Indy Mania By พอล เฮง คอลัมน์ที่จะพาย้อนกลับไปในช่วงการปะทุและระเบิดของเพลงไทยนอกกระแส ในช่วงทศวรรษที่ 90s
‘การมาถึงและแผ่ขยายเพิ่มขึ้นอย่างมากมายของค่ายเพลงอิสระหรืออินดี้จะเกิดขึ้นไม่ได้ ถ้าไม่มีคณะดนตรีรุ่นใหม่จากรั้วมหาวิทยาลัยต่างๆ ที่ผุดโผล่ขึ้นมาอย่างมากมายในยุค 90s คอลเลจ ซาวด์ คือพลังขับเคลื่อนที่สำคัญที่เปลี่ยนแปลงยุคของวงการเพลงไทยเชิงพาณิชย์ ที่ทำให้โฉมหน้าของธุรกิจและอุตสาหกรรมเพลงไทยสมัยนิยม ผลิตเพลงยอดนิยมที่แตกต่างไปจากยุคเดิม ที่ปิดฉากลงอย่างสิ้นเชิง’
ช่วงสุญญากาศของการค้นหาสิ่งใหม่ในวงการเพลงไทย หลังจากที่ทิศทางของดนตรียอดนิยมในตลาดเพลงกระแสหลัก ถูกชี้นำและยึดครองรสนิยมจากค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ ซึ่งแข่งขันกันเพียง 2 ค่ายหลัก รวมถึงช่องว่างทางสื่อวิทยุและโทรทัศน์ที่ผ่านการสัมปทานเช่าคลื่นวิทยุได้ทั้งคลื่น เพื่อนำมาเปิดเพลงที่ออกมาจากค่ายเพลงของตัวเอง รวมถึงการซื้อเวลาจากทีวีช่องต่างๆ เพื่อทำรายการเพลงที่ใช้โปรโมทเพลงค่ายของตัวเอง
ในยุค 2.0 สื่อที่มีอิทธิพลในการชี้นำรสนิยมการฟังเพลงของคนฟังเพลงกระแสหลักและสร้างให้เป็นบทเพลงยอดนิยมนั้น ล้วนมีเครื่องมือในการโปรโมทที่สำคัญคือวิทยุและโทรทัศน์ เพลงฮิตเกินกว่า 80% ในตลาดเพลงล้วนผ่านการสื่อสารกับคนฟังผ่านช่องทางเหล่านี้ เพราะฉะนั้นจึงเป็นความได้เปรียบของบริษัทหรือค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ที่มีเงินทุนหนาสายป่านยาว และรู้จักที่จะลงทุนในการซื้อสื่อทั้งสองแพลตฟอร์มนี้เพื่อสร้างมูลค่าได้สูงสุด ให้กับเพลงที่ออกมาจากค่ายของพวกเขาเอง
เพราะฉะนั้นงบด้านโปรโมทหรือโฆษณาของอัลบั้มเพลงชุดหนึ่ง จึงใช้มากกว่างานทางด้านการผลิตหรือโปรดักชันการบันทึกเสียงอย่างช่วยไม่ได้ เพราะการสร้างอุปสงค์อุปทานในตลาดเพลงทั่วโลกก็ล้วนใช้สูตรนี้มาตลอด เพียงแต่ในตลาดต่างประเทศมีทางเลือกที่แยกย่อยของแนวเพลงต่างๆ มากมายไม่กระจุกอยู่เพียงหมวดหมู่เดียว
ในช่วงเวลาเหล่านั้น สื่อวิทยุและโทรทัศน์ของเมืองไทยล้วนยังอยู่ในมือของภาครัฐอย่างกรมประชาสัมพันธ์ สำนักนายกรัฐมนตรี กองทัพทั้ง 4 เหล่าทัพ (ตอนนั้นสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยังเป็นแค่กรมตำรวจ กระทรวงมหาดไทย) และรัฐวิสาหกิจอย่าง องค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย (อสมท) ไม่มีเอกชนเป็นเจ้าของ มีเพียงการเช่าเวลาและสัมปทานคลื่นจากเอกชน โดยเฉพาะบริษัทที่ทำธุรกิจวิทยุในเครือค่ายเพลงยักษ์ใหญ่
