“แอนนาก็ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้มาประกวดเวทีนี้อีกหรือเปล่าในอนาคต ก็พยายามวัดค่ะว่าอะไรเป็นความฝันที่ยิ่งใหญ่มากกว่ากัน และแอนนาค้นพบว่าการเป็นนางงามนี่แหละเป็นความฝันที่ยิ่งใหญ่มากกว่า ก็อยากที่จะทุ่มตรงนี้ให้เต็มที่ ก็เลยตัดสินใจที่จะออกจากการเป็นนักแสดงแล้วก็มาเป็นนางงาม”
คำบอกเล่าจากปากของ “แอนนา เสืองามเอี่ยม” มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2022 คนล่าสุดของไทย สาวงามวัย 23 ปี ที่ก้าวขึ้นมาเป็นนางงามตามความฝันได้สำเร็จ หลังตัดสินใจยอมทิ้งอนาคตในวงการบันเทิงเพื่อมาตามความฝันในเส้นทางนางงาม ผ่านบทพิสูจน์ต่างๆ ในระหว่างการประกวดจนชนะใจกรรมการ และได้ใจแฟนนางงามไปเต็มๆ
แอนนาเล่าให้ฟังว่า การตัดสินเปลี่ยนอนาคตตัวเองในครั้งนี้ วันที่ตัดสินใจทิ้งความฝันและอนาคตการเป็นดารา มาตามหาความฝันที่ใหญ่กว่าบนเวทีนางงาม เป็นเรื่องที่เจ้าตัวต้องใช้เวลาตัดสินใจอยู่พักใหญ่ หลังชั่งน้ำหนักดูอย่างถี่ถ้วนและพบว่าเมื่อมีโอกาสแล้วก็อยากจะลองดูสักครั้ง โดยได้รับการสนับสนุนจากทั้งครอบครัวและพี่เลี้ยงนางงาม
ใช้ระยะเวลาประมาณนึงค่ะ แอนนาเชื่อว่าทุกๆ คนมีความฝันที่หลากหลายมากเลย การเป็นดาราก็เป็นหนึ่งในความฝันของเราเหมือนกัน รวมถึงการเป็นนางงามก็เป็นหนึ่งในความฝันเหมือนกัน แต่ว่าเส้นทางนี้คือมันไม่ใช่แค่ตัวเราคนเดียวที่จะสามารถประสบความสำเร็จได้ มันต้องมีทีมพี่เลี้ยง จะต้องมีหลายๆ อย่างที่คอยสนับสนุนเรา ซึ่ง ณ ตอนนั้นทุกอย่างมันเรียบร้อยแล้ว เหลือแค่ตัวเราว่าจะพร้อมไหม แอนนาก็ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้มาประกวดเวทีนี้อีกหรือเปล่าในอนาคต แล้วก็พยายามวัดค่ะว่าอะไรเป็นความฝันที่ยิ่งใหญ่มากกว่ากัน
แอนนาค้นพบว่าการเป็นนางงามนี่แหละเป็นความฝันที่ยิ่งใหญ่มากกว่า เลยอยากจะทุ่มตรงนี้ให้เต็มที่ ก็เลยตัดสินใจที่จะออกจากการเป็นนักแสดงแล้วก็มาเป็นนางงาม แต่ยังไงก็เชื่อว่าการที่จะได้มาเป็นนางงาม ในอนาคตอาจจะได้มีโอกาสได้เข้าสู่วงการนั้นเหมือนเดิม
ถามว่ากดดันไหม กดดันค่ะ เพราะว่าทุกๆ อย่างมันคือการเสี่ยง เราไม่รู้ว่าเลยว่าในวันใดวันหนึ่งเราจะประสบความสำเร็จหรือเปล่า การที่จะต้องอยู่กับสาวงาม อยู่กับคนที่มีแพชชั่นเยอะๆ เราก็ต้องสู้กับตัวเองมาก และรางวัลมีแค่รางวัลเดียว ก็เลยกดดันมาก สุดท้ายแล้วพอแอนนาได้เรียนรู้เวทีนี้มากขึ้น เรียนรู้จากตัวเองมากขึ้น แอนนาแค่อยากจะทำให้เต็มที่แล้วกัน อยากจะทำให้เต็มที่แม้ว่าจะไม่ได้รางวัล อาจจะเสียใจแต่แอนนาไม่อยากรู้สึกย้อนกลับมารู้สึกเสียดายทีหลัง
การตัดสินใจขอยกเลิกสัญญาการเป็นนักแสดงในสังกัดช่อง 8 แล้วมาลงประกวดนางงามเต็มตัว ความเสี่ยงที่ยอมแลก?
