ถามว่ารู้สึกเสียดายมั้ย ไม่ค่ะ เพราะมันเป็นประสบการณ์ที่รู้สึกว่าชอบ เป็นอะไรที่ท้าทาย หนึ่งในล้านที่จะมีโอกาสได้มาอยู่ในจุดนี้ เจนก็เลยรู้สึกว่าเราคิดถูกที่เลือกกับทางเดินตรงนี้
ความรู้สึกในใจ ของ “เจนี่ อัลภาชน์ ณ ป้อมเพชร” หรือนามสกุลเก่า เทียนโพธิ์สุวรรณ เมื่อ FEED ถามถึงเส้นทางชีวิตในวงการบันเทิง ว่าเลือกได้ถูกไหม?
ต้องยกให้เป็นนางเอกซุป’ ตาร์ตัวแม่ของวงการบันเทิงอีกคนหนึ่งที่ผ่านความดราม่ามาไม่น้อย สำหรับ เจนี่ ที่ตอนนี้ชีวิตจริงต้องมารับบทบาท การเป็น ภรรยาและคุณแม่ ที่ทุ่มเทสุดชีวิตกับการเลี้ยงลูกสาวคนเดียวของเธอ น้องโนล่า และถึงแม้เจนี่ได้ห่างหายจากหน้าจอไปนานถึง 4 ปี แต่กระแสความฮอตของเธอนั้นไม่มีแผ่ว ไม่ว่าเธอจะขยับตัวทำอะไร ยังคงเป็นที่สนใจของแฟนคลับอยู่ตลอดเวลา
ชีวิตในวัย 40 ปีของคุณแม่หุ่นสับคนนี้จะมีเรื่องราวบทใหม่อย่างไรบ้าง วันนี้เธอจะมาเล่าสู่กันฟังให้เห็นถึงอารมณ์ความรู้สึกที่แท้จริง รวมถึงความคิดที่ตกผลึกจากประสบการณ์การทำงานในวงการบันเทิงมาร่วม 20 กว่าปีของเธอ
FEED ชีวิตตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?
เจนี่ : ชีวิตช่วงนี้ก็ยุ่งค่ะ จริงๆ ละครเรื่องมัดหัวใจยัยซุป’ ตาร์ปิดกล้องแล้วนะคะ ตอนนี้ก็เลี้ยงลูกแล้วก็กำลังจะมีงานเกี่ยวกับเรื่องความงาม โฆษณา เป็นโปรเจ็กต์ใหญ่เหมือนกันอีก 2 โปรเจ็กต์ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต ภายในปีนี้แหละค่ะ แต่ยังบอกไม่ได้ เดี๋ยวรอเซอร์ไพรส์นิดนึง
FEED เขาว่ากันว่าไม่มีใครรู้จักตัวเราเท่าตัวเราเอง อยากรู้ว่าชีวิตจริงๆ ตัวตนจริงๆ ของเจนี่เป็นยังไง?
เจนี่ : เจนเป็นคนที่ดูแลตัวเองตั้งแต่เด็กค่ะ เหมือนเรารู้ตัวอีกทีที่จำความได้คือทำงานแล้ว คือเป็นคนที่ทำงานมาตั้งแต่อายุ 10 กว่าขวบ ตอนนั้นทำงานเข้าวงการมาจนถึงตอนนี้ก็ประมาณ 20 กว่าปีแล้วค่ะ เลยรู้สึกว่าเป็นอะไรที่เหมือนเหนื่อย แล้วก็ใช้ชีวิตแบบเดิมๆ ขนานกับการทำงาน เล่นละคร ถ่ายแบบ ถ่ายโฆษณามาตั้งแต่เด็ก เพราะฉะนั้นช่วงวัยรุ่นเนี่ยเจนก็จะไม่มีเลย ถูกตัดขาดหายไป ไม่ได้ใช้ชีวิตในมหา’ลัย หรือชีวิตเด็กมัธยมเหมือนกับคนอื่นๆ
FEED เสียดายเวลาช่วงชีวิตตอนนั้นบ้างมั้ย?
เจนี่ : ถามว่ารู้สึกเสียดายมั้ย ไม่ค่ะ เพราะมันเป็นประสบการณ์ที่รู้สึกว่าชอบ เป็นอะไรที่ท้าทาย หนึ่งในล้านที่จะมีโอกาสได้มาอยู่ในจุดนี้ เจนก็เลยรู้สึกว่าเราคิดถูกที่เลือกกับทางเดินตรงนี้
FEED ชีวิตของเจนี่ในวัย 40 ปีกำลังมีความสุขกับอะไร?
