเราเป็น การที่เราเป็นแบบนี้มันไม่ใช่ฉันกินยาพาราแล้วหาย ทุกอย่างมันถูกกำหนดมาแล้ว ถ้าเขาเข้าใจ เราจะใช้ชีวิตกันอย่างมีความสุขมากขึ้น ในสังคมที่เขายอมรับแล้วเขาไม่ได้ตัดสินพวกเรา
แต่เป้าหมายที่เราได้รับกลับมาคือวัยรุ่น วัยทำงาน ที่ตอบรับฟีดแบ็กกับพวกเราดีมาก ซึ่งเขาเป็นกระบอกเสียงที่ดีมาก เพราะเขากำลังจะเป็นผู้ใหญ่ในอนาคต ตั้งแต่ LOVE SICK ตอนนั้นเด็กๆ ใส่ชุดนักเรียน ตอนนี้เขากลายเป็นวัยทำงานกันแล้ว
ซีรีส์ Y โดนใจคนดูเพราะอะไร? ในฐานะผู้ผลิตฯ
ชีวิน : ความสดใหม่ ความสดใส แล้วก็เรื่องราวใหม่ กล้าเล่ามากขึ้น มันคือการกล้าเล่ามากขึ้น มิติมันมากขึ้น มองว่าคนดูแอบรู้สึกว่า เฮ้ยแล้วมันจะยังไงต่อ มันเป็นยังไงดี ซีรีส์ Y ไม่ได้แตกต่างจากซีรีส์ทั่วไปเลย มันคือเรื่องราวเกี่ยวกับความรักทั้งหมด แล้วค่อยใส่สีสันเข้าไป ครอบมันเข้าไปว่าเราจะไปทางไหน ไปมุมมาเฟียไหม หรือไปย้อนยุคหรือเปล่า แต่ทุกอย่างมันก็คือความรัก
มันคือซีรีส์ปกติ อยากจะบอกทุกคนว่าอย่าคิดว่าซีรีส์ Y ไม่ใช่ซีรีส์ปกติ พวกเราทำงานไม่แตกต่างจากซีรีส์ปกติเลย อย่าแบ่งแยกพวกเราเลย ล่าสุดเพิ่งมีรางวัลที่ส่งถึงซีรีส์ Y เราโคตรดีใจเลย เพราะว่าเราไม่แปลกอีกต่อไปแล้ว เราคือคนเบื้องหลังเหมือนกัน พวกเขาคือนักแสดงเหมือนกัน แล้วซึ่งพอมันเป็นแบบนี้ มันคือ ใช่ วันนี้เราเท่าเทียมกันแล้ว
สิ่งที่ดีใจมากกว่าการที่ซีรีส์ประสบความสำเร็จคือ คนตอบรับตัวศิลปินและคนเริ่มเปิดใจ เราต้องย้อนกลับมาว่าหลายๆ คนตอนนี้มีการพูดถึงว่าซีรีส์ Y สมัยนี้ไม่เห็นส่งเสริมคอมมู ไม่เห็นส่งเสริมคำว่า LGBT เลย ส่วนตัวเรามองว่าตัวเนื้อคอนเทนต์ของซีรีส์มันเริ่มใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ อย่างตอน LOVE SICK ประเด็นที่เราเล่นคือเรื่องการยอมรับในเรื่องของครอบครัว เรามองว่าประเด็นเหล่านี้มันทำให้ผู้ใหญ่ได้หันกลับมามองตัวลูกหรือว่าตัวเด็ก แล้วยอมรับกันมากขึ้น จน ณ ทุกวันนี้ คอนเทนต์ของซีรีส์ Y ก็จะเริ่มเป็นประเด็นที่ใหญ่มากขึ้น เริ่มถึงเรียกร้องสิทธิหรือว่าการหาค่าในตัวของ LGBT มองว่าคอนเทนต์มันเริ่มโตขึ้นไปเรื่อยๆ มันอยู่ที่คนดูจะจับจุดกับประเด็นที่ผู้จัดหรือผู้กำกับอยากนำเสนอได้หรือเปล่า
การเติบโตของซีรีส์ Y ในปัจจุบัน
