เชื่อว่าคงไม่มีใครลืมบทบาทการแสดงเป็น “ซุนหงอคง” ของจางเหว่ยเจี้ยนอย่างแน่นอน และที่สำคัญไซอิ๋ว เวอร์ชั่น ปี 1996 จะยังคงอยู่ในใจแฟนๆ ไปตลอดกาล
จางเหว่ยเจี้ยน หรือ Dicky Cheung (ดิกกี้ เฉิง) เกิดเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ ปี 1965 (ปัจจุบันอายุ 58 ปี) ณ เซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน ก่อนที่จะย้ายมาอยู่ในฮ่องกง ชีวิตในวัยเด็กเขาต้องพบเจอกับฝันร้าย เพราะเคยถูกพ่อทำร้ายร่างกายอย่างรุนแรงจนถึงขั้นเกือบเสียชีวิต
โดยพ่อของจางเหว่ยเจี้ยนทำงานบนเรือและจะกลับมาอยู่ที่บ้านแค่ปีละ 3 เดือนเท่านั้น แต่ทุกครั้งที่พ่อกลับมาก็จะทุบตีคนในบ้านเสมอ
หนึ่งในความทรงจำครั้งเลวร้ายของจางเหว่ยเจี้ยนเกิดขึ้นตอนที่เขาอายุประมาณ 7-8 ขวบ เมื่อเด็กชายดิกกี้ผิวปากใส่รถคันสวยขณะเดินเล่นกับพ่อ พอกลับถึงบ้าน พ่อไม่พูดอะไรเลย ก่อนจับตัวเขาแล้วทุ่มลงไปบนเตียงและทุบตีไม่ยั้ง จนเกือบขาดอากาศหายใจ ไม่เพียงแค่นั้นพ่อของเขายังเคยทุบตีน้องชายอย่างรุนแรงจนผิวหนังเปิดมาแล้ว
นับเป็นบาดแผลทางใจในวัยเด็กของจางเหว่ยเจี้ยน ซึ่งเขาต้องทนใช้ชีวิตอยู่กับพ่อที่อารมณ์ร้ายเป็นเวลานานหลายปี จนกระทั่งพ่อและแม่ของเขาได้แยกทางกันตอนที่จางเหว่ยเจี้ยนอายุ 14 ปี
อีก 5 ปีต่อมาจางเหว่ยเจี้ยนเริ่มเข้าสู่วงการบันเทิงครั้งแรกในปี 1984 ด้วยการไปประกวดร้องเพลงนักร้องสมัครเล่นของ TVB โดยเขาได้รับรางวัลชนะเลิศ และคลื่นลูกใหม่ยอดเยี่ยมจากเพลง 恋爱交叉 (Love Cross) ของ เลสลี่ จาง และในวันนั้น เลสลี่ จาง ก็เดินทางมาให้กำลังใจเขาด้วย
ก่อนที่เขาจะโด่งดังเป็นพลุแตกกับบทบาทซุนหงอคงในไซอิ๋ว จางเหว่ยเจี้ยนเคยแสดงบทสมทบเล็กๆ เรื่อง ผีสาวจอมเพี้ยน (Happy Spirit – 1985) ตามด้วยเรื่อง ดาบฟ้าสยบมาร (The Heavenly Swordsman and the Spoiled – 1986) และมาแจ้งเกิดอย่างเต็มตัวในเรื่อง พลังหนุ่มใจเพชร (The Turbulent Decade – 1986) ซึ่งเป็นละครชุดที่แจ้งเกิดพระเอกรุ่นเดียวกันอย่าง จางเจ้าฮุย กวนหลี่เจี๋ย และ โอวหยังเจิ้นหัว
ในปี 1985 โจวซิงฉือ ได้นำภาพยนตร์เรื่อง ไซอิ๋ว 95 เดี๋ยวลิงเดี๋ยวคน (A Chinese Odyssey Part One Pandora’s Box, A Chinese Odyssey Part Two Cinderella) ออกฉายในฮ่องกงทั้ง 2 ภาค ซึ่งประสบความสำเร็จทั้งคำวิจารณ์และรายได้
ในปีถัดมา TVB จึงประกาศสร้างละครโทรทัศน์ฟอร์มยักษ์ในวันครบรอบวันเกิดของ TVB เรื่อง ไซอิ๋ว ศึกเทพอสูรสะท้านฟ้า (Journey to the West – 1996) โดย 2 ผู้กำกับอย่าง หลี่เหวินหลง และ หลิวซื่อหยู ต่างก็มีความคิดเห็นตรงกันว่า นักแสดงที่จะมารับบทเห้งเจีย คือ จางเหว่ยเจี้ยน ซึ่งในขณะนั้นกำลังมีชื่อเสียงโด่งดังในไต้หวัน
โดยตอนแรกจางเหว่ยเจี้ยนไม่อยากรับงานแสดงบทเห้งเจียเลย เพราะเส้นทางการเป็นนักร้องของเขาในไต้หวันกำลังไปได้ด้วยดี แต่หลังจากที่เขาได้รับคำเชิญซ้ำแล้วซ้ำเล่าจาก TVB สุดท้ายจางเหว่ยเจี้ยนก็ได้ตัดสินใจกลับจากไต้หวัน เพื่อมารับงานแสดงละครเรื่องนี้ และมันได้เปลี่ยนแปลงชีวิตทางการแสดงของเขาไปตลอดกาล