แอนนา : มันคุ้มค่ามากๆ ค่ะ คุ้มค่าจริงๆ มันไม่ใช่แค่อาชีพที่เราทิ้งไปนะคะ ทั้งการเป็นนักแสดงหรือ AE แต่มันเป็นทั้งน้ำตา ทั้งการเป็นเลือดนักสู้ ดราม่าอะไรต่างๆ ที่เราต้องเผชิญมา แล้วมันรู้สึกว่าคุ้มค่ามากจริงๆ มันทำให้แอนนารู้สึกว่าทุกคนที่คอยสนับสนุนเรา ทุกคนที่เลือกเราเขามั่นใจแล้วว่าสิ่งที่เราเลือกมามันไม่ผิด แอนนามั่นใจว่าเส้นทางที่เรามาตรงนี้มันไม่ผิด ก็ขอบคุณทุกๆ คนที่คอยซัพพอร์ตมาจนถึงทุกวันนี้
แอนนาคงจะมาไม่ถึงตรงนี้เลย ถ้าไม่มีพี่ในทีม ทุกคนคอยขัดเกลาแอนนา ทุกคนคอยพัฒนาให้ตัวเรากลายเป็นเวอร์ชั่นที่ดีขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะการให้กำลังใจค่ะ ถ้าไม่มีพวกเขาก็คงไม่มีแอนนาในวันนี้ นอกจากทีมพี่เลี้ยงก็น่าจะเป็นทั้งครอบครัวแล้วก็แฟนคลับหลายๆ คนเลยค่ะ ที่คอยซัพพอร์ต
“นางงามเลือดนักสู้” คือฉายาที่แอนนา ได้รับมาหลังจบการประกวด จากเรื่องราวภูมิหลังครอบครัวที่พ่อและแม่เป็นพนักงานเก็บขยะ ส่วนตัวเธอเองก็พยายามดิ้นรนให้เข้าถึงการศึกษา จนสามารถเรียนจบปริญญาตรี พร้อมกับการคว้าเกียรตินิยมอันดับ 1 มาครองได้ แอนนาจึงกลายเป็นผู้สร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คนในตอนนี้
ดีใจและภูมิใจมากๆ ค่ะ รู้ไหมคะว่าการเกิดมาเป็นมนุษย์ครั้งหนึ่ง มันรู้สึกภูมิใจในตัวเองมากๆ ถ้าจะสามารถส่งต่อคุณค่าใดคุณค่าหนึ่งให้กับคนอื่นได้ ถ้าจะทำให้คนใดคนหนึ่งมีกำลังใจในการใช้ชีวิตต่อไปได้ ก็รู้สึกเป็นเกียรติมากๆ แอนนาสัญญาว่าจะทำหน้าที่ตรงนี้ให้ดีที่สุด จะสร้างแรงบันดาลใจให้คนอื่นไปเรื่อยๆ เพราะแอนนารู้สึกภูมิใจมากๆ ที่ได้มีมงกุฎอยู่บนหัวแล้วก็ทุกคนเข้าใจ ก็ขอขอบคุณทุกคนมากๆ ค่ะ
หากย้อนกลับไปดูในระหว่างการประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2022 ที่ผ่านมา หนึ่งสิ่งที่แอนนาแสดงออกมาชัดเจน ตั้งแต่เข้ามาในฐานะผู้เข้าประกวดฯ คือการพูดถึงระบบการศึกษาของเด็กไทย ที่ยังเต็มไปด้วยความเหลื่อมล้ำ การศึกษาที่เด็กทุกคนควรจะได้รับ แต่บางคนไม่สามารถเข้าถึงได้เพราะขาดทุนทรัพย์
ความไม่เท่าเทียมในประเทศไทยมีหลายอย่างมาก แต่สิ่งหนึ่งที่หนูสัมผัสได้ และจะบอกกับทุกคน เพราะมันคือเรื่องจริง ก็คือความไม่เท่าเทียมในเรื่องของการศึกษา เรื่องนี้มันเป็นเรื่องของความเหลื่อมล้ำระหว่างคนรวยและคนจน การศึกษาที่ทุกคนบอกว่ารัฐบาลให้สวัสดิการเราในเรื่องของการเรียนฟรี แต่กว่าเราจะได้ เราต้องเสียค่าใช้จ่ายเท่าไรกว่าเราจะได้เข้าไปในห้องเรียน ทั้งค่าหนังสือ ค่ายูนิฟอร์ม สิ่งเหล่านี้มันสร้างความลำบากให้ครอบครัวที่ยากจนหลายครอบครัวค่ะ บางครอบครัวเขาต้องคิดแล้วว่า ระหว่างหนังสือ 1 เล่ม กับค่าเทอม 1 เทอม กับมื้ออาหาร 1 มื้อ เขาต้องเลือกอะไร ดังนั้นแอนนาจึงอยากให้รัฐบาล แก้ไขความเหลื่อมล้ำ ความไม่เท่าเทียมนี้อย่างเร่งด่วน และนี่จะเป็น New Beginning ของเด็กไทยค่ะ”
