เรียกได้ว่าแฟนมวยไทยคุ้นชื่อกันเป็นอย่างดี สำหรับ ฟาบิโอ เรอิส นักชกชาวโปรตุเกส เพราะเจ้าตัวเคยสร้างความฮือฮาบนสังเวียนผ้าใบมาแล้วหลายไฟต์
ก่อนหน้านี้เขาเคยเตะก้านคอเอาชนะน็อก ฤทธิ์เทวดา เพชรยินดีอะคาเดมี่ ตั้งแต่ยกแรก ในรายการ Rajadamnern World Series เมื่อเดือนธันวาคม ปี 2022
รวมทั้งยังเคยเอาชนะน็อก 2 นักมวยชื่อดังของไทย อย่าง เฟอร์รารี แฟร์เท็กซ์ (ชนะน็อกยกสอง) และ แสงมณี พีเค.แสนชัยมวยไทยยิม (ชนะน็อกยกแรก) ในศึก ONE Lumpinee 4 กับ 15 เมื่อเดือนกุมภาพันธ์และเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา
ซึ่งผลงานอันสวยหรูที่ผ่านมาคงเป็นเครื่องพิสูจน์ฝีมือและคุณภาพในตัวเขาได้อย่างไม่ต้องสงสัย และถือเป็นอีกหนึ่งนักมวยต่างชาติที่น่าจับตามองในขณะนี้
FEED ได้รับโอกาสร่วมพูดคุยกับ ฟาบิโอ เรอิส แบบเอ็กซ์คลูชีพในหลากหลายประเด็น ทั้งเรื่องการใช้ชีวิตในประเทศไทย มุมมองต่อวงการมวยไทย ไฟต์ที่อยู่ในความทรงจำ และเป้าหมายต่อไปในอนาคต
ไม่เพียงแค่นั้นเรายังได้ชวนคุยในเรื่องเบาๆ อย่างเช่น ผู้หญิงไทย และเรื่องการรักตัวเอง (self-love) ไปติดตามรายละเอียดการสัมภาษณ์ในครั้งนี้กันเลย
ช่วยแนะนำตัวกับแฟนๆ หน่อย
ฟาบิโอ เรอิส : ผมชื่อ ฟาบิโอ เรอิส หรือเป็นที่รู้จักในชื่อ ฟาบิโอ Sensational เรอิส อายุ 26 ปี ผมมาจากประเทศโปรตุเกส ผมเป็นลูกครึ่ง มีเชื้อชาติโปรตุเกสและแองโกลา ตอนนี้อาศัยอยู่ที่ประเทศไทยได้ 4 ปีแล้ว และฝึกซ้อมอยู่ที่ค่าย Venum Training Camp
คุณเริ่มเรียนมวยไทยตอนอายุเท่าไร
ฟาบิโอ เรอิส : ผมเรียนมวยไทยตอนอายุ 24 ปี ผมเริ่มเรียนมวยไทยที่ประเทศไทยเพราะว่าสถานการณ์โควิด-19 และตัวผมเองก็ไม่มีเงินในตอนนั้น ผมเลยต้องต่อยมวยไทยเพื่อหาเงิน และเอาตัวรอดในประเทศไทย
คุณเริ่มเรียนมวยไทยเพราะว่าคุณต้องการหาเงินเหรอ
ฟาบิโอ เรอิส : ใช่ เพราะว่าผมเคยเป็นนักมวยคิกบ็อกซิ่งมาก่อน เป้าหมายตอนนั้นคือผมอยากเป็นแชมป์คิกบ็อกซิ่ง ทุกวันนี้ก็ยังมีเป้าหมายนั้น แต่ตอนนั้นชีวิตมันมาถึงจุดเปลี่ยน ทำให้ตอนนี้ผมกลายเป็นนักมวยไทย
ทำไมคุณถึงสนใจมวยไทย
ฟาบิโอ เรอิส : หลักๆ คือเพราะว่าวัฒนธรรม วัฒนธรรมที่สวยงามมาก มวยไทยมีความเป็นเอเชียสูงมาก ผมต้องบอกเลยว่าน่าเคารพนับถือมากๆ ผมเลยชอบ เพราะผมไม่ชอบประเภทที่มาพูดโอ้อวดกัน หรือพูดแย่ๆ ใส่กันและกัน
