FEED ผู้ผลิตคอนเทนต์ไลฟ์สไตล์ภายใต้เครือมติชน จัดงาน FEED RETRO Music •Talk • Food • Book • Trip #90sไม่นานมานี้ ณ มิวเซียมสยาม ตั้งแต่วันที่ 24-26 พฤศจิกายน 2566
24 พฤศจิกายน พบกับกิจกรรม Talk ในสวนร่วมพูดคุยกับ “จักรพันธุ์ ยมจินดา” อดีตผู้ประกาศข่าวเบอร์ 1 แห่งยุค 90 ‘มืออาชีพตัวจริงแห่งยุค90’
จากนักพากย์ สู่ผู้ประกาศข่าว
จักรพันธุ์ : ชีวิตเราอยากพากย์หนัง เราก็ไปแอบดูห้องพากย์หนังจนหัวหน้านักพากย์หนังบอกว่าผมอยากเป็นนักพากย์หนังก็ให้พากย์ แต่เรื่องแรกอย่าเพิ่งพากย์เป็นคนเลยให้พากย์เป็นม้าไปก่อน ในเรื่อง Mister ED เพราะว่าพากย์เป็นคนเสียงมันอาจจะไม่เข้า คนรุ่นผมจะจำได้นะครับม้าพูดได้มีอยู่เรื่องเดียว เขาบอกเสียงยังไม่เหมาะจะพากย์คน นั่นคือพากย์หนัง ทีนี้คนพากย์ฟุตบอลเขาขาด ตอนนั้นฟุตบอลคู่แรกที่ผมพากย์เลยคือแมนยู กับลิเวอร์พูล แต่มันไม่ใช่ถ่ายทอดสด สมัยที่อยู่ลำปางครับมันมาเป็นฟิล์มครับ ไม่ใช่เป็นเทปนะ แล้วก็ส่งมาเมืองไทยก็ฉายที่ช่อง 9 ก่อน
พอฉายที่ช่อง 9 เสร็จก็ส่งไปที่ลำปาง ส่งไปที่ขอนแก่น ส่งไปที่หาดใหญ่ กว่าจะได้พากย์เตะเสร็จไปแล้วเดือนนึง ก่อนพากย์ฉายไป 20 รอบ ฟิล์มเกือบขาด แต่อยู่ลำปางเงินเดือนน้อยก็เลยลาออก แล้วพอดีช่อง 3 เขาเปิดสอบนักพากย์ก็ไปสมัคร แล้วก็สอบพากย์หนังเรื่อง Payton Place เวทีชีวิต พากย์เป็นพระเอก ไรอัน โอนีล แล้วได้มาพากย์หนังที่ช่อง 3 สมัยนั้นไม่มีรถ นั่งรถเมล์ไปทำงานที่หนองแขม พากย์หนังถึงตีสองก็มีรถของบริษัทไปส่งตามบ้าน กว่าจะถึงบ้านตี 5 กว่าจะได้นอน แถมยังได้ค่าพากย์ครึ่งนึงของคนอื่น เขาบอกคนใหม่ ก็ทำงานมาหลายปีเหมือนกัน แถมได้เล่นละครช่อง 3 เรื่อง ปีกทอง เมื่อปี 2524 เล่นได้สองตอนเขาบอกพอเถอะ
เสร็จแล้วตอนนั้นช่อง 7 หนังที่ดังที่สุดคือดาวพระศุกร์ ตอนนั้นเขาพยายามหาคนที่จะมาพากย์บทพระเอก แล้วก็มาเจออยู่ช่อง 3 ชื่อ จักรพันธุ์ ยมจินดา จากนั้นย้ายไปอยู่ช่อง 7 ไม่ได้สอบเข้าถูกเชิญเพราะดาวพระศุกร์ ถูกเชิญไปพากย์ที่ช่อง 7 อยากพากย์หนังเรื่องไหนได้เงินเท่าไหร่ เขาบอกว่าไปเลือกเอาเลยให้พากย์ทุกเรื่องนะครับ แต่ช่วยมาอ่านข่าวด้วยเพราะชอบ ผมเลยพากย์หนังไปด้วย อ่านข่าวไปด้วย เรื่อยไปๆ แล้วมีคนมาพากย์หนังแทน มีคนมาพากย์กีฬาแทน ผมเลยหันมาคุมข่าวเต็มตัวของช่อง 7
การอ่านข่าวยุคนั้นเข้มงวดไหม