เจนี่ : มีความสุขกับลูก เจนว่าถ้าเกิดใครเป็นแม่ก็ต้องตอบเหมือนเจนทุกคน เพราะว่ามันเป็นอะไรในชีวิตที่มาเติมเต็มเจนมากๆ ค่ะ ไม่ว่าจะอะไรก็ตาม ทุกข์ สุข คือเขา cool feel ของเจนที่เคยขาดหายไปมานานมากแล้ว เราไม่เคยคาดหวังว่ามันจะดีขนาดนี้ ดีจนเรารู้สึกว่าทำไมมันแฮปปี้ได้ขนาดนี้ การเลี้ยงลูกนี่มันเป็นความสุขใจ แล้วเจนเป็นคนที่เลี้ยงลูกเอง ไม่ได้มีพี่เลี้ยง ช่วงโควิดที่ผ่านมาเจนได้ดูแลเขาเอง 100% เต็มๆ ค่ะ
FEED การมีลูกคนแรกในชีวิต แถมไม่มีพี่เลี้ยงคอยช่วย มันยากขนาดไหน?
เจนี่ : ยากค่ะ แต่ก็เป็นความยากที่มีความสุขมากๆ แล้วก็สนุกมากๆ ด้วยค่ะ
FEED เจนศึกษาการเลี้ยงลูกจากไหนว่าจะต้องดูแลลูกยังไง?
เจนี่ : ไม่มี reference น่ะ ตอนแรกเจนก็กังวลนะว่าเราจะเป็นแม่แบบไหน จะดูแลเขายังไง เป็นแม่ที่ดุมั๊ย แต่ท้ายที่สุดแล้วเจนว่ามันเป็นไปตามธรรมชาติ ทุกอย่างมันจะมาเอง พอเราเป็นแม่แล้วมันก็อยู่ในสายเลือดเลย คือในความเป็นแม่ เมื่อก่อนเราก็ไม่เข้าใจนะ แต่วันนี้เจนเข้าใจแล้ว
FEED ความเป็นแม่ที่อยู่ท่ามกลางสปอตไลต์ที่มีหลายคนจับตามองมันยากขึ้นมั้ย?
เจนี่: เจนชินแล้วเพราะอยู่ตรงนี้มาตั้งแต่เด็ก เราก็เป็นนักเอ็นเตอร์เทนคนนึง เวลาเราเจอแฟนคลับมันก็เป็นหน้าที่ของเรานะ เราเลือกเส้นทางนี้แล้ว เพราะฉะนั้นทุกสิ่งทุกอย่างเราก็ต้องรับผิดชอบแล้วทำหน้าที่ให้ดีที่สุด เหมือนเราเลือกมาแล้วและเรามีโอกาสที่ได้จากแฟนคลับด้วย เพราะฉะนั้นเจนรู้สึกดีใจที่ได้เป็นคนที่ถูกเลือกให้มาอยู่ในสปอตไลต์
FEED มองเป็นสิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตเรา?
เจนี่ : ใช่ เจนรู้สึกว่านี่มันคือโอกาสในชีวิตน่ะ ถ้าเจนไม่ได้มาอยู่ตรงนี้ก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะไปทำอะไร แต่พอเราอยู่ตรงนี้ ได้มาเล่นละคร ก็รู้ว่านี่แหละคือความสุข พอเล่นละครแล้วผู้กำกับฯ บอกว่าเจนเล่นดีมาก มันเป็นความรู้สึกที่เรา cool feel หรือเวลาที่ละครออนแอร์ไปแล้วเรตติ้งดี คนดูชอบ คนดูอิน พอออกไปแล้วคนดูทัก เรารู้สึกว่านี่แหละคือรางวัลในชีวิต เพราะฉะนั้นเจนรู้สึกแฮปปี้กับการเป็นนักแสดง
FEED หมด Passion ในการเป็นนักแสดงหรือยัง?
เจนี่ : ไม่หมดหรอกค่ะ เจนว่าละครมันมีอะไรให้ได้เล่นอีกเยอะ คนอาจจะคิดว่าละครมันเป็นวัฏจักร มีตัวดี ตัวร้าย นางเอกนางร้าย แต่จริงๆ มันก็เลียนแบบมาจากชีวิตจริง ชีวิตคนเรามันก็มีหลากหลายอารมณ์ เนื้อเรื่องที่เลือกขึ้นมามันก็มีหลายเส้น แล้วแต่ที่เขาจะเขียนขึ้นมาให้ไปในแต่ละเส้น แล้วจะมาบรรจบด้วยการแฮปปี้เอนดิ้งหรือสูญเสีย นั่นก็เพื่อทำให้ละครมันสนุก
FEED ประสบการณ์ในวงการมันหล่อหลอมอะไรให้กับตัวเราบ้าง?