ผมชอบที่นักมวยไทยนั้นมีความเคารพซึ่งกันและกัน ในแต่ละรอบที่เขาขึ้นชกพวกเขาก้มหัวและแสดงความเคารพซึ่งกันและกัน พวกเขาทักทายกัน พวกเขาอ่อนน้อมมาก ผมจึงชอบมัน ผมอยากจะแข็งแกร่งและอ่อนน้อมในเวลาเดียวกัน ผมคิดว่านั่นแหละคือพลังที่แท้จริง
ก่อนหน้านี้เราได้ยินผลตอบรับที่ไม่ดีเกี่ยวกับรายการมวยของ ONE Championship ว่าทำลายวงการมวยไทย เช่น ใช้นวมเล็กแข่งขัน คุณคิดอย่างไรกับเรื่องนี้
ฟาบิโอ เรอิส : เกี่ยวกับการใช้นวมเล็กในมวยไทยใช่ไหม ผมคิดว่ามันเป็นความคิดที่เป็นการปฏิวัติวงการเลย และผมก็คิดว่ามันน่าจะเป็นที่ยอมรับในอนาคต เพราะผมเชื่อว่าถ้าเราเอาแต่ยึดติดแต่หลักการเดิมๆ วงการกีฬาก็จะไม่พัฒนาเท่าที่ควร แน่นอนว่าเราไม่สามารถขึ้นชกแบบไม่ใส่นวมได้ หรือชกมวยไทยมือเปล่า
ผมคิดว่ามันจะเป็นผลเสียต่อจุดประสงค์บางอย่าง แต่ผมเองก็รู้สึกว่ามวยไทยมีท่าไม้ตายที่รุนแรง การสวมนวมเล็กในการขึ้นชกจะทำให้โชว์มันสนุกมากขึ้น และก็สามารถโจมตีฝ่ายตรงข้ามได้มาก
ยิ่งไปกว่านั้นผมรู้สึกว่านวมเล็กสามารถทำให้อะไรมันก็เกิดขึ้นได้ นักมวยที่มีประสบการณ์น้อยสามารถชนะนักมวยมากประสบการณ์ได้ แน่นอนว่าเงินโบนัสก็จะสูงขึ้นตามมานั่นเอง และผมเองก็ชอบมันมากขึ้น
ฟาบิโอ กล่าวถึงมุมมองการใช้นวมเล็ก
ไม่ใช่เพราะว่าผมไม่เคารพความคิดของคนรุ่นเก่านะ ผมไม่ได้ตัดสินภาพรวมจาก 5 ยกที่ผมเคยขึ้นชกก่อนหน้านี้นะ เพราะว่าผมรู้สึกว่ามันต่างกัน มันเป็นการแข่งขันที่เน้นด้านคะแนนที่สูง
แต่ใน ONE Championship การชกด้วยนวมเล็กเนี่ย มันเป็นการแข่งขันที่เน้นการโจมตี ล้มคู่ต่อสู้มากกว่า ผมต้องพูดว่านวมเล็กมันค่อนข้างทำให้เกมการแข่งขันดูสมจริงมากขึ้น
ไฟต์ไหนที่อยู่ในความทรงจำของคุณ
ฟาบิโอ เรอิส : การแข่งขันที่ผมจำได้ไม่ลืม ผมให้ 2 ครั้งได้ไหม รอบแรกคือไฟต์ที่ผมขึ้นชกกับ ป.ต.ท. ว.รุจิรวงศ์ เพราะว่าผมเองไม่เคยโดนชกใส่หน้าแบบนั้นมาก่อน ผมไม่เคยโดนชกที่หน้าเยอะขนาดนั้น ปกติแล้วเวลาจบการแข่งขัน ผมเองจะไม่ค่อยมีร่องรอยบนตัวเท่าไหร่ แต่รอบนั้นที่ขึ้นชกกับ ป.ต.ท. ว.รุจิรวงศ์ หน้าผมบวมมาก
การแข่งขันครั้งนั้นมันเดือดมาก ผมเลยจำได้ไม่ลืมเลย ผมสามารถได้ยินเสียงหมัดของเขาเลย เหมือนว่ากระดูกตรงมือเขากระแทกเข้ากับกระดูกบนหน้าผมเลย ผมยังจำเสียงนั้นได้ นั่นแหละเป็นการขึ้นชกที่ผมจำได้ไม่ลืม
