ฤดูหนาวนอกจากจะเป็นช่วงเวลาที่เหมาะกับการออกไปท่องเที่ยวท้าลมหนาวกันแล้ว แต่มันยังเป็นช่วงเวลาที่ผิวของเราต้องปรับตัว เพราะจะต้องเผชิญกับอากาศที่แห้ง และค่าฝุ่น PM2.5 ที่มากขึ้น ซึ่งปัจจัยเหล่านี้จะส่งผลให้ผิวของเราแห้ง เป็นขุย คันง่าย หยาบกระด้าง จนถึงผิวแตกอีกด้วย โดยเฉพาะคนที่ผิวแพ้ง่าย หรือมีโรคผื่นผิวหนังอักเสบ ก็จะยิ่งได้รับผลกระทบจากฤดูหนาวมากขึ้น FEED จึงรวบรวมวิธีง่ายๆ ที่จะดูแลผิวให้สุขภาพดีท้าลมหนาวมาฝากกัน
1.รักษาผิวชุ่มชื่นอยู่เสมอ
ควรเลือกมอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่ดีควรมีคุณสมบัติทำให้ผิวหนังชุ่มชื่น และช่วยให้ผิวสามารถกักเก็บน้ำไว้ได้ เพราะน้ำในผิวมีความจำเป็นต่อการกระตุ้นกระบวนการซ่อมแซมผิวอีกด้วย เช่น
– Petrolatum (ปิโตรเลียมเจลลี่, วาสลีน) ที่ช่วยป้องกันการเสียน้ำในผิวได้ดี
ข้อดีของปิโตรเลียมเจลลี่ คือ เคลือบและแทรกซึมเข้าระหว่างเซลล์ผิวได้ดี ทำให้สามารถป้องกันการสูญเสียน้ำผ่านออกจากผิวหนังได้ถึง 99% แต่เนื่องจากมีความเหนียวสูง จึงควรใช้ในบริเวณที่แตกแห้งพิเศษ เช่น บริเวณริมฝีปาก ฝ่ามือ ฝ่าเท้า ผื่นผิวหนังที่หนา ผิวแตกแห้ง เพื่อไม่ให้รู้สึกเหนอะหนะขณะใช้
– Glycerine, Sorbitol, Hyaluronic acid ตัวสารเหล่านี้ทำหน้าที่ดึงน้ำมาไว้ที่ผิวชั้นบน
– Colloidal Oatmeal และ proteins มอยซ์เจอร์ไรเซอร์ประเภทนี้จะได้ผลดีที่สุดเมื่อเคลือบผิวจนทั่ว นิยมผสมในผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิว และครีมบำรุงผิวเพื่อใช้สำหรับผู้มีผิวแห้ง ผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง หรือผิวหนังทุกชนิดเมื่อต้องเผชิญกับอากาศแห้ง
2. ปกป้องผิวจากแสงยูวี
ครีมกันแดดไม่ได้มีไว้เพื่อใช้เฉพาะฤดูร้อนริมชายหาดเท่านั้น เพราะในฤดูหนาวแสงยูวีก็สามารถผ่านกลุ่มเมฆหมอกมาทำร้ายผิวของเราได้แม้ในวันนั้นจะไม่มีแสงแดดก็ตาม
ยูวีจากแสงแดดนั้นจะทำลายผิว ก่อให้เกิดรอยกระ ด่างดำ ริ้วรอยได้ นอกจากนี้ยังสามารถสะท้อนจากกระจกอาคาร ผืนดินผืนทราย ตลอดจนกระทั่งหิมะ มาซ้ำทำลายผิวได้อีก
ดังนั้นควรเลือกครีมกันแดดแบบ Broad –spectrum กั้นลำแสงได้เป็นช่วงกว้างทั้งยูวีเอ ยูวีบี แสงขาว และมีค่า SPF 30 ขึ้นไป นอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงแสงแดด ใส่หมวก และเสื้อผ้ามิดชิดร่วมด้วย
3. ดูแลฝ่ามือฝ่าเท้า
ผิวหนังบริเวณฝ่ามือฝ่าเท้า ปราศจากต่อมน้ำมัน จึงมักจะเกิดอาการแห้งได้ง่ายโดยเฉพาะ
ในสภาวะ อากาศแห้ง ทำให้เกิดผิวแตกแห้ง คันยุบยิบ การทาครีมบำรุงเนื้อเข้มข้น ใส่ถุงมือ
ถุงเท้าที่มีเนื้อผ้าสบาย ไม่ระคายเคืองจะช่วยปกป้องผิวได้
4. ใช้เครื่องพ่นไอน้ำเพิ่มความชื้น (Humidifier)
เครื่องพ่นไอน้ำเพิ่มความชื้น (Humidifier) จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นในอากาศ เพื่อช่วยป้องกันผิวหนังไม่ให้แห้ง จนเกิดอาการคัน ผิวหนังอักเสบ เครื่องนี้จะมีประโยชน์มากในช่วงฤดูหนาว หรือฤดูร้อนในห้องแอร์ ส่วนเวลาอื่นๆ ที่มีอากาศชื้นอยู่แล้วจะไม่ค่อยจำเป็น
5. หยุดการอาบน้ำอุ่นจัดๆ
ในช่วงที่อากาศหนาวๆ การแช่น้ำอุ่นอาบฝักบัวอุ่นๆ จะทำให้รู้สึกดี แต่ความร้อนจะทำลาย lipid barrier (ชั้นไขมันดีที่เคลือบผิว) ซึ่งนำไปสู่การสูญเสียน้ำจากผิวหนังได้ ควรใช้เวลาอาบน้ำสั้นๆ และหลีกเลี่ยงการอาบน้ำอุ่น หรือน้ำร้อนจัดๆ แต่ให้อาบน้ำอุณหภูมิห้องจะดีที่สุด
6. สวมใส่เสื้อผ้ารองเท้าที่แห้งสะอาด
เสื้อผ้ารองเท้าที่เปียกชื้นจะก่อความระคายต่อผิว และทำให้เกิดผื่นกำเริบได้
7. วิเคราะห์สภาพผิวเพื่อใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับสภาพผิว
การเข้าปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อที่จะวิเคราะห์สภาพผิว และการดูแลผิวปัจจุบันว่าถูกแนวทางหรือไม่ เราจะเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับผิวของเรา และช่วยให้ผิวของเราสุขภาพดีขึ้นอย่างถูกทาง
สุดท้าย FEED ขอฝาก Tips Skin Wrap ที่ทุกคนสามารถบำรุงผิวเองได้ง่ายๆ โดยหลังจากอาบน้ำ เช็ดตัวให้ผิวหมาดๆ ทาโลชั่น หรือครีมบำรุงผิว(ทันที) จากนั้นห่อผิวบริเวณที่ต้องการบำรุงพิเศษด้วยพลาสติกแรป (แบบที่ใช้ห่ออาหาร) ตัวฟิล์มพลาสติกแรปจะช่วยกักความชุ่มชื้นและช่วยให้เนื้อมอยส์เจอร์ไรเซอร์ซึมซับเข้าสู่ผิวได้ดียิ่งขึ้น โดยแนะนำให้ใช้บริเวณฝ่ามือ ฝ่าเท้าที่แห้งเป็นพิเศษ