เจนี่ : ทำให้โตขึ้น ที่เห็นได้ชัดเลยคือทำให้มีความรับผิดชอบมากขึ้น ตอนนั้นที่เด็กๆ เมื่อเทียบกับเพื่อนในระดับเดียวกัน เราต้องทำงาน ต้องตื่นตีห้าเพื่อที่จะมาทำงาน แต่เพื่อนเจ็ดโมงไปเรียน แต่เราต้องเสียสละเพื่องานเพื่อคนดู
FEED เวลาเจอปัญหาอุปสรรคต่างๆ เจนรับมือกับมันยังไง?
เจนี่ : ความใจเย็นค่ะ แต่จริงๆ เจนเป็นคนใจร้อนนะ แต่ถ้าเจออะไรที่แรงจริงๆ หรือว่าเจออะไรที่มันมากระแทกใจ เจนจะเป็นคนที่เก็บความรู้สึกตัวเองมาก เจนจะนับ 1 ถึง 100 ในสมอง พยายามใจเย็น รอไปสักห้านาทีมันก็จะนิ่งขึ้นค่ะ
FEED มุมความคิดแบบนี้ได้มาจากไหน?
เจนี่ : อาจจะโดนปลูกฝังมาตั้งแต่เด็ก เจนเกิดที่อเมริกา พอเจนมาอยู่เมืองไทยแค่ไม่กี่ปีเจนก็เป็นดารา แล้วตอนนั้นก็ไม่ได้รู้อิโหน่อิเหน่หรือมีคนชี้นำ แต่ว่าเจนได้แม่ดา หทัยรัตน์ คือเขาเป็นเหมือนแม่อีกคนของเจน แม่ดาเป็นคนให้เจนมาเล่นละคร แล้วสอนอะไรหลายอย่าง คือตอนนั้นเจนเล่นละครมาแล้วเรื่องนึง เจนก็อยู่ในสังกัดของแม่ดา แล้วตอนนั้นแม่ดาเปิดละครอีกเรื่องนึง แม่ดาก็ให้เจนมาเสิร์ฟน้ำ มาเป็นสวัสดิการ ทำนู่นทำนี่ในกองถ่าย เพราะละครเรื่องนั้นเจนก็ไม่ได้เล่น ตอนนั้นเจนอายุ 16 ก็ไม่เข้าใจที่ให้เรามาทำหน้าที่เหมือนเป็นแม่บ้านในกอง แต่วันนี้เจนเข้าใจแล้วว่ามันทำให้เรารู้ว่าเรามาจากจุดไหน เราไม่ได้แค่เป็นนักแสดงอย่างเดียว เรามากองถ่ายต้องทำได้ทุกอย่างจริงๆ ทำจนติดเป็นนิสัย แล้วอะไรอีกหลายๆ อย่างที่แม่ดาสอนเจนจนเป็นเจนจนถึงทุกวันนี้
FEED เป็นซูเปอร์สตาร์ของเมืองไทย แต่กรอบความคิดนี้ของเจนก็ไม่เคยเปลี่ยน?
เจนี่ : เจนไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นซูเปอร์สตาร์นะ เจนรู้สึกว่าคำนี้มันไกลเกินเจนมาก เจนรู้สึกว่าตัวเองเป็นแค่นักแสดง เราก็มีหน้าที่ที่จะเล่นละครและเอ็นเตอร์เทนคนดูแฟนคลับเท่านั้นเอง เจนรู้สึกแค่ทำวันนี้ให้ดีที่สุด แสดงให้ดีที่สุด เล่นให้ดีที่สุด เล่นให้คนดูมีความสุขที่สุด จนบางทีก็เล่นจนลืมไปว่าตัวเองมีความสุขหรือเปล่า ลืมคิดถึงตัวเอง บางทีก็จะช่วยคนอื่นจนลืมคิดถึงตัวเอง
FEED 20 กว่าปีที่ผ่านมา เจนคิดว่าวงการบันเทิงเปลี่ยนไปยังไง?
