เรียกได้ว่าเป็นอีกศิลปินหนุ่มที่โลดแล่นในวงการบันเทิงมาตั้งแต่เด็ก สำหรับ “ทิกเกอร์-อชิระ เทริโอ” ลูกชายคนเดียวของศิลปินยุค 90 อย่าง “นิโคล เทริโอ” และ “แมว จิระศักดิ์” ล่าสุดทิกเกอร์ได้ประสบความสำเร็จในอีกขั้นของชีวิต กับการเป็นศิลปินเดี่ยวเต็มตัวคนแรกจากค่าย G’NEST สังกัด GMM Grammy
FEED ได้พูดคุยกับทิกเกอร์ ถึงเส้นทางกว่าจะมาเป็นศิลปิน รวมถึงที่มาของซิงเกิลเดบิวต์อย่าง “R U OK?” ที่ปล่อยออกมาให้แฟนๆ ได้ติดตามกัน จนทำเอากระแสตอบรับดีเกินคาด
ทิกเกอร์ : สวัสดีครับผม ทิกเกอร์ เทริโอ ครับ ศิลปินเดี่ยวคนแรกของค่าย G’NEST ใน GMM Grammy ครับผม
เป็นศิลปินเต็มตัวแล้วความรู้สึกตอนนี้เป็นยังไงบ้าง
ทิกเกอร์ : จริงๆ happy ที่สุดครับ ใช้คำอธิบายไม่ค่อยได้ แค่ดูจากตาจากหน้า ผมยิ้มตลอดเลยครับตอนนี้ คือมันเป็นความฝันตั้งแต่ผมหาดนตรีเจอครับ ตั้งแต่ผมเริ่มอินกับดนตรี ผมฝันถึงวันนี้มานานแล้วครับ so happy ที่สุดเลยครับ
ความรู้สึกการเป็น Solo artist คนแรกของค่าย G’NEST
ทิกเกอร์ : มันเป็นโมเมนต์ที่พอผมรู้ว่าจะเป็นศิลปินเดี่ยว มันเป็นโมเมนต์ที่มีหลายอารมณ์มากๆ ทั้งแอบกลัว กดดัน แต่ก็เปลี่ยนความรู้สึกกลับมาเป็นความรู้สึกบวกว่าแบบโอเค อันนี้เป็น motivation เป็นแรงบันดาลใจ ผมต้องพัฒนามากกว่านี้ เพราะถ้าเป็นศิลปินเดี่ยวตอนนี้จะรอดไหม ในใจผมและในแนวคิดของผมก็แบบไม่น่ารอด สำหรับผม standard ของผมครับ ไม่น่ารอดผมก็เลยพัฒนาพยายามพูดไทยให้เยอะขึ้น ฝึกเครื่องดนตรีให้เยอะขึ้น แล้วก็พยายาม perform ให้แบบปลดปล่อยทุกอย่างให้เป็นตัวเองร้อยเปอร์เซ็นต์แบบนั้นครับ
ใช้เวลาในการเป็นเด็กฝึกนานไหม
ทิกเกอร์ : ประมาณ 3 ปีครับ ฝึกร้อง เต้น แร็ปกับทุกอย่างอ่ะครับที่เทรนด์ที่นี่ผมก็ฝึกประมาณ 3 ปี แต่เครื่องดนตรี กีต้าร์ กลอง ผมก็ฝึกก่อนตั้งแต่ผมอายุประมาณ 11-12 ขวบครับ
3 ปี ฝึกหนักแค่ไหน
ทิกเกอร์ : ก็หนักเหมือนกันครับผม ก็เหมือนที่พูดไปผมไม่เคยเรียนเต้นหรือร้องมาก่อน หรือแร็ปด้วยครับ บุคลิกภาพของผม ผมก็ไม่รู้ว่าการเป็นศิลปินมันละเอียดขนาดไหน มันมีหลายอย่างที่ต้องพัฒนาก่อนที่จะเป็นศิลปินที่ดี สำหรับในมุมมองของผมอ่ะครับ ผมก็เลยต้องฝึกเต้นค่อนข้างเยอะ ฝึกทั้งที่ตึก และที่บ้านหลายชั่วโมง โดยเฉพาะการร้องครับ เพราะว่าผมก็เป็นคนที่ฟังเพลงเยอะ แล้วก็มีไอดอลเยอะเหมือนกัน แล้วผมก็อยากพัฒนาให้ถึงระดับไอดอลของผมด้วยครับ ก็เลยฟังเพลงของไอดอลพยายามร้อง แล้วก็เหมือนเอาสิ่งที่เป็น inspiring จากเพลงเขาปรับให้เป็นผมแบบนั้น หลายชั่วโมงทุกวันครับ
พ่อแม่ว่ายังไงบ้างหลังจากเป็นศิลปินเต็มตัว