เพราะฉะนั้น เทรนด์หรือกระแสเพลงสมัยนิยมล้วนออกมาจากค่ายเพลงที่มีกำลังซื้อเช่าเวลาคลื่นสถานีวิทยุและโทรทัศน์มาใช้ในการโปรโมทเพลง ค่ายเพลงขนาดกลางก็พอที่จะมีที่อยู่ที่ยืนในทางธุรกิจมีส่วนแบ่งได้ แต่ก็อยู่รอดยาก ส่วนค่ายเพลงเล็กๆ มิต้องพูดถึง ต้องลงไปอยู่ใต้ดินเพราะไม่มีเงินมาใช้ในการโปรโมทผ่านวิทยุและโทรทัศน์ และอยู่รอดได้ยาก ส่วนมากต้องปิดตัวเองลงไป เนื่องจากขาดทุนไม่ได้ไปต่อ ทางออกของนักร้องและค่ายเพลงใต้ดินก็มีแต่นิตยสารและคลื่นวิทยุเพียงไม่กี่คลื่นที่รองรับพวกเขาเหล่านี้
เหมือนกับการปิดกั้นพลังสร้างสรรค์ของคนดนตรีทางเลือกที่ยากจะโผล่ขึ้นมาสู่ตลาดเพลงวงกว้างกระแสหลักได้ และอัดอั้นมายาวนาน การเปิดประตูแรกของอินดี้ หรือคนดนตรีอิสระน่าจะเริ่มที่รายการ ‘เที่ยงวันอาทิตย์’ ในปี 2525 ของมาโนช พุฒตาล เป็นรายการเพลงสากลความยาวครึ่งชั่วโมง เป็นรายการแร ๆ ที่นำมิวสิควิดีโอมาเปิดในรายการ ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น ‘บันเทิงคดี’ ในปี 2527 และย้ายไปช่อง 11 ในปี 2533
ต่อมาชื่อรายการนี้ มาโนช พุฒตาล ก็ได้ทำนิตยสารเกี่ยวกับดนตรีสากลและไทยสากล ในปี 2532 หลังจากที่เกิดกระแสดนตรีโมเดิร์นร็อก หรือดนตรีร็อกสมัยใหม่เกิดขึ้น และมีนักร้องและคณะดนตรีใหม่ๆ เกิดขึ้นมากมาย นิตยสารบันเทิงคดี จึงมีคอลัมน์ ‘คอลเลจ อาร์ติสต์’ เป็นคอลัมน์เกี่ยวนักร้องและคณะดนตรีที่อยู่ในรั้วมหาวิทยาลัยและทำเพลงออกมาเผยแพร่สู่สาธารณะ

ช่องทางของสื่อนิตยสารและโทรทัศน์ของ มาโนช พุฒตาล ถือว่าเป็นที่รองรับสำคัญสำหรับดนตรีอิสระนอกกระแสจากทั่วทุกที่ของเมืองไทย โดยเฉพาะคณะดนตรีร็อครุ่นใหม่จากสถาบันการศึกษาต่างๆ ทั่วประเทศ ได้นำเสนอผลงานและถูกสัมภาษณ์แสดงตัวผ่านนิตยสารบันเทิงคดีอย่างเป็นประจำทุกเดือน ซึ่งเป็นทางออกของดนตรีทางเลือกของคนดนตรีและคนฟังรุ่นใหม่ที่กำลังเติบโตขึ้นมาในยุคนั้น โดยเฉพาะวัยรุ่นในระดับอุดมศึกษาจากรั้วมหาวิทยาลัยต่างๆ