เจนี่ : ก็เห็นวงการบันเทิงโตขึ้น เห็นน้องๆ ที่เกิดใหม่ก็เยอะขึ้น ในฐานะรุ่นพี่ก็ช่วยน้องๆ เต็มที่ อะไรที่ได้รับถ่ายทอดมาก็สอนน้องบ้าง บางทีไปเวิร์กช็อปก็เหมือนน้องๆ จะเกร็งจะกลัว แต่เจนพูดเลยว่าห้ามมองว่าเป็นพี่เจน เพราะด้วยความที่คนมองว่าเป็นพี่เจน คนก็จะมีกำแพงแหละ แล้วพอเล่นละครกันมันก็จะไม่กลมกลืนไม่กลมเกลียว ฉะนั้นเจนจะบอกว่าให้ตัดทุกอย่าง ตัดความเป็นพี่เจนออกไปก่อนแล้วให้เหลือแค่ว่าเจนเป็นแครักเตอร์ตัวละครนั้นๆ หรืออาจชวนคุย สอนไปเรื่อยๆ จนน้องคลายตัวมากขึ้นแล้วไม่เกร็ง
FEED ละครก็เล่นมาหลายเรื่องหลายบทบาทแล้ว ยังมีบทไหนที่อยากเล่นเป็นพิเศษมั้ย?
เจนี่ : จริงๆ ก็น่าจะครบแล้วนะ ก็พยายามหาอยู่ค่ะ เวลาใครติดต่อมาเราก็จะหาจุดที่เรารู้สึกว่าอันนี้แหละที่ยังไม่เคยเล่น หรือว่ามันจะมีบางแครักเตอร์ที่เรารู้สึกว่าเราอยากลองเล่นบทนี้ดูก็ยังมีอยู่ แต่มันพูดเฉพาะเจาะจงไม่ได้อ่ะ คือไม่รู้ว่ามันคือจุดไหน
FEED เจนก็ยังคงรับงานละครต่อไปเรื่อยๆ?
เจนี่ : ใช่ค่ะ แต่ก็อาจจะไม่ใช่แบบปีนึงรับ 4-5 เรื่องขนาดนั้น ตอนนี้มีเสนอมาบ้างค่ะ ก็กำลังดูๆ อยู่
FEED ผลงานละครที่กำลังได้ดู “มัดหัวใจยัยซุปตาร์” หลังจากห่างหายจากละครไปนาน กลับมาครั้งนี้เป็นยังไงบ้าง
เจนี่ : หายไป 4 ปี (หัวเราะ) ก็สนุกค่ะ ชอบและมีความสุขกับการทำงานมาก
FEED การร่วมงานกับน้องกลัฟ คณาวุฒิ
เจนี่ : น้องกลัฟน่ารักมาก เป็นเด็กที่เก่งนะ ก็เรียกได้ว่ามีพรสวรรค์ อย่างเจนเข้ามาในวงการยังเด๋อๆ ด๋าๆ อยู่เลยตอนที่อายุเท่าน้องน่ะ แต่น้องเก่งกว่าเจนน่ะ แล้วอะไรหลายๆ อย่างแบบว่าน้อง born to be the stars เจนก็จะบอกน้องตลอดเวลา ทำให้ให้เค้าไม่เกร็งเราน่ะ เหมือนกับอธิบายในบทแล้วช่วยน้องติวด้วย เป็นกันเองกับน้อง คือเราต้องไปสนิทกับน้องเพื่อที่จะไม่ให้น้องเกร็งกับเจน
FEED ความรักตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?
เจนี่ : ทุกอย่างก็ยังแฮปปี้แฟมิลี่ปกติค่ะ แต่แบบว่าพ่อแม่ติดลูก เอ็นเตอร์เทนลูกทั้งวัน
การที่มิกกี้เข้ามาในชีวิตมาเติมเต็มอะไรในชีวิตเจนบ้าง?
เจนี่ : ตอนนี้เจนเป็นแม่ มิกเป็นพ่อ มันก็เป็นการ cool feel ทำให้ครอบครัวเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น แต่ละคนก็ต่างทำหน้าที่ที่ตัวเองต้องทำ อย่างมิกเขาก็เป็นพ่อที่ดี มีหน้าที่เอ็นเตอร์เทนลูก พาลูกออกกำลังกาย แล้วลูกก็ชอบออกกำลังกายมาก มิกเขาก็ทำหน้าที่พ่อได้ดีมากจนเราแบบแดดดี๊ทำไปนะตอนนี้แม่เหนื่อย (หัวเราะ)
FEED หวานกันขนาดไหน กับมิกกี้ ?