ทิกเกอร์ : ก็ภูมิใจมากๆ ครับ ชมตลอดเลยครับ (หัวเราะ) เพราะความเป็นพ่อแม่อ่ะครับ ก็ชอบชมลูกครับ (หัวเราะ)
พ่อแม่เป็นสุดยอดนักดนตรีของเมืองไทย และแรงบันดาลใจของ “ทิกเกอร์”
ทิกเกอร์ : ผมเห็นเขาเป็นพ่อแม่ ก็แอบมีบางจังหวะที่ผมเห็นเขาเป็นศิลปิน เห็นเขาเป็นพี่แมว พี่นิโคล แล้วแบบอึ้งนิดนึง เพราะว่าตอนผมฝึกเป็นศิลปิน ผมก็กลับไปฟังเพลงเขาแบบจริงจัง เพราะว่าตอนเด็กๆ ผมก็ได้ยินอยู่ที่บ้าน คุณแม่อาจจะเปิดฟัง หรือพี่เลี้ยงเปิดฟังเพลงพ่อ เพลงแม่ ผมก็เหมือนตอนเด็กๆ ก็ไม่รู้ว่าเขายิ่งใหญ่ขนาดไหน เป็นรุ่นใหญ่ขนาดไหนผมก็ Ok, what is the my mom strong, cool แต่แบบตอนนี้คือผมฟังแบบจริงจัง พยายามแกะว่าทำไมเพลงนี้มันเวิร์ค ทำไมเขาเป็นศิลปินที่ดัง มันไม่รู้อ่ะครับ มัน I don’t know แบบเป็นไอดอลจริงๆ เป็นไอดอลของผมจริงๆ ครับ เพราะว่าผมก็ใช้เพลงเขาเป็นแรงบันดาลใจ ให้ถึงระดับของเขาได้แบบนั้นอ่ะครับ
ความคาดหวังในตัว “ทิกเกอร์” กับความเป็นซูเปอร์สตาร์ของพ่อแม่
ทิกเกอร์ : อันนี้ก็เคยมี เคยมีแอบคิดบ้างครับแต่ส่วนใหญ่ผมก็จะกดดันตัวเอง เพราะผมคิดมากครับ แล้วก็แบบ your parent a very famous และทิกเกอร์จะไปถึงจุดนั้นได้ไหม แต่จริงๆ เราไม่ได้ไปแนวเพลงเดียวกัน ไม่ได้ออกสไตล์เดียวกัน แล้วมันคนละยุคด้วยครับ ก็เลยมีหลายอย่างที่จะต้อง consider เพื่อปลอบใจตัวเองว่าโอเคอันนี้มันไม่ได้ซีเรียสขนาดนั้น ถ้าเป็นตัวตนคนดูก็จะเห็นว่าโอเคอันนี้เป็นศิลปินของเขาเอง ไม่ใช่เป็นศิลปินเพราะพ่อแม่ เขาเป็นศิลปิน เป็นศิลปินเพราะว่าผมอยาก ผมชอบศิลปะแบบนั้นครับ
ในวงการบันเทิงการแข่งขันสูง ทิกเกอร์เตรียมรับมือตรงนั้นยังไง
ทิกเกอร์ : ผมก็ต้องเป็นตัวตนอ่ะครับ เพราะว่าผมก็ไม่ได้คิดว่าจะต้องแข่งขัน ไม่ใช่ว่าผมแบบ It’s easy ไม่ใช่ว่าง่ายนะครับ แต่ถ้าคิดถึงการอยู่ในวงการบันเทิงเป็น compensation มันก็ไม่สนุก ผมต้องสนุกกับมันครับ แม้มีศิลปินหลายคนที่ประสบความสำเร็จมากกว่าผม หรืออะไรแบบนั้น It fine เขาก็เป็นศิลปินของเขาเอง เขาก็เป็นตัวตนของเขา This it’s ok ครับ ผมแค่มาเพื่อที่สนุกมาแจมกับทุกคน มาสนุกกับทุกคนนะครับ แค่นั้นเอง ผมไม่ได้คิดเป็น compensation ครับ
ในพาร์ทของชีวิตรู้สึกว่ายากไหม เหมือนเราก็อยู่ในแสงสปอร์ตไลท์มานานแล้ว
ทิกเกอร์ : อันนี้ถ้าพูดจากใจจริงๆ ผมทั้งชินและไม่ชิน เพราะเหมือนผมก็รู้ว่าคุณพ่อแม่มีชื่อเสียงมากขนาดไหน และผมก็รู้ว่าโอเคถ้าออกไปข้างนอกคนอาจจะนั่นลูกนิโคลใช่ไหม แต่ก็ยังไม่ชินด้วยเวลาคนมาขอถ่ายรูปแล้วแบบ โอ้ว Me จริงเหรอครับ ได้ๆ ครับ คือมันก็ยังมีความตื่นเต้นอยู่ครับ ตั้งแต่เด็กเลย
ตอนนี้เริ่มปรับตัวได้แล้ว ?
