วันหยุดปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา มีหนึ่งคอนเสิร์ตใหญ่ที่หลายคนเฝ้ารอคอย นั่นก็คือ “TAEYEON CONCERT – The ODD Of LOVE in BANGKOK “ ของไอดอลสาวร่างเล็กแต่มากไปด้วยความสามารถอย่าง “แทยอน” (TAEYEON) โวคอลควีนและลีดเดอร์วง Girls’ Generation วงเกิร์ลกรุ๊ปที่ได้ชื่อว่าเป็นวงแห่งชาติของประเทศเกาหลี และยังเป็น Role model ให้กับวงเกิร์ลกรุ๊ปรุ่นน้องในรุ่นหลังๆ ของอุตสาหกรรม K-Pop ประเทศเกาหลีมาจนถึงทุกวันนี้เป็นระยะเวลานานถึง 16 ปี
การกลับมาแสดงคอนเสิร์ตที่ประเทศไทยครั้งนี้ของควีนโวคอลแทยอน เป็นการกลับมาในรอบ 4 ปี 8 เดือน สองรอบการแสดง 12-13 สิงหาคม ที่ผ่านมา พร้อมกับการสร้างสถิติใหม่ ขึ้นแท่นเป็น “ศิลปินหญิงเดี่ยวเกาหลีคนแรกที่สามารถจัดคอนเสิร์ตเดี่ยว ณ อิมแพ็ค อารีน่า “ พร้อมบัตรคอนเสิร์ตที่ sold out ทั้งสองวันสองรอบการแสดง รวมจำนวนกว่า 18,000 ใบ สมการรอคอยของโซวอนชาวไทย (ชื่อเรียกแฟนคลับวง Girls’ Generation) อย่างสุดหัวใจ
แทยอน เปิดโชว์แรกของ “TAEYEON CONCERT – The ODD Of LOVE in BANGKOK” ด้วยผลงานเพลง INVU ระเบิดพลังเสียงจนทุกคนในอิมแพคอารีน่าฮอลล์ขนลุกไปตามๆ กัน ซึ่งเป็นเพลงที่ได้รับคำชื่นชมในเรื่องทักษะการร้องในแบบที่แทยอนไม่เคยได้โชว์ให้เห็นมาก่อนหน้านี้ แถมยังทำลายสถิติ Realtime All-Kill ไปกว่า 10 ครั้ง ถือเป็นความสำเร็จอีกครั้งของแทยอน พร้อมเสียงเรียกชื่อ “คิมแทยอน” ที่ทุกคนเปล่งขึ้นมาอย่างพร้อมเพรียงกันดังลั่นสนั่นอิมแพค จนแทยอนถึงกับยิ้มออกมาด้วยความภาคภูมิใจ ตามมาด้วยผลงานเพลงรักแสนเจ็บปวดอย่าง “Can’t Control Myself“, “Some Nights” และ “Set Myself On Fire” เป็นเพลย์ลิสต์เซ็ตแรก ที่ร้องกับวงดนตรีสดอย่างลงตัว
ก่อนแทยอนจะกลับมาปรากฎตัวบนเวทีรองอีกครั้งด้วยผลงานเพลง “Siren“ เพลงที่ได้รับแรงบันดาลใจจากไซเรนที่สื่อถึงการนำพาคนรักไปสู่ความพังทลาย “Cold As Hell“ , “Heart“ และ “Toddler” ให้แทยอนได้โชว์ไลน์เต้นอันสง่างามมีระดับ ขณะที่โวคอลควีนคนเก่งนั้นมาในชุดสีขาวสุดทรงพลังสมกับลิสต์เพลงที่เลือกมาแสดงในช่วงนี้
ปรับอารมณ์พักความร้อนแรงจากลิสต์เพลงก่อนหน้า ด้วยเพลงน่ารักๆ จังหวะฟังสบายๆ ในเพลง “Weekend“, “No Love Again“, “You Better Not” และ “Stress“ ที่โซวอนทุกคนตั้งหน้าตั้งตารอจะได้เห็นความน่ารักของแทยอน และโปรดักชันตระการตา พื้นเวที LED ที่แม้แต่ไอดอลสาวยังเอ่ยปากชื่นชมด้วยความประทับใจ
พักช่วงเวลาแห่งความสุขไปเพียงไม่กี่นาที แทยอนก็กลับขึ้นมาบนเวทีอีกครั้งพร้อมเพลง “Playlist“, “What Do I Call You“ โชว์โทนเสียงเยือกเย็นและทักษะการร้องยาวต่อเนื่องที่เป็นที่พูดถึง “To The moon” ด้วยพลังเสียงร้องแสนหวานพาทุกคนออกเดินทางไปสู่ดวงจันทร์พร้อมกับแทยอน, “Wildfire“ กับเสียงชัดกังวานเปรียบความรักที่เพิ่มขึ้นราวกับไฟลุกลามไปทั่วทุ่ง ก่อนจะถึงช่วงสะกดใจโซวอนด้วย “My Tragedy“, “Better Babe“ และ “Four Seasons” เพลงที่ชนะดิจิทัลแดซังจากงานประกาศรางวัลของประเทศเกาหลี