เจนี่ : ไม่มีเลย โดนเบรกตลอด (หัวเราะ) คือบางทีมิกมาโดนตัวเจนี่ ลูกก็จะแบบไม่เอาอ่ะ อันนี้ของโนล่า ห้ามกอดๆ อันนี้หม่ามี้ของโนล่าอะไรอย่างเนี้ย ก็รู้สึกภูมิใจ เป็นคนสำคัญของลูก
FEED พอเป็นแม่แล้ว กรอบความคิดกับคำว่าลูกหรือเด็กของเราเปลี่ยนไปบ้างมั๊ย?
เจนี่ : เปลี่ยนค่ะ คือแต่ก่อนเลี้ยงหลานเราจะรู้สึกว่ารักหลานมากเลย ซื้อของให้หลานนู่นนี่นั่น รู้สึกว่ารักหลานมากแล้ว แต่พอเรามีลูกนะเหมือนโลกทั้งใบให้นายคนเดียว เราจะรู้สึกเลยว่าเราไม่มีเวลาให้ใครเลย มีเวลาให้แต่ลูก
FEED เราต้องปรับเปลี่ยนชีวิตของเราไปขนาดไหน?
เจนี่ : ปรับไปตามสถานการณ์ (หัวเราะ) ปรับไปตามสถานการณ์ของวันนั้นๆ ด้วยนะ คือไม่มีอะไรที่สามารถคาดเดาได้ในแต่ละวัน วันนี้โนล่าเป็นอย่างนี้ อีกวันโนล่าก็จะเป็นอีกแบบ ตอนนี้โนล่าก็ยังหาแครักเตอร์ของเขาไปเรื่อยๆ ขลุกกันไปขลุกกันมาจนยิ่งกว่ากลมกล่อมอีกค่ะ เข้มข้นจนถึงที่สุด
FEED เรื่องหน้าตาคนคิดว่าเจนี่หยุดอายุไว้ที่ 18 หรือเปล่า?
เจนี่ : (ไหว้ หัวเราะ) เจนว่าเจนอาจจะได้มาจากลูกนะ พอเรามีความสุขมากๆ แล้วมันสุขล้นน่ะ ได้รับมาจากลูกสาว พอตื่นเช้ามากับชีวิตประจำวันที่ลูกมากอดหม่ามี้ รักหม่ามี้ แล้วเราก็มีความสุขที่ได้รับตลอดเวลา เจนว่าอะไรที่มันได้รับมาจากข้างในมันจะออกมาทางสีหน้าว่าเราแฮปปี้มีความสุข ยิ่งถ้าได้ใช้เวลาอยู่กับเค้า 100% อย่างเจนไม่มีพี่เลี้ยง แล้วเราทำทุกอย่างให้เค้า แปรงฟัน อาบน้ำ ป้อนข้าว ทำนู่นทำนี่ มันทำให้เรารู้สึกว่านี่มันเป็นชีวิตที่ดีมาก แล้วมันทำให้เรามีความสุขเหมือนเด็กไปเลย
FEED เคล็ดลับการดูแลตัวเองยังไงถึงดูเด็กได้ขนาดนี้?
เจนี่ : ออกกำลังกายค่ะ เจนชอบออกกำลังกายมากจนกลายเป็นชีวิตประจำวันของเราไปแล้ว ตื่นมา 8 โมงออกกำลังกาย เสร็จประมาณ 10 โมงกินข้าว ช่วงบ่ายๆ ลูกก็จะงีบแม่ก็จะงีบด้วย นอนไปพร้อมลูก แล้วเจนเป็นคนนอนเร็ว 2 ทุ่มก็จะเข้านอนแล้ว และก็ตื่นเร็ว ตี 5 นี่ตื่นแล้ว นี่คือชีวิตประจำวัน ออกกำลังกาย กินน้ำเยอะ นอนเร็ว
FEED อาหารการกินจำกัดมั้ย?
เจนี่ : จำกัดค่ะ มันก็จะเป็นช่วงๆ เราไม่ได้ดูแลตัวเองทุกวันตลอดเวลา บางวันอาจจะมีไอติมก็กินได้ แต่ไม่ได้แบบกินทั้งถังอะไรอย่างนั้น เคล็ดลับอย่างอื่นก็มีความสุข แล้วเรารู้แล้วว่าวันนี้เราต้องการอะไร แล้วเราเจอแล้ว
FEED น้องโนล่าอายุเท่าไหร่แล้ว?
