คำว่า “เหี้ย” พูดเบาๆ ก็เจ็บได้ เหตุไฉนชื่อสัตว์เลื้อยคลานตัวนี้จึงกลายเป็นมาเป็นคำที่คนไทยนำมาใช้สำหรับด่า อุทาน หรือแม้แต่ชื่นชมในเชิงบวก

“ตัวเหี้ย” หรือเรียกแบบสุภาพคือ “ตัวเงินตัวทอง” ชื่อวิทยาศาสตร์ Varanus salvator เป็นสัตว์เลื้อยคลานพบในเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีถิ่นที่อยู่อาศัยใกล้กับแหล่งน้ำ มีความยาวประมาณ 2.5 – 3 เมตร ใหญ่เป็นอันดับสองรองมาจากมังกรโกโมโดที่พบบนเกาะโกโมโด ประเทศอินโดนีเซีย มีลิ้นสองแฉกคล้ายกับงูสำหรับรับกลิ่นอาหาร มีลายดอกสีเหลืองพาดขวางทางยาว ชอบอาศัยอยู่บริเวณใกล้แหล่งน้ำ ว่ายน้ำเก่งและดำน้ำนาน มีเล็บที่แหลมคมสำหรับการปีนป่าย ซึ่งสามารถปีนต้นไม้ได้อย่างคล่องแคล่ว

ตัวเงินตัวทองเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองลำดับที่ 19 ผู้ใดจะล่า เลี้ยง ซื้อขาย หรือครอบครองไม่ได้ หากต้องการจะต้องได้รับอนุญาตจากกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ผู้ใดฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 4 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ภาพประกอบ ตัวเงินตัวทอง ตัวเหี้ย จากมติชนออนไลน์
ภาพประกอบตัวเงินตัวทองจาก มติชนออนไลน์

จากข้อมูลของ “ฮิมวัง” ซึ่งเผยแพร่ในเว็บไซต์ศิลปวัฒนธรรมระบุว่า ในอดีตนั้น ‘ตัวเหี้ย’ ถือว่าเป็นสัตว์อุบาทว์ด้วยลักษณะรูปร่างที่น่าเกลียดน่ากลัว โดยในหนังสือ “อักขราภิธานศรับท์” ของหมอบรัดเลย์ (Dan Beach Bradley) ซึ่งตีพิมพ์เมื่อปี พ.ศ. 2416 มีการบัญญัติคำว่า “เหี้ยขึ้นเรือน” เอาไว้ โดยอธิบายว่า “คือเหี้ยมันมาขึ้นเรือน, เขาถือว่าจะถึงความฉิบหายแห่งทรัพย์นั้น”

นอกจากเหี้ยแล้วในคัมภีร์อภิโพไธยุบาทว์ยังระบุถึงสัตว์อีกหลายชนิดที่หากเข้าบ้านใครแล้วจะนำมาซึ่งโชคร้ายหรือเรื่องราวไม่ดี เช่น แร้ง, งู, ตะกวด, นกเค้า, นกยาง, หมาจิ้งจอก, รุ้ง, ผึ้ง, เต่าขวานฟ้า, และสัตว์ป่าทั้งปวง อย่างไรก็ตามในคัมภีร์ระบุถึงวิธีแก้เคล็ดด้วยการให้บูชาเหล้า, ข้าว และธูปเทียน

คำด่าที่มีมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4

เหี้ยถูกนำมาใช้เป็นคำด่าตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4-5 เป็นอย่างน้อย ในหนังสือวชิรญาณวิเศษ เล่ม 7/9 แผ่นที่ 1-51 ตุลาคม ร.ศ. 110 – ตุลาคม ร.ศ. 111 ซึ่งตรงกับสมัยรัชกาลที่ 5 ให้ข้อมูลเกี่ยวกับคำด่าว่าเหี้ย สรุปได้ดังนี้

  • เหี้ย เป็นกิริยา หมายถึงการทำหน้าไม่ปกติ เพราะความกระดากประกอบกับความจนใจ แก้ไขไปไม่รอด ทำท่าแหะๆ อยู่เช่นนั้นก็เรียกว่า เหี้ย
  • เหี้ย ใช้เรียกผู้ที่ทำให้ที่พักอาศัยสิ้นทรัพย์ไปฉิบหายไป เมื่อคนบางคนจะกล่าวโทษหรือด่าทอ ก็มักกล่าวว่า เหี้ย
  • เหี้ย เป็นคำเปรียบเอาไว้เรียกชื่อคนร้ายคนชั่ว ดังคำว่า “อ้ายเหี้ย” เพราะเชื่อกันว่า เหี้ยเป็นสัตว์อุบาทว์อย่างหนึ่ง ถ้าเข้าบ้านเรือนใครก็เป็นอุบาทว์จัญไร
  • เหี้ย ใช้เป็นคำด่า เมื่อสัตว์ประเภทใดเข้าบ้านแล้วทำเรื่องฉิบหาย ก็เรียกว่า เหี้ย

