ถือเป็นความสำเร็จที่น่าภาคภูมิใจอย่างยิ่งของคนที่เป็นดีไซเนอร์สายชุดราตรีนางงาม เมื่อชุดที่ตัวเองออกแบบ-ตัดเย็บ สวมใส่โดยนางงามที่มงลงในปีนั้น อย่างเช่น “กานต์ กาฬภักดี“ จากแบรนด์ “OAT COUTURE” ผู้รังสรรค์ชุดราตรีให้เหล่าสาวงามมาแล้วหลายเวที และในปีนี้กับความสำเร็จอีกครั้งบนเวทีนางสาวไทย เมื่อ “กานต์ ชนนิกานต์ สุพิทยาพร” สวมใส่ชุดราตรีจาก OAT COUTURE ทั้งรอบพรีลิมมินารีและไฟนอล ก่อนจะสามารถคว้ามงกุฎนางสาวไทยประจำปี พ.ศ. 2566 มาได้
FEED มีโอกาสได้พูดคุยกับ พี่โอ๊ต แห่ง OAT COUTURE ถึงจุดเริ่มต้นที่ได้มาทำชุดราตรีให้กับนางสาวไทยปีนี้ รวมถึงความสำเร็จเป็นปีที่สองติดต่อกัน เมื่อนางสาวไทยได้สวมใส่ชุดของ OAT COUTURE พร้อมมงกุฎแห่งเกียรติยศบนหัว
“สวัสดีครับ โอ๊ต จากร้าน OAT COUTURE นะครับ โอ๊ตเป็นไดเรคเตอร์ของร้าน OAT COUTURE ครับ“
แรกเริ่มเดิมที พี่โอ๊ตเล่าว่าจะไม่ได้ทำชุดให้กับผู้เข้าประกวดนางสาวไทยในปีนี้ แต่ได้เจอกับทีมพี่เลี้ยงของ “กานต์ ชนนิกานต์ สุพิทยาพร” ที่แนะนำว่าจะลงประกวดนางสาวไทย และถามว่า OAT COUTURE สนใจอยากจะทำชุดให้ไหม บวกกับได้คุยแล้วรู้สึกแฮปปี้กับตัวนางงาม นั่นเป็นจุดเริ่มต้นของการมาทำชุดราตรีให้กับเจ้าของตำแหน่งนางสาวไทยปี 2566
“เวลามีน้อย” สิ่งสำคัญคือต้องอิงกับบริบทเวทีและตัวนางงาม
โอ๊ต : ด้วยระยะเวลามันน้อยเลยอิงไปที่เวทีก่อน ต้องดูว่ามีคณะกรรมการท่านไหนบ้าง โดยรวมมากกว่า 80% ชอบอะไร เวทีอยากหาอะไร มันค่อนข้างละเอียดนะ ถ้าสังเกตชุดนางสาวไทยที่พี่โอ๊ตทำตั้งแต่ปี “มานิต้า ดวงคำ ฟาร์เมอร์” ที่ชุดสีเขียว บวกกับปีนี้ด้วย มันจะไม่เซ็กซี่มาก เซ็กซี่ได้แต่ไม่โป๊ จะต้องมีความราชนิกูลนิดๆ มีความลูกคุณนิดนึง พวกนี้มันเป็นแมสเซจที่สื่อออกมาว่า ใส่ชุดมาปุ๊บแล้วรู้เลยว่า อ่อผู้หญิงคนนี้กำลังประกวดเวทีไหนอยู่ อันนี้โอ๊ตคิดอย่างนี้นะ
ความที่น้องกานต์เป็นหน้าไทยพิมพ์นิยม หน้าไทยแท้ ไม่ได้หน้ารูปไข่ เป็นหน้าแป้นมีโหนกแก้ม ซึ่งโอ๊ตคุยกับน้องกานต์ตรงๆ ว่า หนูจะต้องภูมิใจในหน้าแป้นๆ ของเรานะ หน้าแป้นในที่นี้ไม่ใช่ไม่ดีนะครับ ในความเป็นคนไทยแท้พิมพ์นิยม หน้าจะแป้น มีโหนกแก้ม เวลายิ้มก็จะมีความฉีกกว้าง ซึ่งเป็นเสน่ห์ที่กานต์ต้องภูมิใจนะในหน้าตาตรงนี้ เขาเองเขาภูมิใจอยู่แล้วแหละ แต่เราจะตอกย้ำให้เขารู้ว่าเขาโชคดีมากที่เกิดมาหน้าไทยแท้ขนาดนี้