อีกครั้งหนึ่งที่ผมจำได้คือตอนที่ขึ้นชกกับ ฤทธิ์เทวดา ตอนนั้นผู้จัดการผมเดินเข้ามาบอกผมว่าดูสิ เรามีการแข่งรอบนี้เข้ามา ผู้ชายคนนี้เราสามารถเอาชนะเขาได้นะ คุณมีหมัดที่หนัก ผมเชื่อว่าคุณทำได้ และเพราะเขาพูดแบบนั้นผมเลยรู้สึกฮึดสู้มากในตอนแรก มันเป็นความรู้สึกที่ตื่นตัวมาก
แต่หลังจากนั้นเพื่อนในค่ายของผมที่เป็นเพื่อนฝึกซ้อมด้วยกันเดินเข้ามาหาผม แล้วเขาก็พูดว่า ฟาบิโอ ฉันคิดว่านายไม่ควรรับการแข่งรอบนี้นะ เพราะฉันคิดว่ามันจะเป็นอันตรายมากๆ สำหรับนาย
นายเพิ่งเริ่มชก นายเพิ่งจะเริ่มต้นในวงการนี้เอง ฉันคิดว่านายควรสู้กับคนที่มันรองลงมาก่อน แทนที่จะกระโดดเข้าไปเสี่ยงกับเบอร์ใหญ่ๆ อย่าง ฤทธิ์เทวดา
พอผมได้ยินแบบนั้นผมก็เลยเข้าไปหาผู้จัดการเพื่อจะยกเลิกการแข่งรอบนี้ แต่ผู้จัดการก็โน้มน้าวผม เขาพูดว่าไม่สิ เราไม่ควรยอมแพ้ในการแข่งรอบนี้นะ ผมเชื่อว่าคุณทำได้ ฟาบิโอ เราสามารถเอาชนะได้ เขาก็โน้มน้าวผมเรื่อยๆ เพื่อจะให้ผมขึ้นชกในรอบนี้ ผมก็เลยโอเค
แล้วก็เริ่มเตรียมตัวสำหรับการแข่งขันในครั้งนั้น การเตรียมตัวมันค่อนข้างหนักมาก ผมฝึกซ้อมทั้งวันทั้งคืน คิดเกี่ยวกับคู่ต่อสู้ตลอดเวลา ผมเปลี่ยนทุกอย่าง
เปลี่ยนอาหารการกิน ตารางฝึกซ้อม ฝึกต่อสู้แบบกระชั้นชิด หลังจากนั้นผมก็ขึ้นชกและสุดท้ายผมก็ชนะ นั่นก็เลยเป็นการแข่งขันไฟต์หนึ่งที่ผมไม่มีวันลืม
ฟาบิโอ เล่าถึงไฟต์ประทับใจที่อยู่ในความทรงจำ
คุณชอบผู้หญิงไทยไหม
ฟาบิโอ เรอิส : ผู้หญิงไทย คนไทยที่ชอบเหรอ ผมชอบผู้หญิงไทยนะ ผมคิดว่าผู้หญิงทุกคนเนี่ยมีความสวยในตัวเองทุกคน ผู้หญิงไทยก็สวยเช่นกัน ตอนที่ผมมาที่ประเทศไทยครั้งแรกผมสังเกตได้เลยว่า ผู้หญิงไทยเนี่ย ผมจะพูดยังไงดี ผมไม่รู้ว่ามันเรียกยังไงนะ แต่มันไม่ใช่ความสุรุ่ยสุร่ายนะ มันเหมือนเขาจะค่อนข้างใส่ใจเกี่ยวกับอะไรที่เขาแต่ง
ชุดที่เขาสวมใส่ การทำผมต่างๆ ซึ่งมันทำให้พวกเขาดูเป็นคนพิถีพิถันในรูปลักษณ์ของตัวเอง ผมชอบนะ ผมชอบที่เห็นผู้หญิงมีความใส่ใจในตัวเอง ใส่ใจในรูปร่างตัวเอง มีหุ่นที่เหมาะสม เขาก็จะไปยิมกันเพื่อสิ่งเหล่านี้ ผมเลยชอบผู้หญิงไทย
ทุกวันนี้เราจะได้ยินเกี่ยวกับการรักตัวเองบ่อยขึ้น คุณมีความคิดอย่างไรกับเรื่องนี้
ฟาบิโอ เรอิส : เกี่ยวกับการรักตัวเองเหรอ ผมคิดว่าการรักตัวเองคือจุดเริ่มต้นของความรัก ถ้าคุณไม่มีความรักในตัวเอง คุณก็ไม่มีความรักอื่นๆ เพราะว่ากับตัวเองคุณยังไม่ใส่ใจและหวงแหนมัน เพราะถ้าคุณไม่ใส่ใจในตัวเอง คุณก็จะไม่สามารถดูแลคนอื่นได้เช่นกัน
