แฟนบอล “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่อยู่ในยุครุ่งเรืองภายใต้การนำทัพของ เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน อาจจะไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะมีวันที่ทีมหานักเตะใหม่มาเสริมทัพได้ยากเย็นอย่างทุกวันนี้
กว่าจะได้นักเตะระดับโลกอย่าง คาเซมิโร่ กองกลางตัวรับมาจาก เรอัล มาดริด และปีกอย่าง แอนโนนี่ จากอาแจ็กซ์ ก็ต้องลุ้นแล้วลุ้นอีก ต่างกับสมัยที่ทีมเป็นทีมระดับหัวแถวของโลกและของยุโรป ซึ่งมีแรงดึงดูดนักเตะมากกว่านี้
อย่างไรก็ตาม มีนักเตะคนหนึ่ง ที่เคยปฏิเสธการย้ายมาร่วมทีม “ปีศาจแดง” ในยุคทรงอำนาจ ด้วยเหตุผลที่เกินกว่าใครจะคาดคิด คือ เขาต้องไปพบพระเจ้า จึงไม่สามารถย้ายมาร่วมทีม “ปีศาจแดง” ได้
ย้อนกลับไปเมื่อ ค.ศ.2000 (พ.ศ.2543) เหตุการณ์วันโลกแตกหรือ “วันสิ้นโลก” ปรากฏอยู่ในกลุ่มความเชื่อทางศาสนาของบางนิกาย และความเชื่อนี้ก็ได้เปลี่ยนชีวิตบางคนไปโดยสิ้นเชิง
“คาร์ลอส โรอา” คือนักฟุตบอลตำแหน่งผู้รักษาประตู เป็นตัวหลักของทีมชาติอาร์เจนตินาในขณะนั้น เขาเริ่มเล่นฟุตบอลกับ 2 สโมสรในบ้านเกิด คือ ราซิ่ง คลับ ตามด้วย ลานุส
จากนั้นโรอาย้ายข้ามฟากมายังสเปน เพื่อเล่นกับเรอัล มายอร์ก้า ในปี 1997 ผลงานโดดเด่นทำให้เขายึดตำแหน่งมือ 1 ในทีมชาติ และช่วยทีมผ่านไปเล่นรอบสุดท้าย ฟุตบอลโลก ปี 1998 ที่ประเทศฝรั่งเศส
เกมที่ทำให้เขามีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก คือ รอบ 16 ทีมสุดท้าย ที่ขุนพลฟ้าขาวพบกับทีมชาติอังกฤษ ในนัดแห่งความทรงจำ ที่ “ไมเคิล โอเว่น” ลากตะลุยเข้าไปยิงประตูแจ้งเกิด และ “เดวิด เบ๊กแฮม” ถูกใบแดงไล่ออก จากการเอาขาไปสะกิด “ดิเอโก้ ซิเมโอเน่”
เกม 90 นาที เสมอ 2-2 ต้องต่อเวลาพิเศษ และตัดสินด้วยการดวลลูกโทษ โรอาป้องกันประตูได้ถึง 2 ครั้ง จากลูกยิงของ พอล อินซ์ และลูกตัดสินของ เดวิด แบ็ตตี้ ช่วยให้ทีมของเขาชนะไป 4-3
แม้อาร์เจนตินาจะแพ้ฮอลแลนด์ตกรอบ 8 ทีม แต่ด้วยฟอร์มที่ยอดเยี่ยม น่าจะทำให้เส้นทางนักฟุตบอลอาชีพของ คาร์ลอส โรอา ดำเนินไปได้อย่างสวยงาม โดยเฉพาะการตกเป็นข่าวกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมยักษ์ใหญ่ของพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
ทีมปีศาจแดง ต้องการหาตัวแทน ปีเตอร์ ชไมเคิล นายทวารชาวเดนมาร์กที่อำลาทีมไปหลังพาทีมคว้าทริปเปิ้ลแชมป์ พรีเมียร์ลีก-เอฟ เอคัพ และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก โดยมีข่าวว่า โรอา คือเป้าหมายนั้น
อย่างไรก็ตาม ชีวิตด้านจิตวิญญาณก็นำเขาไปอีกทาง เมื่อโรอาเข้าร่วมกับคริสตจักร “เซเว่น-เดย์ แอดเวนติสต์” ที่ให้ความสำคัญกับวันสิ้นโลกเป็นพิเศษ