ความนิยมเริ่มก่อตัวขยายวงกว้างไปเรื่อยๆ จนเป็นที่มาของการเกิดเทศกาล บันเทิงคดี ’37 ในวันเสาร์ที่ 19 พฤศจิกายน 2537 ณ ศูนย์เยาวชนไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง และเป็นการปักหมุดกระแสอินดี้ในวงการเพลงไทยอย่างเป็นทางการ เวทีคอนเสิร์ตแห่งนี้ได้เปิดตัวคณะดนตรีและนักร้องจากรั้วมหาวิทยาลัยและคณะดนตรีอิสระของค่ายเพลงใต้ดินและค่ายเพลงอิสระเล็กๆ ที่มารวมไว้ในที่เดียวกันให้เห็นถึงพลังของดนตรีสมัยนิยมยุคใหม่
แน่นอน การมาถึงของคอลเลจ ซาวด์ ย่อมเป็นแรงเหวี่ยงหรือโมเมนตัมของการฟังเพลงจากต่างประเทศ โดยเฉพาะอังกฤษและอเมริกา ช่วงเวลาที่ทำให้รุ่นของคนฟังเพลงเปลี่ยนแปลงไปทั้งโลก เริ่มจากแนวเพลงที่พัฒนาขึ้นในมหาวิทยาลัยของสหรัฐอเมริกาในช่วงปลายยุคทศวรรษที่ 1980 ซึ่งเรียกว่า ‘คอลเลจ ร็อก’ (College rock) แนวเพลงเหล่านี้ถือเป็นผลพวงจากความเบื่อหน่ายเพลงจากค่ายเพลงกระแสหลัก คณะดนตรีร็อกรุ่นใหม่ๆที่ เติบโตมา จึงไม่อยากส่วนเกี่ยวข้องกับค่ายเพลงและองค์กรใหญ่ๆ ที่ผลิตงานเพลงการพาณิชย์โดยเฉพาะและเป็นสูตรสำเร็จคล้ายๆ กัน
พวกเขาจึงหาทางออกและพยายามสะท้อนถึงยุคสมัยในการสร้างสรรค์งานของตัวเอง เผยแพร่ผ่านค่ายเพลงอิสระเล็กๆ หรือบางครั้งโดยคณะดนตรีเอง ออกอากาศทางสถานีวิทยุของมหาวิทยาลัย และแสดงสดตามคลับต่างๆ ซึ่งทำให้เกิดกระแสเพลงในเมืองที่มีมหาวิทยาลัยสำคัญของสหรัฐอเมริกา
สำหรับคอลเลจ ร็อก เป็นดนตรีร็อกระดับวิทยาลัยที่ครอบคลุมแนวเพลงร็อกใต้ดินและเน้นแนวเพลงที่ไพเราะและสนุกสนาน เหมาะสำหรับการสังสรรค์และดื่มเบียร์ โดยเหมาะจะเป็นช่วงบ่ายวันศุกร์ในฤดูใบไม้ร่วงหลังจากเลิกเรียน จุดเริ่มต้นที่แท้จริงเกิดขึ้นในช่วงปลายยุคทศวรรษที่ 1970 ที่เมืองเอเธนส์ รัฐจอร์เจีย ด้วยแนวเพลงที่แปลกใหม่ไม่ซ้ำใคร ซึ่งแนวเพลงมีความหลากหลายมาก และกลายเป็นดนตรีทางเลือกในที่สุด
ปลายยุคทศวรรษที่ 1980 ในอเมริกาจึงมีรูปแบบวิทยุใหม่ที่กำลังมาแรงคือ ร็อกสมัยใหม่ หรือโมเดิร์น ร็อค กลายเป็นวัฒนธรรมสมัยนิยมที่เต็มไปด้วยพวกประหลาดๆ เพื่อประกาศจิตวิญญาณแห่งยุคสมัย
จากรากฐานของความทะเยอทะยานที่จะสร้างเพลงฮิตสำหรับเปิดทางวิทยุ คอลเลจ ร็อก ต้องสนุกสนาน ลักษณะทางดนตรีของร็อกระดับวิทยาลัยนั้นไม่จำเป็นต้องชัดเจนสำหรับผู้ฟัง แม้ว่าจะมีความรู้สึกแบบชนชั้นกลางอยู่อบอวลก็ตาม เมื่อคอลเลจ ร็อก ประสบความสำเร็จมากขึ้น ก็เริ่มมีการจัดหมวดหมู่เพื่อสะดวกในการทำการตลาด และถูกจัดกลุ่มเข้ารวมกันในร็อกสมัยใหม่เรียกว่า อัลเทอร์เนทีฟ ร็อก