โอ๊ต : เขามีความเป็นไทยที่หาได้ยากในนางงามสมัยนี้ เราก็เลยคิดแล้วว่าใส่อะไรก็ได้แต่ขอให้มีความเป็นไทยอยู่ด้วยในวันพรีลิม ต้องมีความสไบหน่อย ส่วนสีชมพูเขาเลือก ประจวบเหมาะสีชมพูในวันนั้นเป็นวันดีด้วย แล้วไฟนอลก็เป็นสีขาว ซึ่งโอ๊ตติงไปก่อนตอนแรก คือในฐานะของคนทำชุดเราจะรู้ว่าสีขาวเป็นสีที่อยู่บนเวทีแล้วหาย ดีไซเนอร์สังเกตจะไม่ค่อยทำหรอกสีขาว ก็จะต้องไปผสมกับซิลเวอร์ แต่เราไม่สามารถผสมกับซิลเวอร์ได้ เพราะว่าส่วนตัวเป็นคนเชื่อเรื่องสีกาลกิณี วันอาทิตย์มันตรงกับกาลกิณีสีซิลเวอร์ สีเทา ก็ไม่สามารถทำได้อีก ไม่สามารถดันสีออกมาได้
คราวนี้เราก็เลยมาคิดกันกับช่างเทคนิค พี่จิ๊บกับน้องๆ ทุกคนว่าเราจะต้องทำยังไงดี ให้สีขาวไม่จมแล้วด้วยเขาเป็นคนขาวด้วย เราก็เลยต้องเอาแผงคอตรงนี้เข้ามาช่วยให้เขาดูสง่าขึ้น แล้วก็ซับในข้างในเราต้องขึงด้วยผ้าซิลซาตินแบบอย่างบางอย่างดีที่สุด ที่เหลือจะต้องซีทรูเป็นขาเพื่อให้มันมีความโปร่ง แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจทำสีขาว เพราะเชื่อว่าสีขาวจะพาเขามง
แรงบันดาลใจของทั้งสองชุด
โอ๊ต : ชุดสีชมพูมาจากชุดไทยเป็นหลัก ชุดไทยพระราชนิยมและชุดไทยจักรีเข้ามาช่วย แต่มันก็มีปัญหาอีก คือตอนแรกมันไม่ใช่ชุดนี้ ตอนแรกตั้งใจจะเป็นไทยดุสิต ซ้ายขวาแบบสมมาตรเท่ากัน ลองไปแล้วเขาชอบมากนะ น้องกานต์บอกว่าหนูชอบ หนูไม่เคยใส่อะไรอย่างนี้มาก่อน เราก็เคารพในความชอบของเขา แต่เราเป็นคนทำเองเรากลัวไม่ชอบ ชุดมันมีความสง่ามาก แต่ความสง่านั้นมันเกินคาแรกเตอร์ของคนใส่ เราดูแล้วเซนต์มันบอกว่าชุดนี้มันเกินเขา เกินในที่นี้หมายความว่า มันคนละทางกับคาแรกเตอร์เขา ก็คุยกันกับทั้งร้านเลยว่าชุดนี้กานต์ใส่สวยมากเลยนะ แต่มันไม่ใช่กานต์ ก็เลยถือวิสาสะไม่บอกพี่เลี้ยงเขาด้วย ไม่ใช่ไม่อยากบอกนะแต่มันไม่มีเวลาจริงๆ จัดการรื้อใหม่ทั้งหมด แล้วก็ค่อยโทรไปบอกเขาว่า โอ๊ตขออนุญาตเปลี่ยนนะคะ เพราะจากเซนต์มันไม่ได้จริงๆ
โอ๊ต : พี่ไม่มีเวลาบอกจนขนาดไหนรู้ไหม จนที่วันซ้อมพรีลิมตอนเอาชุดไปส่งให้กานต์ น้องบอกว่า “เอ่อ พี่โอ๊ตขาวันนี้ชุดยังไม่เสร็จใช่ไหมคะ ไม่เป็นไรนะเดี๋ยวหนูใส่ชุดนี้ไปก่อน ชุดนี้ก็สวยเหมือนกัน” พี่บอกว่าไม่ใช่ลูกอันนี้เป็นชุดของหนูเอง พี่ขออนุญาตเปลี่ยนจริงๆ เราบอกเขาว่า “ขอให้น้องกานต์เชื่อในตัวพี่ว่าพี่ตั้งใจทำให้มันออกมาดีที่สุด และมันจะไม่พลาดแน่นอน ไม่ต้องกังวลว่าชุดถูกเปลี่ยนเป็นแบบไหน” แต่ว่าด้วยความเด็กคนนี้ คนจะมงจะมีอะไรแบบนี้ น้องตอบกลับมาว่า “ไม่มีปัญหาค่ะ หนูเอาอยู่”