จากการอุทิศตนให้กับศาสนาอย่างเข้มข้น และด้วยความเชื่อที่ว่า ค.ศ.2000 ที่กำลังจะมาถึง จะเป็นจุดสิ้นสุดของโลก ทำให้โรอาประกาศเลิกเล่นฟุตบอลแบบช็อกโลกด้วยวัยเพียง 29 ปี แล้วไปใช้ชีวิตร่วมกับภรรยาอยู่ในชนบทที่เงียบสงบในบ้านเกิด เมืองซานตาเฟ่ รัฐนิวเม็กซิโก ประเทศอาร์เจนตินา เพื่อสวดภาวนา และเรียนรู้การมุ่งไปสู่ชีวิตที่ดีกว่า
ภายหลังการข้ามผ่านสหัสวรรษใหม่ โดยโลกไม่ได้แตกสลาย โรอาไม่ได้สูญเสียศรัทธา วัตรปฏิบัติที่เจ้าตัวประพฤติเป็นประจำ เช่น การเลิกกินเนื้อสัตว์ จนมีฉายาว่า “เจ้าผักสลัด” ยังคงดำเนินต่อ แต่เขาตัดสินใจที่จะกลับมาสานต่อเส้นทางของนักฟุตบอลที่ถูกตัดขาดไป
สัญญาที่คงเหลือกับเรอัล มายอร์ก้า ในสเปนอีก 2 ปี ทำให้เขาได้กลับมาสู่โลกของฟุตบอลอีกครั้ง แต่ก็ต้องตกเป็นตัวสำรองของ “ลีโอ ฟรังโก้” ผู้รักษาประตูเพื่อนร่วมชาติ ที่ขยับขึ้นมาจากทีมสำรอง เขาจึงตัดสินใจยอมลดระดับไปเล่นกับอัลบาเซเต้ ทีมในลีกา 2 ในปี 2002 เพื่อให้ได้ลงเล่นอย่างต่อเนื่องและยังเล่นได้ดีจนช่วยให้ทีมเลื่อนชั้นกลับสู่ลาลีกา ลีกสุงสุดได้สำเร็จในปีเดียว
ขณะที่ตัวเขาเองก็ได้รับความสนใจจากอาร์เซนอล อีกทีมจากพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ให้ไปทดสอบฝีมือ 5 วัน ซึ่ง “อาร์แซน เวนเกอร์” ผู้จัดการทีมปืนใหญ่พอใจมาก แต่ไม่สามารถเซ็นสัญญาได้ เนื่องจากโรอาไม่มีพาสปอร์ตยุโรป และหลุดจากทีมชาติอาร์เจนตินาแล้ว จนไม่เข้าหลักเกณฑ์การขอใบอนุญาตทำงานในอังกฤษ
เรื่องตลกร้าย คือ หลังจากนั้น 2 ปี “มานูเอล อัลมูเนีย” นายทวารชาวสเปน ตัวสำรองของโรอาที่ทีมอัลบาเซเต้ กลับได้เซ็นสัญญาเป็นผู้เล่นของทีมปืนใหญ่แทน
บททดสอบในชีวิตเข้ามาหาโรอาอีกครั้ง เมื่อเขาถูกตรวจพบว่าป่วยเป็นโรคมะเร็งที่ต่อมลูกหมาก ทั้งที่ไม่สูบบุหรี่ ไม่ดื่มเหล้า รักษาสุขภาพอย่างดีในฐานะนักกีฬา
เขายอมรับว่ารู้สึกเหมือนกับโลกทั้งใบจะถล่มทลายลงแทบเท้าเพราะทุกอย่างกำลังเป็นไปด้วยดี โรอาต้องหยุดเล่นฟุตบอลอีกครั้งเพื่อเข้ารับการรักษาและทำเคมีบำบัด
หลายคนเชื่อว่าเขาน่าจะต้องปิดฉากชีวิตนักเตะอาชีพแล้ว แต่ศรัทธาในพระเจ้าที่หลายคนหัวเราะเยาะ ก็ช่วยทำให้ผู้รักษาประตูชาวอาร์เจนตินามีกำลังใจฝ่าฟันอุปสรรค จนกลับคืนสู่สนามฟุตบอลได้ใหม่อีกครั้ง
เกือบหนึ่งปีเต็มผ่านไป เขากลับมาฝึกซ้อมกับทีมระดับล่างในสเปน จนย้ายกลับไปเล่นให้กับสโมสรโอลิมโป ในประเทศบ้านเกิด ซึ่งโรอาได้รับการต้อนรับอย่างดี
และหลังจากเล่นไปตลอดฤดูกาล 27 นัด คาร์ลอส โรอา ก็ตัดสินใจเลิกเล่นฟุตบอลอย่างเป็นทางการในวัย 36 ปี หลังจากนั้น 2 ปี เขาจึงเข้ารับงานเป็นผู้ช่วยผู้จัดการทีมให้กับสโมสรในอาร์เจนติน่า และเป็นโค้ชผู้รักษาประตู ให้กับทีมชั้นนำอย่าง ริเวอร์เพลท, แบนฟิลด์ (อาร์เจนติน่า) และกัวลาดาฮาร่า (เม็กซิโก) ซานโฮเซ่ เอิร์ธเควก (สหรัฐอเมริกา) และปัจจุบันกับ เออีเค เอเธนส์ (กรีซ) โดยเป็นทีมสตาฟฟ์ของ มัทธีอัส อัลเมด้า อดีตกองกลางทีมชาติอาร์เจนนิน่า ทีมผันตัวมาเป็นผู้จัดการทีมตั้งแต่ปี 2011