กระแสของดนตรีโมเดิร์น ร็อก ที่มาเป็นอัลเทอร์ทีฟ ร็อก และโมเดิร์นร็อกแบบอังกฤษที่เรียกว่า บริตพ็อป ในเวลาต่อมา ได้พัดพาความนิยมไปทั้งโลก ทางเมืองไทยก็เข้าสู่ชนชั้นกลางผ่านคนฟังรุ่นใหม่ที่เป็นนักเรียนนักศึกษา โดยเฉพาะกลุ่มคนฟังที่มีกำลังซื้อเป็นสมาชิกของเคเบิลทีวีที่มีช่องเอ็มทีวี (MTV) ซึ่งออกอากาศครั้งแรกเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 1981 และได้มีบทบาทต่ออุตสาหกรรมดนตรีเป็นอย่างมาก เป็นสื่อดนตรีที่ทรงอิทธิพลที่สุด ด้วยจำนวนผู้ชมสูงถึงกว่า 1,000 ล้านคนทั่วโลก โดยเฉพาะวัยรุ่น กลายเป็น Pop Culture ของวัยรุ่นอเมริกัน และทั่วโลกในเวลาต่อมา
การมาถึงของคอลเลจ ร็อก และเอ็มทีวี ก็เป็นส่วนหนึ่งของการเร่งปฏิกิริยาคนดนตรีหัวขบถส่วนหนึ่งในเมืองไทย โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่เบื่อเพลงพ็อปและพ็อปร็อกกระแสหลักสูตรสำเร็จเดิมๆ จากค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ รวมถึงมีตัวเปรียบเทียบจากอิทธิพลดนตรีผ่านสื่อเอ็มทีวีทำให้คนรุ่นเจเนอเรชันเอ็กซ์ในเมืองไทยต้องการความเปลี่ยนแปลงของทิศทางดนตรีสมัยนิยม
กอปรรวมกับการมาถึงของมาโนช พุฒตาล และบันเทิงคดี ที่เป็นเชื้อแรกและในการจุดประกายไฟของความเป็นขบถเพื่อเปลี่ยนแปลงยุคสมัยของการฟังเพลงในกลุ่มคนรุ่นใหม่หัวก้าวหน้า แต่ยังมีเชื้อไฟที่เร็วแรงและทรงอิทธิพลในการนำเทรนด์ดนตรีและเพลงใหม่จากต่างประเทศเข้ามาให้กลุ่มวัยรุ่นในยุคนั้นได้ฟังและเปลี่ยนทัศนคติในการฟังเพลง และสร้างงานเพลงของตัวเองในรูปแบบอินดี้หรืออิสระขึ้นมา และตามด้วยค่ายเพลงอิสระที่ผุดโผล่ขึ้นมาเพื่อรองรับกระบวนการบริหารจัดการของคณะดนตรีคอลเลจ ซาวด์ ในยุคนั้นของเมืองไทยที่มีมากมายหลากหลายเบ่งบานดังดอกเห็ดในหน้าฝน
รายการเพลงเรดิโอ แอคทีฟ และนิตยสารเจเนอเรชัน เทอร์โรริสต์ หรือ จีที (Generation Terrorist (GT) ที่สอดประสานกันในยุคนั้น จนสร้างพลังของการระเบิดที่แท้จริงของ Indy Mania อีกโสตหนึ่งอย่างรวดเร็ว…
อ่านบทความ Indy Mania By พอล เฮง