เป็นหนึ่งในคนบันเทิงที่ลงสนามการเมืองจริงจังเป็นครั้งแรก และได้รับเสียงยอมรับจากประชนด้วยคะแนนเสียงอย่างท่วมท้นในการเลือกตั้ง 2566 สำหรับ “หมิว สิริลภัส กองตระการ” อดีตดาราสาวที่ออกมาคอลเอาต์เหตุการณ์บ้านเมือง รวมถึงการทำงานของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา มาโดยตลอด ก่อนจะตัดสินใจประกาศลงสู่สนามการเมืองอย่างเป็นทางการ สังกัดพรรคก้าวไกล ลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.กรุงเทพมหานคร เขต 14 เขตวังทองหลาง เฉพาะแขวงคลองเจ้าคุณสิงห์ และ เขตบางกะปิ ซึ่งผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการเธอได้รับคะแนนเสียงมาเป็นอันดับ 1 ส่งให้เธอได้เป็น ส.ส. สมดั่งความตั้งใจ
หมิว สิริลภัส เปิดตัวว่าเธอมีความสนใจในทางการเมือง จากการขับรถรับส่งผู้ชุมนุมที่ตกค้างออกหลังเกิดเหตุสลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2564 ไม่เพียงเท่านั้นเจ้าตัวได้ออกมาเคลื่อนไหวบนไอจีสตอรี่ ด้วยการโพสต์ภาพชู 3 นิ้วบนรถส่วนตัว ขณะไปรับ-ส่งผู้ชุมนุมที่อยู่ในม็อบคืนนั้น
ผลจากการรับส่งผู้ชุมนุมจนเป็นข่าว ทำให้เธอโดนแคนเซิลงานไปจนถึงโดนปลดออกจากการเป็นพิธีกร ไม่เพียงเท่านั้น หมิว สิริลภัส ยังโดนคุกคาม ถูกชายแอบถ่ายในห้องน้ำปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งปากซอยรัชดาภิเษก 32 ก่อนจะมีการสืบสวนพบว่าผู้ก่อเหตุเป็น “สิบตำรวจโท” ผู้บังคับหมู่จราจร สน.ทุ่งมหาเมฆ จนกลายเป็นข่าวดังในช่วงนั้น
แต่ที่หนักกว่านั้นคือการที่หมิว สิริลภัส โดนยกเลิกสัญญาก่อนกำหนดจากช่อง 7 ที่เจ้าตัวสังกัดอยู่ ซึ่งคาดว่าเป็นผลมาจากการที่เธอใช้คำพูดค่อนข้างรุนแรงในการวิพากษ์วิจารณ์สถานการณ์บ้านเมือง ซึ่งเจ้าตัวก็ได้ออกมาโพสต์ข้อความถึงเรื่องนี้ พร้อมขอบคุณผู้ใหญ่ทุกคนในช่องที่ให้โอกาสกับเธอมานานถึง 10 ปี
“เมื่อวานนี้ 30 มิถุนายน 2564 มีจดหมายจากช่องส่งมาถึงหมิวที่บ้าน เนื้อหาเป็นการยกเลิกสัญญาก่อนกำหนด ซึ่งกำหนดหมดสัญญาของหมิวคือ 31 ธันวาคม 2565
ถึงแม้ว่าจะต้องออกจากบ้านหลังนี้ก่อนกำหนด แต่หมิวกล้าพูดได้เต็มปาก ว่าหมิวสามารถจัดอยู่ในหมวด “พนักงานดีเด่น” ก็ว่าได้นะคะ ทุกๆ งานที่ได้รับมอบหมาย ไม่ว่าจะเป็นละคร หรือ พิธีกร หมิวทุ่มเทสุดตัว ทำการบ้าน วิเคราะห์คาแรคเตอร์ ขวนขวายหาเรียนการแสดงเพิ่มเติม ฝึกอ่าน ฝึกพูด ฝึกจนกว่าจะเรียกว่า “ได้แล้ว” ของหมิว ซึ่งได้แล้วของหมิวคือต้องดีที่สุด