ผมคิดว่าเป้าหมายของชีวิตเราคือการดูแลคนอื่น ช่วยเหลือคนอื่น แต่ในขณะเดียวกันที่เราดูแลคนอื่น เราเองก็จำเป็นต้องดูแลตัวเองเช่นกัน เพราะการดูแลและรักตัวเอง คุณก็จำเป็นที่จะต้องมีความรักในตัวเอง ดังนั้นผมเลยเชื่อว่าการรักตัวเองนั้นเป็นทั้งจุดเริ่มต้นและจุดสูงสุดของความรัก
ก่อนหน้านี้คุณแพ้บ่อยมาก และแม่ของคุณเคยบอกให้ยอมแพ้หรือล้มเลิกความฝันนี้ คุณช่วยแชร์เรื่องนี้ให้เราฟังหน่อยได้ไหม
ฟาบิโอ เรอิส : คือมันเป็นช่วงเวลาที่หนักมาก ผมหมายถึงว่าผมผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากมา ที่ผมบอกเกี่ยวกับด้านการเงินใช่ไหม แต่ทางสภาวะจิตใจตอนที่ผมเตรียมตัวเพื่อขึ้นชกก็แย่เหมือนกัน ในตอนนั้นแม่ผมก็บอกผมให้เลิกเพราะว่าผมแข่งแล้วก็แพ้ สำหรับผมมันยากมากที่จะต้องฟังแม่ตัวเองพูดแบบนั้น
แม่ผมเขาไม่ได้พูดในเชิงที่อยากให้ผมรู้สึกแย่ แต่มันเป็นคำพูดที่แม่ผมบอกว่า แม่ไม่เข้าใจว่าทำไมลูกยังอยู่ที่นั่น ลูกแทบจะไม่ชนะเลยแล้วก็แพ้บ่อยมาก แม่ผมพูดประมาณว่า ลูกมีความสุขกับผลการแข่งขันที่ได้เหรอ
ถ้าลูกไม่มีความสุขกับมันแล้วทำไมลูกถึงไม่กลับบ้านเราล่ะ มันเป็นอะไรที่หนักมากสำหรับผม มันเหมือนแม่กำลังจะพูดให้ผมเสียกำลังใจ แม่พูดกับผมว่า อาชีพนี้มันดูไม่เหมาะกับผมเลย ซึ่งมันยากมากที่จะรับฟังแม่ตัวเองพูดแบบนั้น
คุณรู้อะไรไหม แต่ผมก็เชื่อว่ามันเป็นเพราะความรักนะ ผมคิดว่ามันเป็นความรักที่แม่มีต่อผม ผมไม่ได้คิดว่าแม่พูดแบบนั้นเพื่อจะให้ผมเสียกำลังใจจริงๆ หรอก แต่ที่แม่พูดแบบนั้นเพราะว่าแม่แคร์ผมมากต่างหาก แต่มันก็ยากมากจริงๆ ที่จะรับฟังคำพูดเหล่านั้น ตอนที่ผมเตรียมตัวเพื่อที่จะขึ้นชกในแต่ละครั้ง แล้วในรอบนั้นๆ ผมก็แพ้อีก
ผมจำได้ว่าผมร้องไห้บนเวทีมวยเลย แล้วผมก็เดินออกมาจากเวที ผมเดินกลับไปด้านหลังสนามมวยแล้วก็ร้องไห้ออกมา เพราะว่าผมรู้สึกเหมือนกับแม่ผมอาจจะพูดถูกจริงๆ
แต่พอหลังจากร้องไห้แล้ว ผมก็ออกไปเที่ยวเล่นกับเพื่อนๆ ผมไปเต้นกับพวกเขา ตอนนั้นผมก็ตระหนักได้ว่ามันก็แค่ชีวิต ผมไม่ได้ชกมวย เพราะผมอยากจะชนะ แต่ผมทำสิ่งนี้เพราะว่าผมอยากจะทำ
ฟาบิโอ ย้อนความหลังที่ตัวเองเกือบเลิกชกมวย