จักรพันธุ์ : คือเราเป็นหัวหน้าแล้ว ทางผู้ใหญ่จะไม่เข้มงวดกับเรา แต่เราต้องเข้มวงวดกับลูกน้องนะครับ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับกฎระเบียบ ถามว่าอ่านข่าวยากไหม ก็จะมีสคริปต์ข่าวนะครับ แต่เวลาตัดไปที่หนัง ตัดไปที่เทปข่าว เราก็ก้มหน้าอ่านได้ แต่ก่อนที่จะอ่านสคริปต์เราก็พิมพ์หัวข่าวออโต้คิว มันเป็นคิวที่มีกล้องจับมาที่ตัวสคริปต์ แล้วภาพจะไปขึ้นที่เลนส์กล้องเป็นตัวหนังสือตัวบทข่าวนะครับ แล้วเราก็ใช้ลูกเล่น หน้าตา น้ำเสียง ยิ่งยุคนี้ในออนไลน์ข่าวเฟคนิวส์เยอะ ทุกวันนี้ใครก็เป็นผู้สื่อข่าวได้ เพราะทุกคนมีโทรศัพท์มือถือหมด มันถ่ายได้ทันที และถูกส่งผ่านสื่อออนไลน์ ทีวีถึงจะเอาไปออกอากาศ
กระแสฟีเวอร์ข่าวนางงานตอนนี้มาแรงมาก การทำข่าวยุคนั้นเป็นยังไง
จักรพันธุ์ : นางงามยุคนั้นลิขสิทธิ์การส่งประกวดนางจักรวาลอยู่ที่ช่อง 7 คนที่ทำหน้าที่กรอกใบสมัครให้นางสาวไทยไปสมัครนางามจักรวาล คือคุณหว่อง พิสิทธิ์ กีรติการกุล เป็นคนกรอกใบสมัครให้นางงามทุกคนเลยครับ พอมาถึงปีคุณปุ๋ย ภรณ์ทิพย์ นาคหิรัญกนก กระแสข่าวเข้ามาตามสำนักข่าวต่างๆ มันจะบ่งบอกทิศทางของผู้ที่จะได้เป็นนางงามจักรวาล ตอนนั้นข่าวคุณปุ๋ยมีทุกวันไม่เว้น จนคุณหว่องเอะใจแล้วก็บอกผมว่าสงสัยปุ๋ยจะได้เป็นนางงามจักรวาล ผมต้องไปไต้หวัน เขามีประกวดกันที่ไต้หวัน ผมก็รีบทำเรื่องส่งคุณหว่องไป ผลประกาศคุณปุ๋ยชนะได้นางงามจักรวาล คุณหว่องพร้อมช่างภาพขึ้นเวทีจะสัมภาษณ์คุณปุ๋ย ถูกเจ้าหน้าที่ห้าม คุณหว่องบอกเขาต้องเป็นคนแรกที่ได้สัมภาษณ์เพราะเธอเป็นนางงามจากประเทศไทย เจ้าหน้าที่บอกรอก่อนเดี๋ยวให้สัมภาษณ์เป็นคนแรก
ยุค 90 ผ่านมุมมองของ จักรพันธุ์ เป็นแบบไหน
จักรพันธุ์ : ถ้าพูดถึงตรงนี้ผมจำคำของพี่ดํารง พุฒตาล ได้อยู่คำนึง วงการโทรศัพท์ครับ ตรงไหนมีโทรศัพท์ครับ ผมจะย้ายบ้านไปอยู่ตรงนั้นครับ กี่ปีเองมาถึงปัจจุบันเราอยู่ตรงไหนเราก็ใช้โทรศัพท์ได้ มือถือไม่ต้องพูดถึงครับ พอมือถือมี เดี๋ยวนี้สารพัด
คิดถึงช่วงเวลานั้นไหม
จักรพันธุ์: เป็นช่วงที่ผมทำข่าวหนัก แล้วเรื่องเพลงได้ฟังน้อย เพราะขณะนั้นนักร้องลูกกรุงที่ดังๆ ที่ผมชอบเพลงลูกกรุงไม่มี แต่มันจะมีนักร้องลูกทุ่งที่ดังขึ้นมาในยุคนั้นผู้หญิงคือพุ่มพวง ดวงจันทร์ ผู้ชายคือ ยอดรัก สลักใจ แต่ผมเป็นคนที่ไม่ได้ฟังเพลงหลายปี เพราะเอาชีวิตไปอยู่กับข่าว สู้เพื่อให้ได้ที่หนึ่ง ก็เลยบอกไม่ถูกว่ามันเป็นยังไง แต่ว่า ณ วันนี้ จนถึงยุค 90 ทุกอย่างมันเปลี่ยนแปลงหมดนะครับ ใครจะคิดว่าวันนี้เรามามิวเซียมสยาม ผมมารถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินครับ ใครจะคิดว่าวันนี้เรามีรถไฟฟ้าไม่รู้กี่สาย ใครจะคิดว่าทีวีเราดูได้เป็นร้อยเป็นพันช่อง ใครจะไปคิดว่าไม่ว่าจะอยู่ส่วนไหนของโลกเราก็สามารถที่จะใช้โทรศัพท์ได้
“วันนี้ต้องขอบคุณแฟนๆ รุ่นเก่าที่ยังคิดถึง ยังติดตามผมอยู่ ขอบคุณทุกท่านที่มากันนะครับ” จักรพันธ์ กล่าวทิ้งท้าย