การประชันความงามของเวทีการประกวดนางสาวไทย 2566 เกิดขึ้นภายใต้นิยาม “The Ultimate Precious ที่สุดแห่งความล้ำค่า” เพื่อเฟ้นหาสาวงามเพียงหนึ่งเดียวมาดำรงตำแหน่ง “นางสาวไทยคนที่ 54” และ ทูตการท่องเที่ยวและวัฒนธรรม ขับเคลื่อนความล้ำค่าของไทย จาก Local สู่เลอค่า สู่สายตาทั่วโลก ได้จบลงไปแล้วอย่างสวยงาม โดยในปีนี้ได้ “กานต์ ชนนิกานต์ สุพิทยาพร” สาวงามวัย 24 ปี จากจังหวัดเชียงใหม่ มาเป็นดำรงตำแหน่งนางสาวไทยคนที่ 54 ของเวทีนับตั้งแต่จัดการประกวดมา
FEED ได้รวบรวม 11 ไฮไลท์ที่สำคัญการประกวดนางสาวไทย ประจำปี พ.ศ. 2566 มาได้ได้ชมกันอีกครั้ง
1. กลับไปใช้รูปแบบของการจัดประกวดในปี พ.ศ. 2545
นั่นก็คือการคัดเลือกสาวงามแต่ละจังหวัดมาเป็นตัวแทน เพื่อเฟ้นหาสาวงามเพียงหนึ่งเดียวจากนางสาวไทยแต่ละจังหวัดที่มีคุณค่าทรงพลังและเฉลียวฉลาด Sweet, Strong and Smart ในสไตล์ผู้หญิงยุคใหม่ เพื่อมาดำรงตำแหน่ง นางสาวไทยคนที่ 54 และ ทูตการท่องเที่ยวและวัฒนธรรม
2. ศิษย์เก่า TPN Global เข้าร่วมประกวดอีกครั้ง
ได้แก่ “ลูกตาล สุรารักษ์ เกียรติสูงเนิน” จากมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2021, “ข้าวโอ๊ต ณดาพัน แกมเงิน” จากมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์2022 รวมถึงสาวงามที่เคยผ่านการประกวดนางสาวไทยในปีก่อนๆ ก็มาร่วมตามล่าความฝันบนเวทีนางสาวไทยอีกครั้ง
3. เก็บตัวที่จังหวัดพัทลุง
จังหวัดเมืองรองที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรมและความงดงามของธรรมชาติ ให้สาวงามได้ซึมซับวัฒนธรรม ไม่ว่าจะเป็น อาหาร สถานที่ท่องเที่ยว และธรรมชาติที่สวยงาม ท่ามกลางการต้อนรับของพี่น้องชาวพัทลุงอย่างอบอุ่น
4. นางสาวไทย ประจำปี พ.ศ. 2566 ส่งไปมิสเวิลด์
ผู้ครองตำแหน่งนางสาวไทย ประจำปี พ.ศ. 2566 จะถูกส่งเป็นตัวแทนเข้าร่วมการประกวดมิสเวิลด์ (Miss World) เวทีนางงามระดับนานาชาติที่มีความเก่าแก่เป็นอันดับหนึ่งของโลก
5. มงกุฎใหม่ “ลายศิลป์เชิงซิ่น สู่เศียรเกล้า”
รังสรรค์โดย “GOD DIAMONDS” ด้วยแรงบันดาลใจจากแนวคิด “จาก Local สู่เลอค่า” ผสานดีไซน์ด้วยลวดลายของผ้าซิ่น ผ้าทอพื้นบ้านของไทยในแต่ละภูมิภาคแต่ละจังหวัด ตัวเรือนมงกุฎ ออกแบบด้วย “ลายประจำยาม” ลายไทยลักษณะคล้ายดอกไม้สี่กลีบ ซึ่งเป็นลายที่มีใช้มาตั้งแต่สมัยทวาราวดี มาประดับที่ตัวเรือนมงกุฎ ประดับด้วยพลอยสีฟ้า น้ำเงิน หินเทอคอยซ์ รวมถึง “ไข่มุก” ที่ช่วยเสริมความอ่อนหวาน และเพิ่มความคลาสสิค
6. เวทีแบบใหม่แบบสับ
ยาวประหนึ่งรันเวย์เอาใจแฟนๆ นางงาม ให้ได้เห็นสาวงามงัดเพอร์ฟอร์แมนซ์การเดินแบบเต็มอิ่มจุใจ
7. นางสาวไทยจังหวัดเพชรบุรี ขอถอนตัวก่อนรอบพรีลิมมินารี
“น้อยหน่า พภัสสรณ์ รักษาสระน้อย” นางสาวไทยจังหวัดเพชรบุรี ขอถอนตัวก่อนรอบพรีลิมมินารี เนื่องจากปัญหาสุขภาพ