แทยอนยังคงมอบความประทับใจให้กับทุกคนที่นั่งอยู่ในอิมแพ็คอารีน่า ด้วยมาสเตอร์พีชที่ตอกย้ำความเป็นโวคอลควีน ผ่านผลงานเพลง “Timeless” และ “Fine” ที่ช่วงหนึ่งมีการดรอปเสียงดนตรีเพื่อให้แทยอนได้โชว์เสียงร้องสดๆ ให้แฟนๆ ได้ฟังกันเต็มสองหู ตามมาด้วย “I” เพลงเดบิวต์ในฐานะโซโล่เดี่ยว และ “Time Lapse” เป็นเพลงส่งท้ายก่อนจะลงจากเวทีไป
ระหว่างนั้นโซวอนต่างส่งเสียงเรียกชื่อ “คิมแทยอน” กันอย่างพร้อมเพรียงอีกครั้ง ก่อนแทยอนจะกลับขึ้นมาบนเวทีอีกครั้ง พร้อมกับเพลง “Spark” โชว์พลังเสียงสุดร้อนแรงจุดประกายบนเวทีแทบลุกเป็นไฟ โดยในคอนเสิร์ตรอบวันอาทิตย์ แทยอนได้ทำเซอร์ไพรส์ ด้วยการสวมเสื้อสีม่วงที่โซวอนไทยให้เป็นของขวัญ และยังเป็นสีเดรสโค้ดในคอนเสิร์ตรอบวันอาทิตย์ขึ้นมาบนเวที และปิดจบด้วย “Ending Credits” เป็นเพลงส่งท้าย พร้อมกับเดินเข้าไปหาแฟนๆ ทั่วทุกมุมของเวทีเพื่อขอบคุณทุกคนที่มาสร้างความทรงจำดีๆ ไปกับเธอในคอนเสิร์ตครั้งนี้
รับความสุขจากโวคอลควีนคนเก่งมาเต็มที่ โซวอนชาวไทยก็ไม่พลาดจะตอบแทนความสุขกลับคืนแทยอน ด้วยโปรเจ็กต์ความหมายดีๆ ตั้งแต่การใส่ที่คาดผมเป็นรูป Zero สุนัขสุดรักของแทยอนและรูปดอกเดซี่ที่แทยอนชอบ โดยที่เจ้าตัวนั้นได้กล่าวคำขอบคุณถึงทุกคนที่ได้เตรียมสิ่งที่เธอชอบมาในครั้งนี้ การร้องเพลง “Into the New World” และ “UR” ระหว่างรอช่วงอังกอร์ให้แทยอนที่อยู่หลังเวทีได้ยิน รวมไปถึงการชูป้ายแบบเนอร์ที่มีข้อความระบุว่า “16 Years to ∞ we will last forever” และ “UR our favorite melody” ไปจนถึงการแปรกระดาษข้อความเป็นคำว่า “TY4EVA“ (แทยอนตลอดไป) และ “태 연 국“ (ประเทศของแทยอน) สร้างความทรงจำที่แสนล้ำค่าถึงกันและกันอย่างสมบูรณ์แบบ จนเจ้าตัวยังเอ่ยชื่นชมว่าโซวอนไทยคิดโปรเจ็กต์เก่งมากๆ พร้อมถ่ายภาพร่วมกับแฟนๆ เก็บเป็นอีกความประทับใจเก็บไว้
สมมงโวคอลควีน
ตลอดระยะเวลากว่า 2 ชั่วโมง ผ่าน 24 บทเพลง แทยอนทำให้เห็นประจักษ์ชัดทั้งทางสายตาผ่านการดู และการรับรู้ผ่านหู ผ่านการร้อยเรียงหลากหลายรสชาติของความรักผ่านเสียงร้องสดๆ อย่างไร้ที่ติในทุกวินาที สมมงในฐานะโวคอลควีน ที่ประสบความสำเร็จและอยู่ในเส้นทางของศิลปินที่มีคุณภาพมาจนถึงปัจจุบัน เสียงของแทยอนนอกจากจะสร้างความสุขให้กับทุกคนแล้ว ยังสะกดทุกคนให้อยู่กับเธอได้ตลอดทั้ง 2 ชั่วโมง โดยเฉพาะท่อนไฮโน้ตในเพลงที่ผู้เขียนเฝ้ารอฟัง ไม่ว่าจะเป็น “Fine”, “I” หรือแม้แต่เพลงล่าสุดอย่าง “INVU” ที่บอกเลยคำว่าแทยอนกินแผ่นเสียงเข้าไป อย่างที่โซวอนเคยพูดไว้ประจักษ์ให้เห็นจริงในคอนเสิร์ตครั้งนี้
ไม่เพียงเท่านั้น ความสัมพันธ์ระหว่างไอดอลที่ผ่านร้อนผ่านหนาวจนมีอายุวงมาถึงปีที่ 16 กับกลุ่มแฟนคลับที่เรียกตัวเองว่า “โซวอน” ยังคงเต็มไปด้วยความรักและความเชื่อใจในกันและกันและอย่างเหนียวแน่น เป็นเซฟโซนของกันและกันดังที่แทยอนได้กล่าวไว้ในคอนเสิร์ตครั้งนี้ และโดยเฉพาะแสงสีชมพูจากแท่งไฟที่รวมกันเป็นพิ้งค์โอเชียน ส่องสว่างเคียงคู่ไปกับแทยอนตลอดระยะ 2 ชั่วโมงเต็ม เป็นเครื่องตอกย้ำความรักและความผูกพันธ์ของศิลปินและแฟนคลับที่รวมกันเป็นหนึ่งเดียว รวมเป็นความประทับใจและเป็นความทรงจำที่ดีที่สุดระหว่างเจ้าตัวและโซวอนชาวไทยในคอนเสิร์ตครั้งนี้อย่างสมการรอคอย