อินเนอร์เขาดีมาก ดีจนถามว่าชุดมันสวย จนคนโอ้โหชุดสวยจังเลยเหมือนที่ผ่านๆ มาไหม สวย แต่ไม่ได้ว้าว แต่มันคือองค์รวมและเราตั้งใจให้มันเป็นองค์รวม คือเราตั้งใจว่าชุดไม่ต้องเด่น แต่ขอส่งให้หน้าคนเด่น เพราะมันเป็นวันพรีลิม และองค์รวมทั้งหมดต้องดี มันเป็นบริบทของนางสาวไทยที่พี่โอ๊ตตีความเอง ว่าอยากให้มันหรูหราแบบนี้ อยากให้มันคงคอนเซ็ปต์นางสาวไทยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ต่อให้มันเปลี่ยนมาแล้วไม่รู้กี่สิบปี ก็ขอให้มันยังมีภาพนางสาวไทยอยู่
โอ๊ต : มาถึงชุดวันไฟนอล มีความยากตรงที่ว่าต้องทำยังไงให้มันเกินบริบทเวที แต่ยังคงมีความหวานมีความคลาสสิกอยู่ ตอนแรกจะเป็นเกาะอกอย่างเดียว พอใส่มาปุ๊บไม่ได้เซ็กซี่เกิน มันดูกึ่งไปทางโป๊ คราวนี้พี่โอ๊ตก็เลยเอาตรงปักแผงคอเข้ามาปัก พอรวมกันปุ๊บใช้ได้ แต่ทั้งหมดทั้งมวลเชื่อไหมว่าพี่โอ๊ตได้แรงบันดาลใจมาจากอะไร คือที่ห้องนอนจะมีตัวดักฝันอยู่ มันจะเป็นแบบสานๆ แล้วมีขนนกสีขาว อีกอย่างหนึ่งคือความหมายมันก็ดีด้วย มันดักแต่สิ่งดีๆ ถ้าคนเชื่อนะครับ (ยิ้ม) ก็เลยได้แรงบันดาลใจมาจากที่ดักฝัน
ในชุดถ้ามองเห็นปุ๊บจะรู้เลยว่ามันเป็นแพทเทิร์นเดียวกัน ข้างบนเป็นสานๆ เอามาผสมขนนกข้างล่าง ก็เป็นครั้งแรกที่ทำชุดสีขาวและเป็นครั้งแรกที่ใช้ขนนกอยู่บนเวที จริงๆ กลัวเชย กลัวจะซ้ำกับแบรนด์อื่น แต่ก็ตัดสินใจแล้วว่าจะทำ เบ็ดเสร็จออกมาคือแฮปปี้ครับ (ยิ้ม)
ความสำเร็จครั้งที่สอง บนเวทีนางสาวไทย
โอ๊ต : ดีใจ มีคนพูดถึงเยอะมาก ในเพจนางงามก็เอาไปลงเยอะแล้วคนก็ชื่นชมว่า กลายเป็นว่าถ้าใครอยากมงก็มาใส่ OAT COUTUREร์ อะไรอย่างนี้ จริงๆ ไม่ใช่นะ มันมีหลายชุดมากเลยนะที่พี่โอ๊ตทำแล้วน้องไม่ได้มง อย่างที่บอกเราไม่ได้เลือกเฉพาะทำให้แต่คนที่มีกระแส เราทำให้ทุกคนที่เราอยากทำให้และเขาอยากให้เราทำให้ พอปีมานิต้าได้แล้วก็มาปีนี้น้องกานต์ได้ เราก็รู้สึก เออ ก็เป็นตำนานดี มีอะไรให้รู้สึกว่ามันกระชุ่มกระชวยในการทำงาน มันเหมือนเป็นโปรไฟล์ด้วย อันนี้ก็ต้องขอบคุณด้วยที่น้องกานต์เขาพาชุดเราไปให้ได้มง
“เชื่อมั่นในตัวเอง” คือสิ่งที่อยากบอกรุ่นน้องดีไซเนอร์