คือตัวอย่างคำตอบของแอนนา จากการตอบคำถาม “ลีน่า จัง” ที่ถามถึงความไม่เท่าเทียมในประเทศไทย ในรอบ Preview Day เปิดตัว 30 คนสุดท้าย
แอนนายังคงยืนกรานด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น ถึงปัญหาระบบการศึกษาที่เด็กไทยต้องเจอ รวมถึงตัวเธอในอดีตที่กว่าจะฝ่าฟันมาได้ถึงวันนี้ เธอจึงอยากให้ปัญหานี้ได้รับการแก้ไข เพื่อที่เด็กไทยจะได้เข้าถึงระบบการศึกษาที่ดีและเท่าเทียมมากกว่านี้ และเธอยังยืนยันกับ FEED อีกว่า เธออยากจะใช้เสียงของเธอในฐานะ “มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2022“ ช่วยผลักดันระบบการศึกษา เท่าที่จะสามารถทำได้
การที่เรามาอยู่ตรงจุดนี้ มันทำให้เสียงของเราดังขึ้น มันทำให้ทุกคนฟังเรามากขึ้น อยากจะใช้พื้นที่ตรงนี้ในการพูดออกมาว่า ตอนที่แอนนาเป็นเด็ก แน่นอนว่าเราไม่สามารถเลือกได้ว่าเราจะเกิดในครอบครัวที่รวยแค่ไหน จนแค่ไหน แต่สิ่งที่เราสามารถเลือกได้ก็คือมันเริ่มตั้งแต่การศึกษา เพราะการศึกษามันเป็นสิ่งที่เด็กทุกคนจะต้องเจอ การศึกษาขั้นพื้นฐาน การศึกษาขั้นบังคับ แสดงว่าทุกคนควรจะได้รับมันอย่างเท่าเทียมถูกต้องไหมคะ แต่การที่เรายากจนกว่า การที่เรามีน้อยกว่าคนอื่นมันกลับเกิดความเหลื่อมล้ำมากขึ้น
กว่าที่แอนนาจะประสบความสำเร็จมันยากมากๆ เลยในการที่จะขอทุนหรือการที่จะต้องไปบริจาคเลือดหรืออะไรต่างๆ เพื่อให้ได้ทุนเรียนฟรี แต่ว่าแอนนามองว่าตัวเองยังโชคดีนะคะที่ครอบครัวแอนนาสนับสนุน ที่อยากจะให้เราประสบความสำเร็จเรื่องการศึกษา แต่ก็ยังมีหลายๆ ครอบครัวเลยที่ยากจนเหมือนกัน หรือว่าต้นทุนน้อยกว่าแอนนา ที่เขาให้ความสำคัญกับอาหารหรือว่าให้ความสำคัญกับการมีชีวิตรอดมากกว่าการศึกษา
มันจึงทำให้เด็กหลายๆ คน หลุดออกจากระบบการศึกษาไป การที่แอนนาได้มาอยู่ตรงนี้ก็อยากจะพูดว่าพวกเรารู้สึกอย่างไร เรายังคิดว่าการศึกษาสำคัญอยู่นะ แต่มันจะดีกว่าไหม ถ้าการศึกษามันเท่าเทียมมากยิ่งขึ้น เพื่้อที่จะทำให้เด็กทุกคนสามารถเข้าถึงการศึกษาได้ง่ายขึ้น และแอนนามั่นใจว่าคนจะประสบความสำเร็จได้ในทางของตัวเองแน่นอนค่ะ
โดยหลังจากนี้ไป แอนนาจะต้องฝึกฝนตัวเองเพื่อเตรียมตัวไปประกวดมิสยูนิเวิร์ส 2022 ที่จะมีขึ้นในช่วงปลายปีนี้ ซึ่งภายหลังจากรับตำแหน่งมิสยูนิเวิร์ส เจ้าตัวมีโอกาสได้พบกับ “ปุ๋ย ภรณ์ทิพย์ นาคหิรัญกนก” มิสยูนิเวิร์ส ปี 1988 สาวไทยคนที่ 2 ที่ได้รับตำแหน่งนางงามจักรวาลมาก่อน
