ทศวรรษที่ผ่านมาโลกของเรากำลังหมุนไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ทันสมัยได้เปลี่ยนวิถีชีวิตของเราให้ง่ายขึ้น ในขณะเดียวกันเรากลับเห็นภัยพิบัติที่เป็นผลพวงจากการกระทำของมนุษย์เพิ่มขึ้นอย่างเด่นชัด ไม่ว่าจะเป็นน้ำท่วม ไฟป่า หรือปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน สิ่งต่างๆ เหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่า ความก้าวหน้าและความเจริญทางเทคโนโลยีไม่อาจเอาชนะธรรมชาติได้ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจ ความเข้าใจ และกระตุ้นให้ทุกคนที่อยากมีโอกาสสร้างประโยชน์ให้แก่โลก จึงทำให้เกิดงานมหกรรมความยั่งยืนที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน SUSTAINABILITY EXPO 2023 (SX2023) ที่จัดต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 4 โดยครั้งนี้ จัดขึ้นระหว่าง 29 กันยายน ถึง 8 ตุลาคม ที่ผ่านมา
งาน SX นับเป็นต้นแบบมหกรรมด้านความยั่งยืนที่ยิ่งใหญ่ และมีเครือข่ายองค์กรด้านความยั่งยืนระดับโลกที่มารวมตัวกันมากที่สุดของภูมิภาคอาเซียน ตอกย้ำแนวคิดหลักการจัดงาน ‘พอเพียง ยั่งยืน เพื่อโลก’ (Sufficiency for Sustainability) ที่น้อมนำพระปฐมบรมราชโองการของ พระบาทสมเด็จ พระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวที่จะสืบสาน รักษา ต่อยอด และครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎรตลอดไป น้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (Sufficiency Economy Philosophy – SEP) ตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรมาเป็นแนวทางในการจัดงาน
นำโดย 5 องค์กรชั้นนำด้านความยั่งยืนของไทย ได้แก่ บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน), บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน), บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน), บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ร่วมด้วยเครือข่ายความร่วมมือจากองค์กรเอกชน ที่มีความมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนงานด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนระดับประเทศและระดับโลก เพื่อฉายภาพผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่ทวีความรุนแรงในทุกมิติของชีวิต พร้อมสร้างความเข้าใจว่าทุกคนสามารถเริ่มทำสิ่งที่ดีให้กับโลกได้อย่างไร
ในงาน SX2023 ได้เชิญผู้นำด้านความยั่งยืนและองค์กรขนาดใหญ่ระดับประเทศ มาร่วมถ่ายทอดการดำเนินธุรกิจที่ส่งเสริมแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียนและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน กับโซน ‘Better Living’ นำเสนอกิจกรรมและโครงการที่เกิดขึ้นจากหน่วยงานต่างๆ เพื่อส่งเสริมความรู้ สะท้อนความสำคัญด้านสิ่งแวดล้อมให้ประชาชนเข้าใจ และการนำแนวคิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนไปใช้ตลอดกระบวนการผลิต ห่วงโซ่มูลค่า เพื่อบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์หรือ Net Zero ของประเทศ และสร้างความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นให้กับมนุษย์ควบคู่ไปกับการรักษาสิ่งแวดล้อม ผ่านการนำเสนอ ในแง่มุมที่น่าสนใจและใกล้ตัว ในรูปแบบ Sustainable Living 24/7 Lifestyle เพราะความเป็นอยู่ที่ดีไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่ช่วงเวลาที่เราตื่นนอน แต่เป็นทุกวันและทุกเวลาที่โลกหมุนไป ภายใต้ 4 แกนหลัก ได้แก่
