เชื่อว่าหลายคนที่มีคุณพ่อคุณแม่หรือผู้สูงอายุในบ้าน อาจเคยประสบปัญหาในการพาพวกท่านไปโรงพยาบาลเพราะต้องใช้เวลากว่าค่อนวัน ทำให้ต้องลางาน หรือพลาดนัดต่างๆ ไป พอคิดว่าจะจ้างรถไปรับไปส่งก็เกิดความไม่สบายใจขึ้นมา แต่ปัญหาเหล่านั้นจะหมดไปด้วยบริการของ “Joy Ride” บริการที่คิดขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาเหล่านี้โดยเฉพาะ ไปรู้จักธุรกิจที่ตอบโจทย์สังคมผู้สูงวัยนี้ให้มากขึ้น
ยอมทิ้งเงินเดือน “หลักแสน” สู่การปั้นธุรกิจเพื่อสังคม
ที่มาของธุรกิจนี้ได้เริ่มต้นมาจากช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ทำให้ “คุณจอย ณัฐกาญจน์ เด่นวณิชชากร” เจ้าของธุรกิจซึ่งเป็นหนึ่งในพนักงานประจำฝ่าย Marketing ที่รู้สึกว่างานที่ทำอยู่มันไม่ได้เติมเต็มความสุขให้เธออีกต่อไป แต่มันถูกแทนที่ด้วยการทำงานเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นแทน นั่นคืองานพาผู้สูงอายุไปโรงพยาบาล ซึ่งคุณจอยก็เข้าใจ Pain Point ของลูกหลานหลายๆ คนที่มีความหนักใจเมื่อไม่สะดวกที่จะพาคุณพ่อคุณแม่ไปหาหมอด้วยตัวเอง แต่จะฝากให้คนอื่นพาไปก็ไม่สนิทใจ
ทำให้คุณจอยนำไอเดียนี้ไปเสนอในกลุ่ม “มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และการฝากร้าน” บน Facebook และได้การสนับสนุนจากคนนับพันคน และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่คุณจอยตัดสินใจ “ลาออก” จากงานประจำและมุ่งหน้าสร้างโมเดลธุรกิจนี้อย่างเต็มตัว
หัวใจแห่งการบริการ คือ “จุดแข็ง” ที่ทำให้ได้การยอมรับ
ถ้าพูดถึงการบริการที่ดีคุณนึกถึงอะไรกันบ้าง การพูดคุยด้วยน้ำเสียงสุภาพเป็นกันเอง การให้ข้อมูลที่ครบถ้วน หรือการสนองความต้องการให้ลูกค้าอย่างรวดเร็ว บอกเลยว่าคเลือกให้บริการด้วย “หัวใจ” อย่างแท้จริง ตามที่คุณจอย ได้กล่าวไว้ว่า “จอยไม่ได้คิดถึง Business เป็นหัวใจสำคัญ แต่เราคิดถึงบริการเป็นอันดับแรก” นั่นแสดงให้เห็นภาพการบริการที่ใส่ใจลูกค้ามากๆ ตั้งแต่ก่อนไปรับคุณพ่อคุณแม่ ทีมงานจะขอทราบถึงรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ของคุณพ่อคุณแม่ เช่น ชอบฟังเพลงสไตล์ไหน, แพ้อาหารหรือไม่, ชอบพูดคุยเรื่องอะไร ซึ่งนับได้ว่าเป็นความใส่ใจผู้ใช้บริการอย่างมาก
ไขความสำเร็จจากเคสธุรกิจ
การบริการของเรามีกลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย ตั้งแต่ ผู้สูงอายุ, ผู้ป่วย, สตรีมีครรภ์และเด็ก ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมาเรียกได้ว่าเป็นกลุ่มเปราะบางที่ต้องการความใส่ใจเป็นพิเศษ แต่ด้วยสังคมปัจจุบันที่ทุกคนต้องทำงานแข่งกับเวลา ทำให้เป็นเรื่องยากที่ทุกคนจะบริหารจัดการทุกอย่างในชีวิตได้อย่างลงตัว ทำให้ได้รับกระแสตอบรับที่ดีอย่างเหนือความคาดหมาย แต่แน่นอนว่าไม่ใช่แค่นั้นเพราะยังมีปัจจัยอีกหลายประการที่ทำให้ธุรกิจนี้ประสบความสำเร็จอย่างท่วมท้น สามารถถอดความสำเร็จได้ดังนี้
• เข้าใจ Pain Point ของกลุ่มลูกค้าอย่างลึกซึ้ง
ก่อนอื่นเลยต้องขอชื่นชมที่คุณจอยมีความเข้าใจปัญหาของกลุ่มลูกค้าได้ละเอียดมาก ตั้งแต่บรรดาลูกๆ หลานๆ ที่ไม่มีเวลาพาพ่อแม่ไปโรงพยาบาล, เข้าใจผู้สูงอายุที่มักเปิดใจคุยกับคนที่พูดเรื่องราวในอดีตที่พวกเขาคุ้นชิน, เข้าใจผู้ป่วยที่ต้องการกำลังใจ รวมถึงการเทคแคร์ด้วยความเต็มใจ ซึ่งแน่นอนว่าความรู้สึกดีๆ นั้นย่อมส่งถึงหัวใจของผู้ใช้บริการอย่างแน่นอนค่ะ
• สร้าง Identity ให้แบรนด์ด้วย “ความแตกต่าง”
ต่อยอดจากความเข้าใจในกลุ่มลูกค้าที่ลึกซึ้งนั้นเอง ทำให้ทีมงานมักปรากฏตัวด้วยการสร้าง Impression ให้ผู้ใช้บริการอยู่เสมอ อย่างที่คุณจอยมักจะแต่งตัวด้วยสีสะดุดตา กระโปรงฟูๆ หรือที่คาดผมอันใหญ่ๆ ก็เพื่อให้ผู้สูงอายุจดจำเธอได้ เพราะเธอเข้าใจอยู่แล้วว่าพวกท่านไม่สามารถจดจำรายละเอียดต่างๆ ได้มากพอ ซึ่งสร้างความต่างนี้ถือเป็นทั้งการแก้ปัญหาและสร้างจุดเด่นไปพร้อมกันได้ดีมาก
• ความละเอียด คือ กุญแจแห่งความสำเร็จ
จากคำพูดที่ว่า “Joy Ride ไม่ใช่ Taxi แต่คือ Nanny for Adult” ของคุณจอยบอกเลยว่า บริการนี้เป็นมากกว่าแค่รถรับส่ง ที่ทำหน้าที่แค่รับที่หน้าประตูและส่งถึงบ้านเมื่อภารกิจสำเร็จแล้วแค่นั้น แต่ทีมงานทุกคนทำงานด้วยหัวใจที่อย่างดูแลอย่างแท้จริง โดยทีมงานทุกคนจะมีการอัปเดต Feedback จากคุณหมอให้กับลูกหลานทุกครั้ง ทำให้สามารถสบายใจได้เลยว่าคุณจะไม่พลาดการติดตามเกี่ยวกับสุขภาพของคนที่คุณรัก
กล่าวได้ว่าบริการนี่สามารถเปลี่ยนการไปโรงพยาบาลที่ผู้สูงอายุหลายคนชอบส่ายหน้าหนี กลายเป็นเรื่อง จอยๆ ไปเลย ด้วยการบริการของเธอและทีมงานทุกคน ที่ไม่ได้ต้องการให้เป็นแค่บริการรับส่งธรรมดา แต่เป็นเหมือนกับ “สะพานมนุษย์” ที่เชื่อมระหว่างบ้าน-โรงพยาบาล-ผู้สูงวัย เข้าไว้ด้วยกัน อีกทั้งยังเชื่อมสังคมด้วยการช่วยสร้างอาชีพ สร้างงาน ให้กับทุกคนที่พร้อมบริการคนอื่นด้วยหัวใจอีกด้วย