ไซอิ๋ว เวอร์ชั่น ปี 1996 ของ TVB ได้รับการยกย่องจากแฟนๆ ทั่วทั้งเอเชียว่าเป็นไซอิ๋วที่โด่งดังที่สุดในวงการละครชุด ทำเรตติ้งในฮ่องกงได้ถึง 40 เปอร์เซ็นต์ ส่วนที่จีนแผ่นดินใหญ่ละครเรื่องนี้ก็ทำเรตติ้งสูงมาก สร้างเม็ดเงินจากการเก็บค่าโฆษณาให้กับทาง TVB สูงกว่า 200 ล้านหยวน
ส่วนสาเหตุที่ ไซอิ๋ว เวอร์ชั่น ปี 1996 ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม อาจเป็นเพราะด้วยบทบาทคาแรคเตอร์การแสดงของจางเหว่ยเจี้ยนที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีความซุกซน ทะเล้น ขี้เล่น เอาแต่ใจ เข้าถึงตัวละครซุนหงอคงได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้ยังใช้เทคนิคการถ่ายทำที่มีความล้ำสมัย กลายเป็นภาพจำของไซอิ๋วในยุค 90’s และส่งผลให้ละครชุดเรื่องนี้โด่งดังไปทั่วเอเชีย พร้อมกับผลักดันให้จางเหว่ยเจี้ยนเป็นนักแสดงชายอันดับหนึ่งในวงการโทรทัศน์ของฮ่องกงทันที
ต่อมาในปี 1997 ทาง TVB ต้องการให้เขากลับมาแสดงเป็นเห้งเจียอีกครั้งในไซอิ๋วภาคที่ 2 โดยภาคแรกจางเหว่ยเจี้ยนได้รับค่าตัวเพียง 90,000 เหรียญฮ่องกงต่อตอน ซึ่งน้อยกว่า เจียงหัว (Kwong Wa) ผู้รับบทเป็นพระถังซัมจั๋งเสียอีก
แต่หลังจากที่ไซอิ๋วภาคแรกประสบความสำเร็จจางเหว่ยเจี้ยนก็ได้ไปแสดงละครโทรทัศน์ที่ไต้หวัน และได้ค่าตัวสูงเป็นปรากฏการณ์ที่นั่น เมื่อกลับมาเขาจึงอยากขอค่าตัวเพิ่มในการแสดงต่อตอน แต่หาข้อสรุปร่วมกันไม่ได้
ผู้บริหาร TVB คนหนึ่งพูดกับจางเหว่ยเจี้ยนในที่ประชุมด้วยคำสบประมาทว่า “คุณคิดว่าตัวเองมีค่าแค่ไหนในฮ่องกง ในจีนแผ่นดินใหญ่คุณก็มีค่าเป็นศูนย์ เมื่อคุณไม่มีขน คุณก็เป็นแค่นักแสดงที่ไร้ราคา”
คำพูดดังกล่าวทำให้จางเหว่ยเจี้ยนรู้สึกว่าตัวเองโดนดูถูกความสามารถทางการแสดงเป็นอย่างมาก เขาจึงไม่ต่อสัญญากับ TVB และย้ายไปทำงานที่ไต้หวัน รวมทั้งตัดสินใจโกนผมบนศีรษะทิ้ง เพื่อเป็นการตอบโต้ผู้บริหาร TVB คนนั้นด้วยว่าต่อให้ตัวเขาไม่มีผมบนศีรษะ หรือไม่มีขนที่หน้าสักเส้นเลย เขาก็สามารถโด่งดังได้
หลังจากนั้นเขาก็ประสบความสำเร็จจากละครชุด อุ้ยเสี่ยวป้อ (2000) ขณะที่ไซอิ๋วภาค 2 ศึกเทพอสูรสะท้านฟ้า (Journey to the West II – 1998) ได้มีการเปลี่ยนนักแสดงบทบาทซุนหงอคง จากจางเหว่ยเจี้ยน เป็นเฉินฮ่าวหมินแทน
แม้ว่าจะได้รับความนิยมที่ดีในระดับหนึ่ง แต่แฟนๆ ก็ยังคงจดจำภาพการแสดงของจางเหว่ยเจี้ยนในบทบาทศิษย์พี่ใหญ่ซุนหงอคงมาจนถึงทุกวันนี้
เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้วจางเหว่ยเจี้ยนได้รับการประกาศให้เป็นแชมป์โดยรวมของการแข่งขันรายการเรียลลิตี้โชว์ Shine! Super Brothers 2 นับเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่เขาได้รับรางวัลจากการร้องเพลง
ตลอดช่วงการแข่งขันในครั้งนี้ ผมพยายามค้นหาตัวเองเพื่อให้ทุกคนรู้จักและจดจำผมในฐานะศิลปินนักร้องไม่ใช่แค่นักแสดงเท่านั้น ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมามันเติมเต็มช่องว่างที่หายไปและมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
ผมไม่เคยได้รับรางวัลใดๆ จากการแสดงหรือการร้องเพลงตลอดหลายปีที่ผ่านมา และผมก็หวงแหนรางวัลนี้มาก
จางเหว่ยเจี้ยน กล่าว
ข้อมูลอ้างอิง :
Dicky Cheung elated to win “Shine! Super Brothers”