โอ๊ต : มีน้องดีไซเนอร์เขาพูดว่าพี่โอ๊ตโชคดีจังเลยเนอะ ดวงดีจังเลยได้แต่งานดี ได้แต่อะไรเข้ามาอย่างนี้ ก็จะฝากถึงดีไซเนอร์ทุกๆ รุ่น ในความรู้สึกของพี่โอ๊ตมันไม่ใช่ดวง แล้วมันไม่ใช่โชค มันเป็นความเชื่อที่เราเอาไว้ยึดเหนี่ยวจิตใจเฉยๆ ว่า เฮ้ยฉันดวงดีแหละ จะได้มีกำลังใจ ฉันมีโชคที่ดีแหละ มีคนเข้ามาหา ไม่ใช่นะครับ เทคนิคง่ายๆ เลย ถ้าอยากได้งานดีๆ เข้ามาอยากได้อะไรเข้ามา หนึ่งเลยต้องภูมิใจในตัวเองก่อน เชื่อมั่นในตัวเอง
เทียบง่ายๆ เลยสมมติว่ามีสินค้าอยู่สองสินค้าตรงหน้าเรา คุณสมบัติเหมือนกันหมดทุกอย่าง แต่ถ้าแบรนด์ใดแบรนด์หนึ่งมีความน่าเชื่อถือมากกว่ากัน นั่นน่ะคือตัวที่เราจะเลือก กำลังจะเชื่อมโยงมาทางพี่โอ๊ตว่า ทุกวันนี้พี่ ทีมงานทุกคนไม่ใช่เฉพาะพี่ ทีมงานทุกคนเราตั้งใจมากที่จะให้ทุกคนเชื่อถือในแบรนด์เรา ไม่ว่าจะเป็นด้านชุดแต่งงาน ด้านชุดราตรีหรือทุกๆ อย่างที่ได้รับมอบหมาย เราตั้งใจและอยากให้เป็น และพยายามที่จะให้เป็นที่น่าเชื่อถือ เพราะอะไร มันเกิดความสบายใจทั้งคนที่เข้ามาหาเราและเราก็สบายใจที่จะมอบงานให้เขา ถ้าเขาเชื่อถือเราเขาจะเข้ามาเองครับโอกาสที่ดี
ในเรื่องของชุด เราตั้งใจกันมาก บางอย่างมันอาจจะไม่ได้ถูกใจบางท่านหรือหลายๆ คนก็เป็นเรื่องปกติของความสวยความงาม มันก็ต้องมีคนทั้งชอบและไม่ชอบ แต่ว่าโดยรวมแล้วภูมิใจและดีใจมาก อย่างครั้งนี้กานต์เขาใส่ชุดของโอ๊ต โอ๊ตภูมิใจตั้งแต่เขาใส่ ไม่ได้ภูมิใจตอนที่เขาได้มง มันภูมิใจตั้งแต่ตอนทำเสร็จอยู่ในหุ่น ดีไซเนอร์พอเห็นผลงานอยู่ในหุ่นก็ภูมิใจแล้ว พอไปอยู่บนตัวคนสวยๆ แบบน้องกานต์ยิ่งภูมิใจเข้าไปใหญ่ ยิ่งเป็นโบนัสอีก แต่พอยิ่งเขาไปมีมงกุฎอันทรงเกียรติอีกอยู่บนหัวอีก ยิ่งเหมือนได้โบนัสมา 3 ปี มันภูมิใจตั้งแต่ทำชุดเสร็จแล้ว ที่เหลือมันคือกำไรที่เพิ่มมาเรื่อยๆ เหมือนฝากเงินแล้วได้ดอก อย่างนั้นเลย
โอ๊ต กานต์ กาฬภักดี
“กว่าเราจะสร้างมาตรฐานของเราให้น่าเชื่อถือได้แบบนี้ เราแลกมาด้วยความเหนื่อย พูดแล้วฟังดูเหมือนไม่มีอะไรแต่มันเหนื่อยจริงๆ ทุกคนเหนื่อย เพื่อจะทำให้แบรนด์เราน่าเชื่อถือ ฉะนั้นบางท่านที่เข้ามาแล้วเราปฏิเสธ อย่าโกรธ เพราะว่าบางอย่างเรายังพยายามสร้างตัวตนให้เป็นมืออาชีพ เพื่อร่วมงานกับมืออาชีพ ก็อยากให้เข้าใจกัน ไม่ได้เลือกเฉพาะคนสวย ไม่ได้เลือกเฉพาะคนที่มีกระแส สังเกตได้มีหลายคนที่ไม่ได้มงครับ ยังไงก็ขอฝากไว้ทั้งสองชุด สำหรับร้าน OAT COUTURE ด้วยครับ“