- การดูแลน้ำ (Water Stewardship) – นำเสนอแนวทางในการดูแลบริหารจัดการน้ำ อันเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการเติบโตด้านเศรษฐกิจ
- การลดคาร์บอน (Decarbonization) – นำเสนอหลากมิติที่จะช่วยลดคาร์บอนพลังงานทางเลือกจากธรรมชาติที่หลากหลาย
- ความหลากหลายทางชีวภาพ (Biodiversity) – นำเสนอการดูแลรักษาความหลากหลายทางชีวภาพผ่านโครงการและนโยบายขององค์กรชั้นนำ
- การจัดการของเสีย (Waste Management) – นำเสนอเส้นทางขยะพร้อมขนทัพนวัตกรรมการบริหารจัดการขยะ ที่สามารถเพิ่มมูลค่า และแปรเปลี่ยนให้เป็นประโยชน์ ในมิติต่างๆ รวมถึงมุมจัดแสดงเพื่อการเรียนรู้เรื่องการจัดการและวงจรที่ควรจะเป็นของบรรจุภัณฑ์ เคล็ดลับการใช้ชีวิตแบบ ECO-Living สะท้อนมุมมองในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตัวเราเพื่อสิ่งแวดล้อม
3 โซนเด่น Better Living
เริ่มต้นจากโซนแรก ที่พาเราก้าวเข้าสู่โลกใบใหม่ที่ดีกว่าผ่านโซนจัดแสดงหลักของโซน Better Living ผ่านแนวคิด ‘การใช้ชีวิตแนวใหม่’ ซึ่งนำเสนอเรื่องราวการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตง่ายๆ ในชีวิตประจำวัน เพื่อทำให้เห็นว่าเรื่องของความยั่งยืนเป็นเรื่องใกล้ตัว ตั้งแต่การเลือกทานอาหารโดยคำนึงถึงคาร์บอนฟุตพริ้นท์ ,การใช้น้ำอย่างไม่สิ้นเปลือง ,การเลือกใช้เสื้อผ้าหมุนเวียนแทนเสื้อผ้าฟาสแฟชัน ,การเดินทางแบบอีโค่เพื่อสิ่งแวดล้อม ,การท่องเที่ยวเชิงคาร์บอนต่ำ รวมถึงการตระหนักถึงพื้นที่สีเขียว ซึ่งเรื่องราวทั้งหมดล้วนเกี่ยวโยงกับชีวิตประจำวันที่สามารถเริ่มทำได้ทันที
นอกจากการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตให้ยั่งยืนมากขึ้น ภายในโซน Better Living ยังเสริมความเข้าใจให้ผู้เข้าชม ผ่านการให้ความรู้เรื่องการจัดการบรรจุภัณฑ์ นำกลับเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลเพื่อลดปริมาณขยะฝังกลบ นำเสนอผ่านบรรจุภัณฑ์ 5 ประเภทที่พบได้บ่อยในประเทศไทย ได้แก่ แก้ว กระดาษ พลาสติก กระป๋อง กล่องเครื่องดื่ม พร้อมแนะแนวทางหลักการจัดการที่ถูกต้อง ภายใต้แนวคิด “บรรจุภัณฑ์ไม่ใช่ขยะ” คัดแยกก่อนทิ้ง เพราะบรรจุภัณฑ์ข้างต้น สามารถนำกลับไปรีไซเคิลเป็นบรรจุภัณฑ์ใหม่ ได้โดยไม่ต้องใช้ทรัพยากรเพิ่มเติมในการผลิต ในรูปแบบเข้าใจง่ายและสะท้อนให้เห็นถึงแนวคิดของระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนได้อย่างเป็นรูปธรรม
โซนต่อมาคือหนึ่งในไฮไลต์ที่ถูกเนรมิตขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ นั่นคือบูธของ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ที่นำเสนอความสำคัญของ ‘น้ำ’ ทรัพยากรอันล้ำค่าของทุกชีวิตตั้งแต่แหล่งกำเนิดทางธรรมชาติ เชื่อมโยงคุณประโยชน์ต่อทุกชีวิตบนโลกใบนี้ รวมถึงเรื่องราวความผูกพันของเครื่องดื่มกับผู้บริโภคทุกช่วงวัย และกระบวนการผลิตเครื่องดื่มที่เป็นมิตรต่อโลก SUSTAINABLE & RESPONSIBLE BEVERAGE PRODUCTION ด้วยการบอกเล่าเรื่องราวสิ่งที่ไทยเบฟดูแล อนุรักษ์แหล่งต้นน้ำ และผืนป่า