คำสอนจาก “ปุ๋ย ภรณ์ทิพย์” ตำนานมงที่ 2 และการเตรียมพร้อมสู้ศึกนางงามจักรวาล
แอนนา : รู้สึกว่าต้องสร้างตำนานมงสามต่อไปค่ะ เพราะว่าก็เกือบ 30 ปีเลยที่เราห่างหายจากการได้รับมงกุฎไปนาน ครั้งนี้อยากให้ทุกคนเห็นว่าแอนนาไม่ได้มาเล่นๆ ค่ะ ก็มีโอกาสคุยกับพี่ปุ๋ย อย่างแรกที่พี่ปุ๋ยแนะนำก็คือ ความมั่นใจ ความมั่นใจจะเป็นหนึ่งอย่างที่ทำให้คุณประสบความสำเร็จ แต่ก่อนที่เราจะมั่นใจได้ เราก็ต้องเตรียมพร้อมให้ครบทุกด้านก่อน นั่นคือเป็นสิ่งที่กระตุ้นให้เรียนรู้มากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งกระหายการเรียนรู้ ยิ่งอยากที่จะพัฒนาตัวเองในทุกๆ ด้าน อยากจะสร้างให้ตัวเองมั่นใจมากที่สุด เพื่อที่จะไปคว้ามงสามมาให้ได้ค่ะ
เราต้องเตรียมตัวให้พร้อมทุกด้าน และแอนนาไม่เคยคิดว่าด้านไหนที่มันจำกัดแล้วเลย แอนนาเชื่อว่าเราสามารถเติมลงไปได้อีก พัฒนาลงไปได้อีก แอนนาจะพัฒนาในทุกๆ ด้านเลยค่ะ เพื่อที่จะคว้ามงสามมา แล้วก็เชื่อว่าถ้าไม่หยุดที่จะพัฒนา แอนนาก็จะสามารถทำให้มันประสบความสำเร็จได้ค่ะ
แอนนาคิดว่าไม่มีใครเพอร์เฟ็กต์ 100% สุดท้ายแล้วมันก็ต้องมีจุดอ่อนหรือว่าจุดด้อยของเรา แต่อยู่ที่ว่าเราจะมองมันยังไง ถ้าเรามองมันเป็นจุดด้อย อุปสรรค มันก็จะเป็นจุดด้อยที่ทุกคนคอยตำหนิ ถ้าเรามองมันเป็นจุดๆ หนึ่งที่สามารถพัฒนากลายเป็นจุดแข็งได้ เราก็จะมีแรงที่จะพัฒนาในส่วนๆ นั้น และแอนนาเชื่อว่าการที่จะไปพิชิตมงสามได้ มันไม่ได้สำคัญแค่เรื่องภาษาอย่างเดียว อย่างอื่นก็สำคัญเหมือนกัน โดยเฉพาะแพสชัน โดยเฉพาะแรงสู้ โดยเฉพาะความมั่นใจ เพราะฉะนั้นนอกจากภาษาแล้วอย่างอื่นก็ต้องพัฒนาไปด้วยเหมือนกันค่ะ
ก็ขอขอบคุณทุกคนเลยค่ะ ตั้งแต่วันแรกที่แอนนาตัดสินใจเนอะ ด้อมของแอนนาก็มีไม่กี่คนหรอกประมาณ 9 คน 10 คน แต่ว่าทุกคนมีความหมายสำหรับแอนนามาก จนถึงวันนี้ ตอนที่แอนนาประสบความสำเร็จ คนเหล่านั้นก็ยังไม่หายไปไหน แล้วก็ยังมีคนอีกมากมายเลยที่คอยสนับสนุนเรา ก็ขอบคุณทุกแรงเชียร์แรงใจ ถ้าไม่มีทุกคนก็คงไม่มีแอนนาในวันนี้ แล้วก็จะเก็บทุกแรงเชียร์แรงใจของทุกคนไปพัฒนาตัวเองเพื่อที่จะคว้ามงสามมาให้ได้ ยังไงก็ร่วมส่งแรงเชียร์แรงใจให้แอนนา แล้วก็ประสบความสำเร็จไปด้วยกันในอนาคตนะคะ
คำกล่าวขอบคุณทิ้งท้าย ที่แอนนากลั่นออกมาจากใจถึงทุกคนที่คอยสนับสนุนเธอตลอดมา กำลังใจที่พาเธอมายืนอยู่ในฐานะมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2022 ได้อย่างสง่างามอย่างในวันนี้