เจนี่ : 2 ขวบ 8 เดือน ค่ะ
FEED การดูแลเด็ก 2 ขวบ 8 เดือนได้อะไรบ้าง?
เจนี่ : ทำให้เราเด็กไง เพราะเราได้ออกกำลังกาย คาดิโอทุกวัน เราต้องวิ่งตามเค้าทั้งวัน แล้วเราต้องวิ่งให้ทันด้วยนะเพราะเค้าวิ่งเร็ว แล้วไม่ได้วิ่งธรรมดานะ เดี๋ยววิ่งปีนขึ้นโซฟาลงมาแล้วก็ขึ้นไปอะไรอย่างเนี้ย
FEED มีคำพูดที่ว่า “ถ้าอยากรู้ว่าพ่อแม่รักเราขนาดไหนก็ต่อเมื่อเราได้กลายเป็นพ่อคนแม่คน” เจนี่มีความรู้สึกกับประโยคนี้ยังไง?
เจนี่ : ก็รู้สึกนะ คือเจนก็รักพ่อแม่ แล้วเราก็อยู่ด้วยกันแบบแฟมิลี่ซึ่งทุกวันนี้ก็ยังอยู่ แต่พอเรามีลูกมันก็จะเป็นอีกฟีลนึง คือเราจะรู้สึกแบบวันนี้เราตายไม่ได้เลย เพราะว่าเราต้องมีชีวิตเพื่อเค้าน่ะ เมื่อก่อนเราก็อาจจะไม่รู้ว่าอนาคตเราจะยังไง แต่มาวันนี้เจนรู้เลยว่าเจนไม่สามารถเป็นอะไรได้เพราะเจนต้องดูแลลูก ตอนนี้เค้าคืออันดับหนึ่งในชีวิตเลย
FEED หลายคนมองว่าตอนนี้เจนี่มีชีวิตที่น่าอิจฉา เจนี่ว่าอย่างนั้นมั้ย
เจนี่ : ไม่หรอกค่ะ เจนว่าชีวิตเจนก็เหมือนเป็นครอบครัวหนึ่ง ที่ไม่ได้เป็นเจนนี่ ก็คือครอบครัวหนึ่งที่มีความสุขเท่านั้นเอง
FEED แพลนต่อไปสำหรับชีวิต
เจนี่ : ก็มีโปรเจ็กต์ที่กำลังจะเปิดใหม่ในเร็วๆ นี้นะคะ เป็นธุรกิจใหม่ของเจน ก็ค่อนข้างที่จะเป็นสเต็ปใหญ่ในชีวิตเหมือนกัน จะพยายามทำให้ดีที่สุดค่ะ
FEED แพลนมีน้องให้โนล่า?
เจนี่ : ยัง (หัวเราะ) เหนื่อยมาก เหนื่อยจริงๆ คือไม่ได้เหนื่อยอะไรนะแต่อายุเยอะแล้วเหนื่อยท้อง แล้วมันใช้เอนเนอร์จี้เยอะ แล้วอีกอย่างคือเหนื่อยกับการที่เลี้ยงน้องเอง (หัวเราะ) อยู่กับน้อง 24 ชั่วโมง ถ้าคนที่แบบมีลูกแล้วเลี้ยงเองจะรู้ว่ามันใช้เอนเนอร์จี้เยอะน่ะค่ะ
FEED มิกกี้เขาเคยขอเรามั้ยว่าอยากมีน้องให้โนล่าอีกสักคน
เจนี่ : ไม่มีๆ เราจะบอกว่า No
สุดท้ายก่อนจะจากกัน FEED ถามย้ำกับเจนี่อีกครั้ง ว่าถ้า น้องโนล่า เค้ามาบอกว่าหม่ามี้…หนูอยากมีน้อง จะตอบเค้าอย่างไร เธอยิ้มสวนมาด้วยรอยยิ้มที่สดใส พร้อมกับชี้ไปที่ตุ๊กตากองโต ที่วางอยู่ใกล้ๆ กับที่สัมภาษณ์ พร้อมกับบอกว่า นี่ไง เล่นกับตุ๊กตาไปก่อนลูก ก่อนจะพูดทิ้งท้ายกับ FEED ว่าชีวิตตอนนี้มีความสุขอยู่แล้ว อยากประคองความสุขอย่างนี้ไม่ต้องมากไม่ต้องน้อย อยากอยู่อย่างนี้ไปเรื่อยๆ ค่ะ
สัมภาษณ์ สิงหาคม 2565