10 กว่าปีที่อยู่บ้านหลังนี้มา พี่ๆทุกคนดูแลและเอ็นดูหมิวมากๆ ไม่ว่าจะงานอะไร ก็จะมีชื่อหมิวเสนออยู่ในนั้นตลอด รายการที่ทำ ตั้งแต่ หมอชิต ติดจอ รายการบันเทิง อ่านข่าวบันเทิง หรือแม้กระทั่งเป็นตัวสแตนบายเวลาพิธีกรหลักท่านไหนไม่ว่าง ทุกคนก็จะนึกถึงหมิว ขอบคุณมากๆเลยนะคะ ฝ่ายรายการ ฝ่ายข่าวบันเทิง ฝ่ายละคร สำหรับการให้โอกาสดีๆ ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา
ต้องขอโทษช่องด้วยที่หมิวทำพฤติกรรมไม่เหมาะสม เป็นเหตุให้ช่องต้องยกเลิกสัญญาก่อนกำหนด หมิวน้อมรับผิด และหวังว่า วันหนึ่งช่องจะเอ็นดูให้หนูได้กลับมาร่วมงานกันบ้างนะคะ
ต่อไปนี้ หมิวก็ต้องออกมาผจญภัยในโลกที่ไม่มีบ้านคุ้มหัวแล้ว ทุกคนเอาใจช่วยหมิวด้วยนะ หมิวสัญญา ว่าหมิวจะยังคงเป็นคนทำงานที่มีคุณภาพ และจะตั้งใจกับทุกๆงานที่ได้รับมา หวังว่าจะมีโอกาสได้ร่วมงานกับที่ใหม่ๆ นะคะ คำหยาบของหมิว ถ้าไประคายหูใครต้องขอโทษด้วยนะคะ แต่สาบานด้วยเกียรติของตัวเองเลยว่า หมิวไม่เคยทำร้ายใครก่อน ไม่เคยคิดร้าย หรือว่าร้ายใครก่อน ถึงปากจะหมาไปนิด แต่ใจไม่หมานะคะ โอ๊ะ ไม่ได้สิ หมามันซื่อสัตย์ ใช้เปรียบเทียบกับคนขี้โกงไม่ได้
สุดท้ายนี้ ขอบคุณทุกคนที่อ่านจนจบนะคะ ทุกคนคือกำลังใจสำคัญของหมิว ไม่ต้องห่วง หมิวขอร้องไห้แปปเดียวแปปเดียวจริงๆ เดี๋ยวหมิวจะกลับมาค่ะ บ๊ายบ้านหลังนี้ หวังว่าจะมีโอกาสได้แวะเวียนมาเยี่ยมนะคะ”
โดยหลังออกจากช่อง หมิว ก็ยังคงเดินหน้าคอลเอาต์อย่างต่อเนื่องในทุกความอยุติธรรมที่เกิดขึ้นในสังคมไทย จนกระทั่งสิ้นปี 2565 หมิว สิริลภัส ประกาศผ่านทางหน้าเฟซบุ๊ก Sirilapas Kongtrakarn ว่าเธอขอเริ่มต้นบทบาทใหม่ในชีวิต ในฐานะ “ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. เขต บางกะปิ จากพรรคก้าวไกล”
“ปีใหม่นี้หมิวมีข่าวดีที่บอกเลยว่าเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิตมากๆ ตอนนี้เส้นทางนักแสดง พิธีกร ซี่งเป็นอาชีพที่หมิวรัก อาจจะต้องหยุดไว้แค่นี้
เมื่อ 1-2 ปีที่ผ่านมา ทุกคนถามว่า เสียใจมั้ย ที่ออกมา call out จนมีผลกระทบกับงาน หมิวก็จะบอกทุกครั้งว่า “สิ่งใดเกิดขึ้นแล้ว สิ่งนั้นดีเสมอ”
ครั้งนี้ก็เหมือนกัน ถึงแม้ว่าจะโดนหยุดเส้นทางนักแสดง พิธีกร ซึ่งเป็นอาชีพที่รักมากๆ 1 อาชีพแต่ปีนี้ขอเริ่มเส้นทางอาชีพใหม่ค่ะ ขออนุญาตแนะนำตัว
ดิฉัน สิริลภัส กองตระการ “ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. เขต บางกะปิ จากพรรคก้าวไกล”