8. รางวัลพิเศษแบบจุใจทั้งรอบพรีลิมฯ และรอบไฟนอล
ปีนี้มีการมอบรางวัลพิเศษให้กับสาวงามผู้เข้าประกวดอย่างจุใจ รางวัลละ 50,000 บาท รวมมูลค่ารางวัลเกินครึ่งล้าน ไม่ว่าจะเป็น รอบไฟนอลได้แก่รางวัล ผิวสวยสุขภาพดี – ขอนแก่น, Miss Beauty Face – ลำปาง, Best of Stage Performance – กระบี่, Miss Confidentiality – ประจวบคีรีขันธ์ , Miss Smart Lady – ลพบุรี, Best of Spirit – พังงา, Best Publication of Thai Fabrics – อุบลราชธานี, Face of Elegance – บุรีรัมย์ , Best Charisma – อำนาจเจริญ และ Best Charming – ภูเก็ต
ขณะที่รอบพรีลิมมินารีเช่นกัน ได้แก่ รางวัล Lovely Sweetie – อุทัยธานี, Miss Healthy Beauty by Siam Inno Health – เชียงใหม่, Miss Hospitality by CENTARA HOTEL AND RESORTS – กำแพงเพชร และ รางวัลงามอย่างไทย by Aotura จากอำนาจเจริญ
พ่วงด้วยรางวัลพิเศษอีก 6 รางวัล ได้แก่
- BEST OF THAI RAMA 6 COSTUME รางวัลชุดแรงบันดาลใจในรัชกาลที่ 6 สู่คุณค่าวัฒนธรรมผ้าพื้นถิ่น คัดเลือกจากชุดที่ผู้เข้าประกวดสวมใส่ในงานพิธีรับมอบเข็มกลัดเกียรติยศที่ผ่านมา โดย พิมพ์ภัทรา ภาคบัว จากจังหวัดสุโขทัย
- BEST OF THAI NIGHT DRESS รางวัลชุดราตรีผ้าไทยยอดเยี่ยม คัดเลือกจากชุดราตรีผ้าไทยที่ผู้เข้าประกวดสวมใส่ในงาน Thai Night ได้แก่ มาริษา พลธิราช จากสกลนคร
- BEST OF DEBUTANTE DRESS รางวัลชุดเต้นรำเดอบูตองยอดเยี่ยม คัดเลือกจากชุดเต้นรำที่ผู้เข้าประกวดสวมใส่ในงาน Debutante Gala Night ได้แก่ อารียา แสนสุริยวงศ์ จากอุบลราชธานี
- BEST OF LANDMARK PORTRAIT รางวัลภาพถ่ายแลนด์มาร์กยอดเยี่ยม คัดเลือกจากภาพถ่ายคู่กับแลนด์มาร์กประจำจังหวัดของผู้เข้าประกวด ซึ่งคัดเลือกโดยช่างภาพกองประกวดและช่างภาพสื่อมวลชน มี 6 คน ได้แก่ ศิรินภา มูลปลา จากอ่างทอง, สุพรรษา วัฒนานุสิทธิ์ อำนาจเจริญ, มาริษา พลธิราช สกลนคร, อารียา แสนสุริยวงศ์ อุบลราชธานี, ศศิ สุริยจันทราทอง นครปฐม และ ชนนิกานต์ สุพิทยาพร จากเชียงใหม่
- BEST OF THE ULTIMATE PRECIOUS รางวัลวิดีโอที่สุดแห่งความล้ำค่า คัดเลือกจากวิดีโอที่นำเสนอเรื่องราวความเป็นที่สุดแห่งความล้ำค่าได้ดีที่สุด ผู้ที่ได้รับรางวัล ได้แก่ อารียา แสนสุริยวงศ์ MT 46 จังหวัดอุบลราชธานี
- รางวัลขวัญใจช่างภาพสื่อมวลชน ได้แก่ ชนนิกานต์ สุพิทยาพร จากจังหวัดเชียงใหม่
9. รางวัลพิเศษเพื่อกองเชียร์
“BEST SUPPORTER” เป็นรางวัลพิเศษที่มอบให้กับกองเชียร์ดีเด่น ที่ยกทัพมาส่งกำลังใจให้กับสาวงามจังหวัดของตน ซึ่งตกเป็นของกองเชียร์จากจังหวัดนครราชสีมา ที่ได้รับรางวัลพิเศษนี้ไป
10. ส่งต่อเจ้าภาพปีหน้า “พระนครศรีอยุธยา”
จังหวัดพัทลุง ในฐานะจังหวัดเจ้าภาพเก็บตัวปีนี้ ได้ส่งไม้ต่อให้กับจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นเจ้าภาพจังหวัดเก็บตัวในการประกวดนางสาวไทย ประจำปี พ.ศ. 2567 อย่างเป็นทางการ