ตอนที่ผมตัดสินใจลาออกจากงานก่อนหน้านี้แล้วทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างไว้ข้างหลัง เพื่อที่จะไล่ล่าความฝันนี้ ผมไม่ได้คาดหวังว่า ทุกอย่างมันจะต้องตรงตามที่ผมอยากจะให้มันเป็น ดังนั้นสิ่งต่างๆ ที่ผ่านมามันก็เป็นเหมือนอุปสรรคที่ทำให้ผมแข็งแกร่งขึ้น และผมเองก็เชื่อว่าถ้าผมยอมแพ้ มันคงไม่ใช่ตัวผม
คุณมีคำคมอะไรไหมที่เอาไว้ย้ำเตือนตัวเองเวลาที่คุณรู้สึกไม่โอเคมากๆ
ฟาบิโอ เรอิส : คำคมเหรอ ผมจะไม่ยอมแพ้ในวันพรุ่งนี้ ใช่ มันทำให้ผมก้าวต่อไปเรื่อยๆ ผมจะไม่ยอมแพ้ในวันพรุ่งนี้ แล้วพอวันพรุ่งนี้มาถึงมันก็เหมือนเดิม ผมก็จะพูดกับตัวเองแบบเดิม คำนี้ก็จะไม่มีวันจบ ดังนั้นวันที่ผมจะยอมแพ้ก็ไม่เคยมาถึงผม
หมายความว่าคุณจะไม่มีวันยอมแพ้ตลอดกาล
ฟาบิโอ เรอิส : ใช่ ผมจะไม่มีวันยอมแพ้ตลอดไป จนกว่าวันพรุ่งนี้จะมาถึง และเราก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่วันพรุ่งนี้นั้นจะมาถึงถูกไหม
คุณช่วยแชร์เป้าหมายหรือแพลนของคุณที่ต้องการทำร่วมกับ ONE Championship หน่อย
ฟาบิโอ เรอิส : กับ ONE Championship ใช่ไหม อย่างแรกเลยคือต้องได้เซ็นสัญญาก่อน หลังจากนั้นก็เริ่มไต่อันดับขึ้นไป แล้วก็จะท้าแข่งใน 1 ของ 5 อันดับสูงสุด ผมเชื่อว่าผมก็น่าจะมีคุณสมบัติที่จะแข่งได้ และหลังจากนั้นก็จะท้าแข่งอีกครั้ง เพราะผมอยากจะแข่งเพื่อชิงเข็มขัดแล้วก็จะเป็นแชมป์
คุณมีอะไรที่อยากจะบอกครอบครัวของคุณไหม
ฟาบิโอ เรอิส : อยากจะบอกว่าผมคิดถึงครอบครัวของผมมาก ประมาณปีหนึ่งได้แล้วที่ผมไม่ได้เจอพวกเขาเลย ผมหวังว่าจะได้พบกันเร็วๆ นี้เพราะว่าผมคิดว่าผมกำลังจะมีแข่งเร็วๆ นี้ หลังจากแข่งเสร็จบางทีผมอาจจะต้องหาเวลาไปเจอพวกเขาบ้างแล้ว แต่ก็นั่นแหละ ผมคิดถึงเขามาก ผมคิดถึงเพื่อนผม เพื่อนรัก 2 คน
คิดถึงน้องสาว แล้วก็พ่อของผม จริงอยู่ที่เราคุยกันตลอด เราคุยกันทุกวันเลย เราติดต่อหากันเสมอ แต่มันก็ยากมากจะที่หาเวลาไปเจอกัน แค่อยู่ด้วยกันก็พอ มันไม่ต้องมีอย่างอื่นเลย แค่ได้ใช้เวลาอยู่กับพวกเขาก็พอ
การอาศัยอยู่ที่ประเทศไทยของผมนั้นดีมาก ชีวิตผมโอเค สิ่งต่างๆ กำลังไปในทิศทางที่ดี ผมรักประเทศนี้ ประเทศนี้น่าตื่นตาตื่นใจตั้งแต่ครั้งแรกที่ผมมาที่นี่ ผมชอบประเทศนี้มาก มันเป็นที่ที่ผมอยากอยู่ ประเทศนี้มันร้อน ฝนก็แทบไม่ค่อยตก แต่ผมชอบมันมากๆ เลย