ทิกเกอร์ : ผมก็ยินดีที่จะถ่ายรูปที่จะคุยกับแฟนๆ ตลอดเลยครับ เพราะถ้ามีคนติดตามแล้วกล้ามาแบบ Say hi ผมก็ Hi ผมก็ไม่ได้มีปัญหาเลยครับผม ที่มีคนมาติดตามแล้วก็มาเจอผม แล้วก็มาทักแบบติดตามอยู่นะ มันเป็นแรงบันดาลใจเพิ่มไฟในตัวผมด้วยครับ เพราะมีคนติดตามผมก็อยากให้เขา happy ให้เขาเห็นคุณภาพของงานที่ผมทุ่มเท ตั้งใจทำมาหลายปีอ่ะครับ ก็เป็นแรงบันดาลใจมากกว่า
รู้สึกว่าตอนนี้ประสบความสำเร็จแล้วหรือยัง
ทิกเกอร์ : จริงๆ ก็…ความสำเร็จ โอเคอันนี้ตอบยากนิดนึงครับ เพราะผมยังพัฒนาได้มากกว่านี้ทั้งการร้อง เต้น การ perform ทุกๆ อย่าง จริงๆ ผมพัฒนาในการเป็นศิลปินแบบโดยรวมไปได้ไกลกว่านี้อีกเยอะเลยครับ ผมประสบความสำเร็จด้านความฝันเป็นจริงแล้ว แต่ก็ยังไปได้อีกไกลแบบนั้นครับ
ซิงเกิลเดบิวต์ R U OK?
ทิกเกอร์ : เพลงนี้ก็จะเกี่ยวกับคู่รักคู่นึงใช่ไหมครับที่เลิกกันไป แล้วมีคนนึงถามคนนึงด้วยความห่วงใยว่าไม่ใช่ถามแบบ Hey are you ok แต่ถามด้วยห่วงใย อยากรู้จริงๆ ว่า Are you ok because ตอนนี้ I’m ok, I move on ได้แล้ว ซึ่งเป็นการหักมุมในเนื้อเพลงครับ จากเป็นเพลงอกหัก Are you ok because I’m not ok มันไม่ใช่แบบนั้นครับ มันเป็นเพลง Are you ok because I’m ok จริงๆ ผมก็อยากรู้ว่า Are you ok ไหม เพราะยังแคร์อยู่แบบนั้นอ่ะครับ ซึ่งเป็นมันเป็นเพลงแบบ move on รักตัวเอง เป็นเพลง positive ครับ
คุยกับโปรดิวซ์เซอร์นานไหมกว่าจะออกมาเป็นเพลงนี้
ทิกเกอร์ : พี่ปณต Getsunova ก็เป็น Executive Producer ของเพลงนี้ครับ จริงๆ ก็ไม่นานนะครับ เหมือนมีคืนนึงผมก็ไปสตูดิโอแล้วก็พยายามแบบ brainstorm นึกไอเดียอยู่ว่าโอเคเราไปทางไหนดี แล้วผมก็เสนอไอเดียว่าถ้าเราทำเพลง Are you ok because I’m not ok แล้วพี่ปณตก็แบบก็ดีนะ แล้วเขาก็นั่งนึกอยู่สักพักแล้วก็แบบ ถ้าเราปรับมันเป็น Are you ok because I’m ok อันนั้นเป็นโมเมนต์ที่คลิ๊กมากๆ แล้วผมก็ลุยเลยครับพี่ปณต เขียนเนื้อให้ผมได้เลยครับแบบนั้นอ่ะครับ คือแบบมันเป็นคอนเซ็ปต์ที่ดีมากๆ พี่ปณตนึกคอนเซ็ปต์ที่แบบพิเศษมากๆ ครับ ซึ่งก็นึกคอนเซ็ปต์ก็ภายในคืนเดียวครับ
พาร์ทไหนยากที่สุดในฐานะของนักร้อง
ทิกเกอร์ : จริงๆ เพลงนี้ก็ค่อนข้างสูงนะ สำหรับผู้ชาย เพราะถ้าฟังเสียงพูดของผมครับ โทนเสียงผมค่อนข้างจะต่ำ แต่เสียงในเพลงนี้มันค่อนข้างสูง แล้วอันนั้นต้องใช้เวลาปรับวิธีการร้องนิดนึงอ่ะครับ เพราะผมอยากร้องให้ได้ ไม่อยากเปลี่ยนคีย์ ไม่อยากลดคีย์ เพราะว่ามันขาดความพิเศษของมันถ้าลดคีย์ ก็เลยอยากลองให้มันเพอร์เฟคแบบนั้นครับ