11. สาวงามผู้ครองตำแหน่ง สวยสมมงแบบไม่ค้านสายตา
กานต์ ชนนิกานต์ สุพิทยาพร MT09 เชียงใหม่ สาวงามผู้คว้ามงกุฎนางสาวไทย เป็นคนที่ 54 ของเวทีนับตั้งแต่จัดการประกวดมา โดยถือเป็นตัวเต็งที่น่าจับตานับตั้งแต่เปิดตัว และทำผลงานได้ดีในทุกรอบๆ ไม่ว่าจะเป็นช่วงเก็บตัว รอบพรีลิมมินารี มาจนถึงรอบไฟนอล เรียกได้ว่าเป็นเต็งหนึ่งที่แฟนนางงามเชื่อว่าจะได้ไปยืนจับมือกับเพื่อนสาวงามอีกหนึ่งคนอย่างแน่นอน
นาทีที่ลุ้นระทึกที่สุด คงหนีไม่พ้นช่วงตอบคำถามวัดกึ๋นในรอบตอบคำถาม 3 คนสุดท้าย ที่สาวงามจะได้รับคำถามชุดเดียวกัน จากคำถามที่ถามว่า อดีตประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา อย่างบารัค โอบามา เคยกล่าวไว้ว่า “หากเราให้ผู้หญิงเป็นผู้บริหารประเทศมากกว่านี้ สงครามอาจเกิดขึ้นน้อยลง ในฐานะที่คุณเป็นผู้หญิงและพลเมืองโลกคนหนึ่ง คุณเห็นด้วยกับคำกล่าวนี้หรือไม่เพราะเหตุใด”
กานต์ ชนนิกานต์ ยิ้มรับหลังสิ้นการอ่านคำถามจากพิธีกร ก่อนจะตอบคำถามอย่างมั่นใจว่า
สำหรับกานต์ กานต์เห็นด้วยค่ะ ในฐานะที่กานต์เคยดำรงตำแหน่งนายกสโมสรนักศึกษาที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กานต์ได้พิสูจน์แล้วว่า การที่ได้มีผู้หญิงขึ้นมาเป็นผู้นำ มันไม่ได้ผิดแปลกเลย เราสามารถใช้ความอ่อนโยน การสื่อสารของเราสามารถช่วยให้ปัญหาทุกอย่างจบลงได้ เพียงแค่เราต้อง Put the right man on the right job ผู้หญิงก็สามารถทำได้เหมือนกันค่ะ
กานต์ ชนนิกานต์ สุพิทยาพร
เรียกเสียงปรบมือและเสียงกรีดร้องจากแฟนๆ ในแจ้งวัฒนะฮอลล์อย่างล้นหลาม ก่อนจะชนะใจกรรมการพร้อมคว้ามงกุฎนางสาวไทยไปในที่สุด
ส่วนรองอันดับ 1 ได้แก่ “กุ๊กกิ๊ก มาริษา พลธิราช” จากสกลนคร, รองอันดับ 2 “เบลล่า อะราเบลล่า สิตานัน เกรโกรี” จากพัทลุง, รองอันดับ 3 “ฟ้า กนกพร พยุงวงษ์” จากพระนครศรีอยุธยา และ รองอันดับ 4 “แอ้ม สุพรรษา วัฒนานุสิทธิ์” จากอำนาจเจริญ
สำหรับ กานต์ ชนนิกานต์ สุพิทยาพร นางสาวไทยคนที่ 54 ประจำปี พ.ศ. 2566 จะได้รับรางวัลมงกุฎเกียรติยศ เงินสด 800,000 บาท และรางวัลอันทรงเกียรติอื่นๆ อีกมากมาย ทั้งนี้นางสาวไทยจะร่วมปฏิบัติภารกิจสาธารณกุศลมากมาย เพื่อเป็นตัวแทนหญิงไทยแห่งยุคสมัยใหม่ ในฐานะภูมิปัญญาแห่งอนาคต รวมถึงเป็นกระบอกเสียงให้กับสังคม ส่งเสริมและยกระดับการศึกษาให้คนไทยทุกคนได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐาน สนับสนุนทุนการศึกษาให้กับเด็กที่ด้อยโอกาสทางศึกษา และเป็นทูตวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวอีกด้วย
และที่สำคัญคือจะได้เป็นตัวแทนหนึ่งเดียวไปประกวดเวทีระดับนานาชาติอย่าง “Miss World” เวทีนางงามระดับนานาชาติ ที่แฟนๆ นางงามไทย อยากเห็นตัวแทนสาวงามของไทยขึ้นไปคว้ามงกุฎได้สำเร็จอีกหนึ่งเวที