หลังจากเป็นกระบอกเสียงมา 2 ปี วันนี้ มีโอกาสในการเข้าไปลงมือทำแล้วค่ะ ขอแค่โอกาสให้หมิวเท่านั้นเอง
เรื่องความทุ่มเท ความตั้งใจ คงพิสูจน์ให้ได้จากผลงานการแสดง พิธีกร ที่ผ่านมาแล้ว ถึงสายงานจะต่าง แต่ความตั้งใจ100% เหมือนเดิม ขอเปลี่ยนจากการใช้ความบันเทิงสร้างความสุข มาเป็นการแก้ปัญหาที่ต้นตอให้คนมีความสุขที่ยั่งยืน
มาเป็นส่วนหนึ่งในการเปลี่ยนแปลงและขอกำลังใจให้หมิวด้วยนะคะ ขอบคุณทุกๆการเปลี่ยนแปลง ขอบคุณที่ยังมีชีวิตอยู่ ฝากเนื้อฝากตัวกับชาวบางกะปิด้วยนะคะ เจอกันที่ไหนแวะมาทักทาย ฝากข้อเสนอแนะ หรือฝากปัญหาในพื้นที่ได้เลยค่ะ พร้อมทำงานมากๆ”
หลังประกาศตัวลงการเมือง หมิว สิริลภัส รุกหนักลงพื้นที่แบกเป้ พร้อมไมค์และป้ายแนะนำตัวลงพื้นที่อย่างแข็งขันในทุกวัน เพื่อให้ประชาชนเห็นว่าเธอตั้งใจเข้ามาเปลี่ยนแปลงสังคมให้ดีขึ้นผ่านนโยบายของพรรคก้าวไกล
2 พฤษภาคม 2566 หมิว สิริลภัส ได้ขึ้นเวทีดีเบตของมติชน ในฐานะเลือดใหม่ของพรรค ในรอบ “Young blood วัดอนาคต” ถึงจุดเริ่มต้นที่ทำให้เธอเลือกเดินในเส้นทางการเมือง
“เราได้เคยไปเห็นความเหลื่อมล้ำ เราได้เคยไปเห็นชีวิตจริงที่มันยิ่งกว่าละครที่เราเคยเล่นมา เราได้ทำพิธีกรรายการหนึ่ง ได้ไปเห็นเด็กที่หลุดออกจากวงโคจรการศึกษา เพียงเพราะว่าที่บ้านเขาไม่มีเงินส่ง ได้ไปเห็นบ้านบ้านหนึ่งที่ต้องทำงานเก็บเงินทั้งเดือนเพื่อที่จะเช่ารถหนึ่งคัน พาลูกที่มีโรคประจำตัว ไปหาหมอที่โรงพยาบาลหัวเมือง ไปเจอน้องชายคนหนึ่งที่ทั้งชีวิตใช้อยู่กับพ่อที่ป่วยติดเตียงสองคน แล้ววันหนึ่งโดนจับใบแดงเข้ากรมทหาร เราเกิดคำถามที่ว่าทำไม ทำไมภาษีที่เราจ่ายไปมันถึงรองรับสวัสดิการถ้วนหน้า รองรับระบบสาธารณูปโภค การศึกษา สาธารณสุขที่ดีให้กับคนไทยไม่ได้ ภาษาที่เราเสียไปในแต่ละปีเป็นล้านๆ บาทเลยนะคะ ทำไมถึงผันกลับมาเป็นสวัสดิการเพื่อรองรับคุณภาพชีวิตของคนไทยที่เป็นเจ้าของภาษีให้มีชีวิตที่ควรจะมีและควรจะได้ ไม่ได้ อันนี้คือคำถามแรกต่อคำถามที่ว่า ทำไมเราถึงมาลงเลือกตั้งครั้งนี้”
“ตอนที่เป็นนักแสดงหมิวออกมาคอลเอาต์ค่ะ เราทำได้แค่พูด พูดให้ดังขึ้นกว่าชาวบ้าน แต่ถ้าหมิวได้ก้าวเข้าไปเป็น ส.ส. ในสภา หมิวมั่นใจว่าหมิวจะสามารถเป็นตัวแทนประชาชน พูดให้ทรงพลัง พูดให้มันเสียงดังที่สุด พูดให้ความลำบากปากท้องของประชาชนมันเข้ไปถึงพวกที่อยู่ในสภา ให้ผ่านนิติบัญญัติ ผ่านกฎหมายนโยบาย ให้คนไทยมีชีวิตที่ดีที่มันควรจะมีและมันควรจะดีกว่านี้ได้”
