เป็นว่าที่แม่พิมพ์ของชาติที่มีความฝันสูงสุดอย่างการเป็นนางงาม และมุ่งมั่นที่เข้ามาทำตามความฝันของตัวเอง สำหรับ “พิม วนิดา สุวรรรณาภา” ที่ก่อนหน้านี้เคยชิมลางในเส้นทางนางงามผ่านการประกวดนางสาวไทยสุพรรณบุรีมาแล้ว แต่ก็ยังไม่ถึงจุดความสำเร็จที่เจ้าตัวหวังไว้ ก่อนจะได้รับโอกาสจากทีม CD พาเธอกลับมาล่าความฝันในเส้นทางนางงามอีกครั้ง บนเวทีมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2023 ครั้งนี้
“สวัสดีค่ะ พิม MUT 06 สุพรรณบุรีค่ะ บอกเลยว่าครั้งนี้เป็นการประกวดเวทีใหญ่ครั้งแรก พิมเองรู้สึกตื่นเต้นแล้วก็เป็นเกียรติมากๆ เลยค่ะ ที่ได้มาประกวดที่เวทีที่มีมายาวนาน แล้วก็ทรงคุณค่ามากๆ ค่ะ”
“จุดเริ่มต้นของการประกวดเริ่มมาจากดาวมหาวิทยาลัยค่ะ เคยมีโอกาสได้ประกวดที่มหาวิทยาลัย เราก็ได้รับตำแหน่งมา ซึ่งตอนนั้นก็จะมีทีมมาติดต่อว่าอยากเป็นนางงามไหม สนใจไหม ตอนนั้นเข้าปีหนึ่ง เราก็อยากหาอะไรสนุกๆ ทำ ก็เลยลองไปเป็นนางงามเดินสายบ้าง รับงานถ่ายแบบบ้าง จนกระทั่งเราชอบ พอเราชอบได้ทำไปเรื่อยๆ มันสนุกนะ ก็เลยรู้สึกว่ามันคือทางของเราเหมือนกัน ก็เลยได้ประกวดเวทีใหญ่อีกเวทีหนึ่งซึ่งเป็นเจ้าของเดียวกับเวทีนี้ด้วย ก็คือนางสาวไทยค่ะ ตอนนั้นประกวดนางสาวไทยก็ไม่ได้รับตำแหน่ง แต่ว่าได้รับประสบการณ์ ซึ่งตอนนั้น City Director คนที่จัดนางสาวไทยก็คือคนเดียวกับที่แต่งตั้งเราในจังหวัดสุพรรณบุรี พิมอยากจะบอกว่า ขอบคุณมากๆ เลยที่เห็นโอกาส ที่ให้โอกาสพิมได้มาพิสูจน์ตัวเองอีกครั้งหนึ่งค่ะ”
จากลองทำมาสู่ความชอบ
พิม วนิดา : ตอนนี้พิมเรียนครูใช่ไหมคะ ที่พิมเลือกเรียนครูก็เพราะว่าทางบ้านพิม คุณปู่คุณย่าอยากให้หลานรับข้าราชการ เพราะว่าจะได้สบายเนาะ แต่ส่วนตัวอยากเรียนนิเทศอินเตอร์ เพราะว่าตอนเด็กอ่ะค่ะอยากเป็นดารา อยากออกโทรทัศน์ อยากออกทีวี แต่พอเราได้มาประกวดตอนเรียนมหาวิทยาลัย มันคือจุดเริ่มต้นเหมือนกันที่เราได้เข้าวงการ
“ตอนนี้เรียนอยู่ปี 3 นะคะ ก็มีการจะต้องออกไปโรงเรียนไปสอนเด็กๆ ซึ่งจุดนั้นเราเคลียร์เรียบร้อยแล้ว เราไปออกฝึกครบจำนวนที่ทางมหาวิทยาลัยกำหนด แล้วก็ได้มีการพูดคุยกับอธิการบดีคณะครุศาสตร์นะคะ ว่าหนูขอมาประกวดนะ ซึ่งท่านก็อนุญาตเพราะว่ามันก็เหมือนเป็นการสร้างชื่อเสียงให้กับทางมหาวิทยาลัย ซึ่งตอนนี้ทางมหาวิทยาลัยก็ได้ประกาศชื่อหนู นางสาววนิดา ได้เป็นตัวแทนของจังหวัดสุพรรณบุรีในการไปประกวด รู้สึกขอบคุณทางมหาวิทยาลัยนะคะที่เห็นถึงศักยภาพของเด็กคนนี้แล้วก็ให้โอกาสกับเด็กทุกคนค่ะ”
ประสบการณ์เพิ่มศักยภาพ