ชีวิน : เติบโตมาก ทั้งไทยและต่างประเทศ การเติบโตอย่างนี้เท่ากับว่าเสียงของเราจากที่มีมันเล็กมากๆ มันกำลังใหญ่ขึ้น หนูขอบคุณคนดูทุกคน แล้วก็ผู้ใหญ่ที่เป็นผู้ใหญ่จริงๆ กลับชื่นชอบ เราสังเกตได้จากผู้ใหญ่ในวงการหลายๆ คน หรือรวมไปถึงการที่ซีรีส์ Y สมัยนี้พยายามเอานักแสดงรุ่นใหญ่เพื่อดึงฐานของเขา ล่าสุดอย่าง War of Y ได้เอานักแสดงรุ่นใหญ่มาเล่นเยอะมาก ก็ได้มีการคุยกัน เขาอาจจะไม่ได้เข้าใจซีรีส์ Y มาก่อนหน้านี้ เขาอาจจะเสพแต่เขาอาจจะไม่ได้เข้าใจว่าซีรีส์ Y ต้องเป็นแบบไหน ทำอะไรได้บ้าง มันคือการแลกเปลี่ยน ซึ่งเรารู้สึกว่าการแลกเปลี่ยนมันทำให้เสียงปากต่อปากมันคือเสียงที่แอบดังเหมือนกันนะ
ส่วนตัวเป็นพวกชอบเก็บสถิติ จะดูหลังบ้านเยอะมากเก็บทั้งตัวเองและเก็บของคนอื่นด้วย บางประเทศที่เรารู้สึกว่า เฮ้ย เขาจะมาได้เหรอ เขาก็มานะ ตอนนี้หลายๆ ประเทศก็ยกประเทศไทยของเราเป็นอันดับแบบต้นๆ เหมือนกัน รู้สึกดีใจนะที่คนชอบ คนสนับสนุน เท่ากับว่าจริงๆ แล้วเราก็ไประดับประเทศได้เหมือนกันนะ เราไม่ได้อยู่ในประเทศนะ ทุกคนก็น่าจะเห็นแรงสนับสนุนของประเทศต่างๆ มันเยอะขึ้นมากๆ คนชอบมากๆ เหมือนกัน
การรณรงค์สมรสเท่าเทียม มีผลกับการเติบโตของซีรีส์ Y อย่างไรบ้าง?
ชีวิน : มันไม่ได้เป็นผลกระทบแต่มันทำให้ผู้ผลิตและผู้เสพมีข้อมูลมากขึ้น และพยายามศึกษามากขึ้น ใส่ใจกับเรื่องเหล่านี้มากขึ้น ผู้เสพเองก็ไม่ได้มองแค่การเซอร์วิสหรือจิ้นอย่างเดียว แต่การที่เขาจะดูซีรีส์สักหนึ่งเรื่องเขาจะต้องได้อะไรกลับไป อย่างผู้กำกับผู้จัดทุกคน เราเชื่อว่าทุกคนมีสิ่งที่อยากจะเล่าและพอมันมีประเด็นเหล่านี้ขึ้นมา มันทำให้การเล่ามันเข้มข้นขึ้น มันตรงประเด็นมากขึ้น
อันนี้เป็นสิ่งหนึ่งที่เราพยายามศึกษามานานมาก หลายๆ คนเคยพูดกับเราว่าแฟน LGBT กับแฟนซีรีส์ Y คือคนละกลุ่มกัน เราพยายามไปศึกษาว่าทำไมมันถึงแตกต่างกันละ ทำไมมันถึงไม่ใช่กลุ่มเดียวกัน สุดท้ายมองว่าทุกคนคือคนดูเหมือนกัน ทุกคนไม่ได้มีความแตกต่างกัน ทำไมเราถึงจะต้องไปตัดสินไปจำแนกมัน สุดท้ายแล้วพวกเรากำลังเรียกร้องความเท่าเทียม แล้วถ้าวันนี้เรายังแบ่งแยกกันอยู่ เท่ากับว่าคุณก็ไม่ได้เท่าเทียมกันหนิ ทุกคนคือคนดู คนเสพเหมือนกันหมด ไม่ได้อยากให้แบ่งแยก แต่อยู่ที่ว่าเราที่เป็นคนดูเราจับประเด็นอะไรได้บ้างดีกว่า
การสร้างปรากฏการณ์ให้สังคมยอมรับและเปิดกว้างเรื่องเพศสภาพมากขึ้น
ชีวิน : สร้างปรากฏการณ์คือการเปิดโลกกว้างทั้งในสื่อทั้งในสังคม ทั้งในการยอมรับ มองว่าเมื่อก่อนเราทำงานยากมาก ขายสปอนเซอร์ ไปเดินสาย มันไม่มีคนกล้าเล่น ไม่มีคนกล้าสนับสนุน แต่ทุกวันนี้ทุกคนเปิดใจกับพวกเรามากขึ้นมากๆ แล้วมันทำให้ศักยภาพหรือว่าโอกาสของเรามันมาพร้อมด้วย ทุกคนเปิดกว้างมากขึ้น คนเริ่มมองข้ามเรื่องเพศสภาพ คุณเป็นไรอ่ะ ไม่ถามแล้ว ไม่พูดแล้ว ยอมรับ ยอมรับกันเลยแล้วเป็นแบบว่า เฮ้ย เก่งมากนะ นี่พี่ดูนะ ชอบมาก ซีนนี้ดีมาก แต่เมื่อก่อนก็จะเป็นฟีลแบบ ซีรีส์ Y เหรอ อย่างนี้นึกออกไหม