“ก้าวไกลมีดีเอ็นเอที่ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นดารานักแสดง ไม่ว่าจะเป็นนักธุรกิจ อาชีพทหารอาชีพอื่นๆ แรงงานก็แล้วแต่ พวกเราทุกคนล้วนมีดีเอ็นเอที่เป็นคนธรรมดา คนธรรมดาที่แค่หวังว่าอยากจะมีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น คนธรรมดาที่ฝันว่าประเทศไทยมันจะดียิ่งกว่านี้ได้”
ในที่สุดวันชี้ชะตาก็มาถึง 14 พฤษภาคม 2566 หลังปิดหีบเลือกตั้ง และเข้าสู่กระบวนการนับคะแนน คะแนนของหมิว สิริลภัส ค่อยๆ เพิ่มขึ้นจนทิ้งห่างผู้สมัครคนอื่นแบบไม่เห็นฝุ่น โดยสามารถคว้ามาได้ถึง 42,187 คะแนน (คะแนนเบื้องต้นอย่างไม่เป็นทางการ)
ก่อนที่เจ้าตัวจะออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กและอินสตาแกรม sirilapas_mfp ขอบคุณคะแนนเสียงที่ประชาชนไว้วางใจมอบให้เธอ
ขอบคุณทุกๆคะแนนเสียงนะคะ
ขอบคุณที่ทุกคนส่งเสียงออกมาได้ “ดัง” และ “ทรงพลัง” ที่สุดค่ะ
ทุกคะแนนเสียงที่ได้มา มันไม่ใช่แค่คะแนน
แต่มันคือความฝันและความหวังของประชาชน
ทุกครั้งที่หมิวลงพื้นที่ สิ่งที่ทำให้เรามีแรงเดินต่อ
นอกจากกำลังใจจากประชาชน ก็คือ ความเชื่อที่ว่า
“ประเทศไทย ดีกว่านี้ได้”
“อนาคตของลูกหลานเรา ดีกว่านี้ได้”
เมื่อได้เข้าไปทำงาน หมิวจะทำงานให้คุ้มค่ากับเงินเดือน เหมือนทุกๆครั้งที่พูดไว้ไม่ว่าจะอยู่ในอาชีพไหน
ต่อจากนี้ไปเส้นทางใหม่กำลังเริ่มต้นขึ้น เป็นกำลังใจให้กับหมิวและพรรคก้าวไกลทุกๆคนด้วยนะคะ
มาร่วมกันสร้างประเทศไทยที่ดีขึ้นไปด้วยกันค่ะ
ถือเป็นชัยชนะในเส้นทางการเมืองครั้งแรกในชีวิตของ “หมิว สิริลภัส กองตระการ” ในเส้นทางการเมืองอย่างสง่างาม
สำหรับ หมิว สิริลภัส หลายคนรู้จักเธอในฐานะนักแสดงในสังกัดช่อง 7 ที่มักจะได้รับบทบาทเป็น “นางร้าย” เสียส่วนใหญ่ หมิวสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีจาก คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ด้วยผลการเรียนเกียรตินิยมอันดับ 2 จบการศึกษาระดับปริญญาโทจากสาขานิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีปทุม ด้วยเกรดเฉลี่ย 4.00 เคยผ่านเวทีการประกวดนางงาม ไม่ว่าจะเป็น รองชนะเลิศอันดับ 2 มิสทีนไทยแลนด์ประจำปี 2003 และ12 คนสุดท้ายจากเวทีประกวดมิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์ส 2552 ก่อนจะลงสมัครเป็น ส.ส. พรรคก้าวไกล กทม. เขต 14 และสามารถคว้าชัยมาได้ในที่สุด
โดยหมิว สิริลภัส เป็นหนึ่งในคนบันเทิงที่สอบผ่านการเลือกตั้งในครั้งนี้ ต่อจาก “เพชร กรุณพล เทียนสุวรรณ” ที่เป็นปาร์ตี้ลิสต์ลำดับที่ 21 ของพรรคก้าวไกล