สาเหตุที่ตัวเหี้ยไม่น่าพิสมัยสำหรับคนมาจากพฤติกรรมการกินของตัวมันเอง คือ หนึ่ง นิสัยขี้ขโมย เหี้ยชอบลักของกินไม่ว่าจะเป็น เป็ด ไก่ ของสดและของคาว สอง คือ ชอบกินของเน่าเหม็นและซากสัตว์ นอกจากนี้โดยธรรมชาติเหี้ยมักอาศัยอยู่ใกล้แหล่งน้ำ ที่รกชื้นเต็มไปด้วยโคลน เหี้ยจึงเป็นสัตว์ที่ไม่สะอาดในสายตาคน

ยุคสมัยที่เปลี่ยนไปทำให้คำว่า “เหี้ย” ถูกใช้ในบริบทที่แตกต่างจากเดิมไม่ใช่แค่ในเชิงลบเท่านั้นแต่ยังเปลี่ยนเป็นคำในเชิงบวกด้วย เช่น “สวยเหี้ยๆ” หมายถึง สวยมากๆ , “เหี้ยไรเนี่ย” หรือ “เชี่ยไรเนี่ย” คำสบถที่ใช้แสดงความประหลาดใจ

ภาพประกอบ ตัวเงินตัวทอง ตัวเหี้ย จากมติชนออนไลน์
ภาพประกอบตัวเงินตัวทองจาก มติชนออนไลน์

ชื่อไม่เพราะต้องขอเปลี่ยน

ด้วยความที่คำว่า เหี้ย นั้นฟังดูไม่สุภาพ เว็บไซต์บีบีซีไทยรายงานเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2552 ว่า “นายชัชวาล พิศดำขำ” ผู้อำนวยการสำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในขณะนั้นมีความคิดอยากเปลี่ยนชื่อตัวเหี้ยเป็น “วรนุช” ล้อไปตามชื่อวิทยาศาสตร์ที่ว่า Varanus salvator ซึ่งอาจจะทำให้คนดูถูกเหยียดหยามสัตว์ชนิดนี้น้อยลง

ความต้องการเปลี่ยนชื่อครั้งนี้กลับสร้างความไม่สบายใจให้กับหลายคนที่มีชื่อว่าวรนุชอย่าง “นุ่น วรนุช ภิรมย์ภักดี” (นามสกุลเดิม วงษ์สวรรค์) นักแสดงสาว ที่ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า “รู้สึกเฉยๆ เพราะมีคนที่ชื่อว่าวรนุชหลายหมื่นคน ชื่อนี้บุพการีเป็นผู้ตั้งให้ มีความหมายว่าหญิงผู้ประเสริฐ” ซึ่งในเวลาต่อมาก็มีเสียงคัดค้านโดยมองว่าการใช้คำว่า ตัวเงินตัวทอง ก็ถือว่าสุภาพเหมาะสมแล้ว

แหล่งอ้างอิงข้อมูล

coffee lover and caffeine addict หลงใหลในการเดินทาง เรียนรู้ประสบการณ์ผ่านตัวหนังสือ มองโลกผ่านกล้องถ่ายภาพ

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้ที่จำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ (Strictly Necessary Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้มีความสำคัญต่อการปฏิบัติการของเว็บไซต์ feedforfuture.co ซึ่งจะช่วยให้ท่านสามารถเข้าถึงข้อมูลและเนื้อหาต่างๆ ของเว็บไซต์เราได้ทุกส่วน โดยเฉพาะส่วนสมาชิกผู้ใช้งานของเว็บไซต์ ตลอดจนการตรวจสอบจำนวนผู้เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเรา

  • คุกกี้ด้านประสิทธิภาพการทำงานของเว็บไซต์ (Performance Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ใช้เพื่อรวบรวมข้อมูลทางสถิติเกี่ยวกับการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน เพื่อวิเคราะห์ และช่วยให้เราทราบถึงพฤติกรรมการใช้งาน ซึ่งจะช่วยปรับปรุงการทำงานของเว็บไซต์เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดในการใช้งานบนเว็บไซต์ของเรา

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาเข้ากับกลุ่มเป้าหมาย (Targeting Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ใช้ในการบันทึก และจดจำคุณลักษณะต่างๆ ที่ท่านได้เลือกขณะเข้าชมเว็บไซต์ของเรา เช่น หมวดหมู่ และเนื้อหาที่ท่านชอบอ่านมากที่สุด เราจะบันทึกข้อมูลเหล่านี้ และนำกลับมาใช้เมื่อท่านกลับเข้ามาที่เว็บไซต์ของเราอีกครั้ง เพื่อปรับให้ท่านได้รับชมเนื้อหาได้ตรงกับความชอบของท่านให้มากที่สุด

  • คุกกี้เพื่อนำเสนอโฆษณาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย (Advertising Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ใช้เพื่อจดจำพฤติกรรมการอ่านเนื้อหาบนเว็บไซต์ของท่าน รวมถึงรายละเอียดของอุปกรณ์ที่ท่านใช้ เพื่อนำไปใช้วิเคราะห์การนำเสนอโฆษณาที่เหมาะสมกับท่านมากที่สุด และช่วยวัดความมีประสิทธิผลของโฆษณาที่เรานำเสนอด้วย ตลอดจนช่วยป้องกัน หรือจำกัดจำนวนครั้งที่ท่านจะเห็นโฆษณาเดิมซ้ำๆ

บันทึก