ฟีดแบ็กเป็นยังไงบ้าง
ทิกเกอร์ : ดีมากครับ กระแสดีมาก ดีกว่าที่คิดเลยครับ จริงๆ ผมไม่ได้คาดหวังว่าฟีดแบ็กจะ positive หรือ negative ผมแค่คาดหวังว่าคนดูจะเห็นคุณภาพของงานที่ผมกับพี่ๆ ในทีมเราใส่ใจกันมากๆ เราทุ่มเท เราตั้งใจทำโปรเจกต์นี้มากๆ แล้วพอเห็นฟีดแบ็ก แบบคึกคักเลยอ่ะ แฮปปี้มากครับ
ซิงเกิลต่อไปอยากจะให้ออกมาในแนวไหน
ทิกเกอร์ : อันนี้ก็โอเค ผมจะเล่าถึงโปรเจกต์นะครับ โปรเจกต์นี้เป็นมินิอัลบั้มชื่อว่า CRUSH นะครับ และเพลงนี้ก็เป็นเพลงแรกจาก Ep นั้น และชื่อ CRUSH มันก็หมายความว่าแบบตีความว่ารัก หรือชอบ และผมก็นึกชื่ออันนี้ได้ เพราะผมหลงรักกับดนตรีมากๆ กับเพลงมากๆ ก็เลยอยากทำ Ep นึง หรือโปรเจกต์นึงที่เหมือนแต่ละเพลงก็เป็นรักในหลายแบบ ก็เพลงนี้ก็เป็นเพลงแบบรักตัวเอง แล้วก็อีกเพลงต่อๆ ไปก็ต้องรอดูครับ
พอมาถึงจุดนี้ภูมิใจในตัวเองมากไหม
ทิกเกอร์ : ผมภูมิใจมากๆ ครับ เพราะถ้าผมนึกถึงช่วงเวลาที่ก่อนเป็นเทรนนี หรือช่วงต้นของการเป็นเทรนนี ช่วงนั้นผมไม่ได้แบบหลักๆ ก็คือความมั่นใจในตัวเองครับ อันนั้น ถ้าไปในทาง personal นิดนึง ผมก็ภูมิใจว่าผมได้ก้าวผ่านแบบช่วงที่ผมไม่มั่นใจในตัวเอง มันเป็นสิ่งที่แบบทำให้ mental health ทุกอย่างดีขึ้นเยอะมากเลย แล้วผมก็มีมุมมอง หรือวิธีใช้ชีวิต มันก็ positive มากขึ้นด้วยครับ พอได้มีความมั่นใจใช่ครับ ซึ่งแบบ personal นิดนึงครับ
แฟนๆ พร้อมที่จะรักทิกเกอร์มาก
ทิกเกอร์ : ผมก็อยาก Oh! my god! ผมอยากขอบคุณมากๆ ครับ พอได้ทำงานที่เป็นความฝันจริงๆ ตอนอยู่บ้านหรือตอนไม่ทำอะไร ผมก็จะนึกถึงดนตรี นึกถึงการทำเพลง การเป็นศิลปิน และพอได้อยู่จุดนี้จริงๆ แล้วมีหลายคนมากๆ ที่สนับสนุนผม ผมก็แบบขอบคุณมากๆ ครับ ไม่รู้จะพูดยังไงต่อคือแบบยังไม่ชิน ขอบคุณสำหรับแรงบันดาลใจมากๆ ครับ
ฝากผลงานกันหน่อย
ทิกเกอร์ : ก็ฝากเพลง R U OK? ด้วยนะครับ ฟังได้ที่สตรีมมิ่งแพลตฟอร์มทุกอันนะครับ ฟังกันเยอะๆ นะครับ แล้วก็ฝากดู MV R U OK? ด้วยนะครับ ดูได้ที่ช่อง Youtube: gnest_official แล้วก็ถ้าอยากติดตามช่องทางโซเชียลของผมทั้งหมด ติดตามได้ที่ @tiggertheriault แล้วก็ถ้าใครอยากรู้จักผมมากขึ้น ก็ติดตามไอจีส่วนตัวได้ที่ @tiggerachira ครับผม