การที่มีคนผลิตซีรีส์ Y เยอะมากๆ ตัวเราเองแฮปปี้มาก เราอยากให้ซีรีส์ Y ทุกเรื่องดัง ทุกเรื่องได้รับการสนับสนุน อยากให้สังคมว้าวกับสิ่งเหล่านี้ ดีใจทุกครั้งที่ซีรีส์เรื่องนั้นดัง ซีรีส์เรื่องนี้ดัง มันคือการติ๊กถูกไปทีละข้อ ว่าเราทำถูกต้องแล้ว มีคนยอมรับเรามากขึ้น มีคนโอเคกับพวกเรามากขึ้น ดีใจมากที่คนมาเล่น แต่อยากให้ทุกคนมาทำด้วยแรงจริงๆ อย่ามาหวังผลประโยชน์กับสิ่งเหล่านี้เลย ช่วยกันส่งเสริมพัฒนาให้มันดีขึ้นดีกว่า ยิ่งมีคนดูมากขึ้น มันยิ่งให้เสียงของเราดังขึ้นและก็ไม่ได้แปลกในสายตาใครอีกต่อไป
สิ่งที่อยากเห็น ในฐานะผู้บุกเบิกซีรีส์ Y จนประสบความสำเร็จในวันนี้
ชีวิน : อยากเห็นคนมาทำเพื่อพัฒนาไปด้วยกัน ไม่ใช่แค่หวังผลกำไร พูดตามตรงว่าเราเจอหลากหลายรูปแบบมาก คนมีฝันมาทำ ไม่ศึกษา ขาดทุน ล้มละลาย คนเข้ามาอยากกอบโกยก็อยู่ได้แค่แป๊บเดียว สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่เรากลัวที่สุด มีหลายๆ แพลตฟอร์ม มีหลากหลายโอกาส ไม่กล้ามาลงทุน พูดกันแบบตรงๆ เลย ซีรีส์Y จะมาพร้อมกับโลโก้คำว่าโกง การถูกเอาเปรียบ เพราะทุกคนคิดว่ามันง่ายและมันเร็ว ผู้ลงทุนหลายคนโดนโกงจากอะไรแบบนี้ ถูกตีตรามาแล้วจากคำพูดคนอื่น เนี่ยพอพวกคุณทำอย่างนี้ คุณมักง่ายแบบนี้ มันเลยทำให้คนทำงานจริงๆ ทำงานยาก
เรามาช่วยกันเรามาส่งเสริมกันดีกว่าไหม การที่คุณทำแบบนี้มันส่งผลต่อคนอื่นๆ ถ้ายังเป็นแบบนี้อยู่ วันหนึ่งอาจจะไม่มีซีรีส์ Y แล้วก็ได้ เคยคิดนะว่าซีรีส์ Y จะอยู่กับพวกเราไปนานแค่ไหน คิดว่ามันจะยังอยู่กับเราไปเรื่อยๆ ถ้าทุกคน ไม่ทำร้ายกัน ส่งเสริมกัน มันจะยังอยู่กับเราไปเรื่อยๆ แล้วคุณจะเห็นผลงานที่มันพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ
ในฐานะผู้ผลิต อยากได้การสนับสนุนอะไรบ้าง?
พวกเราต้องการสิ่งเหล่านั้นมาโดยตลอด อยากให้รัฐบาลไทยส่งเสริมพวกเรา เราพยายามดิ้นรน เราพยายามเรียกร้อง เราพยายามขอโอกาส มันอาจจะหลายปีมากๆ แต่ปีนี้เขาเริ่มที่จะหันมามองบ้าง ว่านี่อาจจะเป็นกลุ่มเล็กๆ แต่เชื่อว่าอีกไม่นานทุกอย่างมันจะใหญ่ขึ้น มันจะโตขึ้น คนไทยสนับสนุนกันเองมันคือสิ่งที่น่ารักมากๆ เนอะ เราก็อยากให้มองเห็นไม่ใช่แค่กลุ่มซีรีส์ Y หลายๆ กลุ่มก็ยังต้องการให้ท่านมาช่วย ต้องการแรงซัพพอร์ตอยู่ วันนี้เราสัญญาว่าถ้าเกิดสมมติว่า เสียงของเราใหญ่ขึ้น เราจะทำมันให้ดีขึ้นและเราจะไม่ทำให้ประเทศไทยเสียชื่อแน่นอน
ชีวิน-ธนะมินทร์ วงษ์สกุลพัชร์ ผู้กำกับและผู้ผลิตซีรีส์ Y คนแรกของประเทศไทย