ผมสามารถมีอิสรภาพได้ที่ประเทศนี้ เพื่อที่จะเป็นคนที่ผมอยากจะเป็น ในประเทศโปรตุเกสผมไม่ได้มีอิสรภาพแบบนี้ ในประเทศของผมมันเป็นเรื่องที่ยากมากที่จะเป็นนักมวย คุณต้องขึ้นรถไฟ ขึ้นรถบัสแล้วก็ไปนู่นไปนี่ ไปที่ต่างๆ เพื่อจะได้ไล่ตามความฝัน ก็นั่นแหละ ผมเพียงแค่คิดถึงครอบครัวของผม
คุณอยากจะขึ้นชกกับใครหรือไม่ ถ้าหากคุณเลือกได้
ฟาบิโอ เรอิส : ถ้าวันหนึ่งมันเป็นไปได้ผมอยากจะขึ้นชกกับ.. แต่ผมไม่รู้นะว่ามันจะเป็นไปได้ไหม แต่ผมคิดว่าผมอยากขึ้นชกกับ เลียม เเฮร์ริสัน มันคงจะเป็นการแข่งขันที่เยี่ยมระหว่างผมและเขา เขาเป็นหนึ่งในคนที่ผมเห็นแล้วอยากจะแข่งขันด้วยสักครั้ง มันเป็นเหมือนกับการแข่งขันในฝันของผม
การแข่งขันในฝันของผมคือ เลียม แฮร์ริสัน เพราะว่าเขาเป็นชาวต่างชาติคนหนึ่งที่มามีชื่อเสียงด้านนี้ในประเทศไทย เขาเป็นเหมือนกับความสำเร็จชิ้นใหญ่เลย แต่ผมก็ไม่รู้ว่าผมจะได้รับโอกาสนั้นจริงๆ หรือไม่ เพราะว่าผมรู้สึกเหมือนกับว่าเขาใกล้จะลาวงการแล้ว เขามีอาการเจ็บที่หัวเข่า แต่ก็นั่นแหละ การแข่งขันที่ผมฝันอยากจะขึ้นชกสักครั้งคือ เลียม เเฮร์ริสัน
คุณมีนักมวยไทยคนไหนที่อยากขึ้นชกด้วยไหม
ฟาบิโอ เรอิส : นักมวยคนไทยเหรอ ผมอยากจะขึ้นชกกับ น้องโอ๋ ฮาม่ามวยไทย ผมอยากจะแข่งกับเขา น้องโอ๋ ถือว่าเป็นนักมวยที่บ้าดีเดือดเช่นกัน เพราะว่าเขารักษาแชมป์มาได้นานมากแล้ว ผมก็อยากจะลอง
คนมักชอบบอกผมว่า ทำไมผมไม่ท้าแข่งกับ โจนาธาน แฮ็กเกอร์ตี แต่คุณก็รู้ แฮ็กเกอร์ตี เพิ่งจะเริ่มเข้ามาในวงการนี้ แต่ น้องโอ๋ เนี่ยเขาอยู่มานานมากๆ แล้ว เขาเป็นเหมือนกับแชมป์ที่โดดเด่นคนหนึ่ง ถ้าผมสามารถสู้กับเขาได้ มันคงจะเป็นการบรรลุเป้าหมายที่ใหญ่อันหนึ่งเลย
แต่ตอนนี้ผมเองก็ต้องบอกว่าผมก็ยังไม่พร้อม ผมยังมีประสบการณ์ที่น้อยอยู่ ถือว่าบอกกันตามตรงเลย แน่นอนว่าผมต้องรอเวลาอีกสักหน่อยก่อน ผมจำเป็นต้องถ่อมตัวเข้าไว้ แล้วก็ทำความเข้าใจว่าผมยังไม่ถึงขั้นนั้น แต่ก็สักวันหนึ่ง
คุณสนใจจะแข่งศิลปะการต่อสู้แบบผสมหรือว่าคิกบ็อกซิ่งไหม
ฟาบิโอ เรอิส : แน่นอนว่าผมอยากจะขึ้นชกในการแข่งขันศิลปะการต่อสู้แบบผสมเช่นกันในอนาคต มันเป็นอะไรที่ผมกำลังเริ่มต้นปูทางอยู่ จากเส้นทางการฝึกซ้อมของผมในวงการใต้ดินและคิกบ็อกซิ่งนั้น คิกบ็อกซิ่งเป็นอะไรที่สนุกมาก มันเป็นเกมเร็ว มันดุเดือด ผมเองก็อยากจะขึ้นชกในเวทีคิกบ็อกซิ่งอีกครั้งเช่นกัน
- สัมภาษณ์และแปลโดย กชพร อมรกิตติเกษม