รวมถึงกิจกรรมให้ความรู้อีกมากมายผ่านโซนต่างๆ อาทิ การดูแลรักษาน้ำ และอากาศที่ดีให้คงอยู่คู่กับโลกด้วยการบริหารจัดการอย่างยั่งยืน นำเสนอความสำคัญของน้ำที่มีต่อมนุษย์ กระบวนการผลิตเครื่องดื่มที่เป็นมิตรต่อโลกที่ผ่านการใช้พลังงานสะอาด ได้แก่ โครงการพลังงานแสงอาทิตย์ โครงการผลิตก๊าซชีวภาพ (Biogas) การใช้พลังงานเชื้อเพลิงชีวมวล (Biomass)Solar energy การเปลี่ยนเชื้อเพลิงจากถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงชีวมวล (ไม้สับ กะลาปาล์ม เชื้อเพลิงชีวมวลอัดเม็ด) ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้กว่า 43,000 ตัน คาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปีเช่น โครงการ เฟรเซอร์ แอนด์ นีฟ ที่ติดตั้งแผงพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาของโรงงานทั้งหมด 8 แห่ง ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกประมาณ 13,000 ตัน คาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี รวมถึงที่ ซาเบโก้ ที่มีการจัดทำแผงพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาของโรงงานทั้งหมด 17 แห่ง (ภายในปี 2567) ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกประมาณ 18,000 ตัน คาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี
การบริหารจัดการบรรจุภัณฑ์เครื่องดื่มอย่างยั่งยืน CIRCULARITY OF BEVERAGE PACKAGING เรียนรู้เกี่ยวกับห่วงโซ่คุณค่าของการจัดการบรรจุภัณฑ์ รวมถึงการลดความสูญเสียอาหาร และขยะอาหารเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สายธารแห่งการ “ให้” กับงานด้านสังคมใน 5 มิติหลัก การพัฒนาด้านสาธารณสุข การศึกษา กีฬา ศิลปะและวัฒนธรรม และการพัฒนาชุมชนและสังคมนับเป็นการส่งเสริมความเป็นเลิศในการดำเนินงานทุกมิติ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ (UN SDGs) ทั้ง 17 ข้อ และกรอบความร่วมมือการพัฒนาเพื่อความยั่งยืนแห่งสหประชาชาติ (UN Global Compact) ในฐานะผู้นำธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มครบวงจรของภูมิภาคอาเซียนที่พร้อมขับเคลื่อนองค์กรสู่ทศวรรษแห่งการ “ลงมือทำ” และก้าวสู่ผู้นำธุรกิจเครื่องดื่มครบวงจรระดับโลกที่เติบโตอย่างมั่นคง และยั่งยืน ควบคู่ไปกับการตระหนักถึงความสำคัญของการพัฒนาที่ยั่งยืน
ปิดท้ายด้วยโซนที่ 3 ซึ่งตัวอย่างที่โดดเด่นก็คือ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) ที่ได้เข้ามาสร้างสีสันให้โซน Better Living ผ่านการสร้างความตระหนักรู้คุณค่าพลาสติกใช้แล้ว ตั้งแต่ต้นน้ำตลอดจนการเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลให้สามารถนำกลับมาใช้ได้ใหม่ที่ปลายน้ำ
นอกจากนี้ยังมีกิจกรรม DIY สุดเก๋ในชื่อ เทิร์นชีวิตให้พลาสติกใช้แล้ว กับเครื่อง Plastic Funtastic ที่ให้ผู้เข้าชมได้สร้างสรรค์ชิ้นงานสุดเก๋จากฝาขวดน้ำ มาสร้างสรรค์เป็นพวงกุญแจสุดชิคหลากสีด้วยพลาสติกบด เป็นของที่ระลึกกลับบ้าน นอกจากนิทรรศการที่น่าสนใจ ภายในโซน Better Living ยังอัดแน่นไปด้วยความรู้จากเวทีเสวนาแลกเปลี่ยนมุมมองความยั่งยืนในมิติต่างๆ ที่ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนมามอบความรู้อันเป็นประโยชน์ต่อทุกช่วงวัย ที่สามารถนำไปต่อยอดสร้างองค์ความรู้นำไปสู่ความเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ได้ในอนาคต ในชีวิตประจำวันเพื่อทำให้เห็นว่าเรื่องของความยั่งยืนเป็นเรื่องใกล้ตัว
เรื่องราวทั้งหมดเป็นเพียงส่วนหนึ่งของความสำเร็จของงาน SUSTAINABILITY EXPO 2023 ที่จะกลายเป็นจิ๊กซอว์สำคัญในการต่อยอดความยั่งยืนให้โลกใบนี้ตั้งแต่จุดเล็กๆ ในชีวิตประจำวัน ไปสู่การทำให้เห็นถึงภาพรวมภารกิจในระดับประเทศและระดับโลกที่เราทุกคนกำลังร่วมแรงร่วมใจเพื่อทำให้โลกใบนี้ดีขึ้นอย่างยั่งยืน