พิม วนิดา : อยากจะบอกว่าเปลี่ยนไปหลายอย่างเลยค่ะ ทั้งทักษะการพูด การเดิน แล้วก็บุคลิกภาพ ซึ่งตอนนั้นเป็นการประกวดเวทีใหญ่ครั้งแรกเนาะ ต้องมีชุดว่ายน้ำ ต้องฝึกพูดฝึกสปีช ตอนนั้นเราทำไม่ได้ดีเท่าเพื่อนๆ คนอื่น แต่พอเราได้มาอยู่ในจุดนี้แล้ว สิ่งที่เราได้เรียนรู้จากเวทีก่อนหน้านี้มันทำให้เรามีแรงผลักดันมากขึ้น ทำให้เราสู้ ให้เราต้องเก่งกว่านี้ ต้องพยายามให้มากกว่าคนอื่น คนอื่นทำไว้ร้อย เราต้องทำไปพันเลย สองเวทีนี้บริบทแตกต่างกันอยู่แล้ว ก็มีการฝึกเดิน อยากพัฒนาตัวเองในหลายๆ ด้าน หลายๆ ลุค อย่างเราเองก็รับงานถ่ายแบบเดินแบบอย่างอื่นด้วย ซึ่งมันทำให้เรามีศักยภาพเพิ่มมากขึ้น ทำให้เป็นที่รู้จักมากขึ้นด้วยค่ะ
ว่าที่แม่พิมพ์แห่งชาติ มาสู่เวทีนางงาม ปัญหาที่เห็นจากเรื่องของการศึกษา และสิ่งที่อยากจะทำ
พิม วนิดา : อย่างที่พิมบอกนะคะว่าพิมเคยได้ไปฝึกสอนตามโรงเรียนมา ฝึกสอนทั้งโรงเรียนเอกชนแล้วก็โรงเรียนรัฐบาล ซึ่งพิมเห็นปัญหาจริงๆ ถึงความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา เพราะว่าเด็กที่อยู่ในชนบท ไม่สามารถเขาถึงเทคโนโลยีหรือว่าสื่อนวัตกรรมอะไรได้เลย ปัญหาตรงนี้มันเป็นอะไรที่เราควรที่จะเร่งแก้ไขค่ะ การที่พิมมาเวทีแห่งนี้พิมก็เหมือนเป็นจุดศูนย์กลางแล้วก็เป็นกระบอกเสียง เสียงของพิมมันก็จะดังขึ้น ทุกคนจะรู้ว่าปัญหาตรงนี้มันควรได้รับการแก้ไขสักที พิมอยากจะบอกว่าการศึกษามันเป็นเรื่องที่ทุกคนจะต้องได้รับความเท่าเทียมกัน จะต้องได้รับสิ่งที่แบบเหมือนกันทุกอย่าง ไม่ใช่คนรวยเรียนโรงเรียนนี้ เด็กวัดเค้าก็ต้องมีสิทธิ์ได้เหมือนกันใช่ไหมคะ พิมก็เลยอยากจะเป็นกระบอกเสียงในการสร้างจุดแข็งของการศึกษาการศึกษา ให้มันเด่นขึ้นแล้วก็การศึกษาไทยจะได้ไม่ล่าช้าแบบทุกวันนี้
“อ้างอิงจากโครงการที่พิมทำเนอะ จะบอกว่าโครงการนี้พิมทำมาซักระยะหนึ่งแล้ว ตั้งแต่พิมเรียนอยู่ปี 2 พิมได้มีโอกาสไปสอนโรงเรียนวัด ซึ่งเด็กไม่สามารถเข้าถึงการศึกษาได้ดีเลย พิมบอกกับเด้กๆ ว่าตอนเย็นเด็กคนไหนที่อยากจะเรียนเพิ่ม พิมสอนให้ฟรีเลยแบบไม่คิดตังค์ แล้วก็ได้ขยับมาเรื่อยๆ เป็นช่วงเสาร์-อาทิตย์ เพราะพิมปิดเทอม ก็ได้สอนหนังสือเด็กทุกวัน จนตอนนี้เด็กที่พิมได้สอนไป ได้รับฟีดแบคกลับมาว่า หนูเรียนดีขึ้น ทางพ่อแม่เด็กก็ขอบคุณที่ช่วยเค้าจริงๆ เพราะฐานะครอบครัวเขาก็ไม่ได้ดีอะไร”
“เราไม่คิดว่าเราจะเป็นคนที่สอนคนอื่นได้ แต่อะไรที่เราพอจะช่วยได้แล้วเราช่วย แล้วผลตอบรับมันดีมาก มันรู้สึกแบบ เฮ้ยเราก็เป็นคนหนึ่งที่มีความสามารถ สามารถสร้างเด็กคนหนึ่งให้เติบโตขึ้นได้ มันก็ตื่นตันค่ะ”
กำลังใจที่ได้รับจากเด็กๆ เหล่านั้น
พิม วนิดา : น้องๆ บอกว่าขอบคุณครูนะคะที่มาสอนหนู แล้วก่อนที่หนูจะเข้ามาประกวด เด็กก็บอกกลับมาว่า ครูพิมพ์ขาเทอมหน้ากลับมาหาหนูอีกนะ มันเป็นความรู้สึกว่าเราก็สามารถเป็น empower ให้กับเด็กคนหนึ่งได้ รู้สึกมีความสุขค่ะ อยากจะบอกว่ากลับไปแน่นอนค่ะ ไม่ต้องห่วงแล้วครูก็อยากจะเอามงกุฎไปฝากเด็กๆ ทุกคนนะคะ