หากนึกถึงสมาชิกพรรคก้าวไกลคนใดที่ฝีปากกล้าโดนใจประชาชนทุกครั้งที่ติดตามการรับชมการประชุมสภา เชื่อว่าชื่อของ “วิโรจน์ ลักขณาอดิศร” ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล คงขึ้นมาเป็นอันดับต้นๆ ไม่เป็นสองรองใคร ที่ถ้าเปรียบเทียบกับฮีโร่ในเกมแนว MOBA ก็ต้องเป็นฮีโร่สาย “แท็งค์” (Tank) ที่คอยฟาดฝีปาก สู้ ชนกับฝั่ง สว. รวมจนถึงฝั่งตรงข้าม จนถูกยกให้เป็นอีกหนึ่งดาวรุ่งในสภาอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะลีลาและการอภิปรายทลายรัง IO ของกองทัพ ที่ยังตราตรึงในใจประชาชนตลอดมา
แม้ก่อนหน้านี้เจ้าตัวจะหายหน้าไปจากสภา เนื่องจากลาออกจากตำแหน่ง ส.ส. เพื่อลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2565 ก่อนจะกลับมาเป็น ส.ส. บัญชีรายชื่อลำดับที่ 7 ของพรรคก้าวไกลอีกครั้ง ในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา
ล่าสุดในวันเสนอโหวตชื่อนายกรัฐมนตรี ครั้งที่ 2 เมื่อ 19 กรกฎาคม ก็ได้เห็นภาพ วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ลุกขึ้นมาอภิปรายด้วยลีลาท่าทางที่ดุดันคุ้นตา และยังเปิดสกิลลับฝีปากกับทางฝั่ง สว. 2 คน 2 ครั้งด้วยกัน
คนแรก “สว.กิตติศักดิ์ รัตนวราหะ” ที่ลุกขึ้นมาเรียกร้องให้ “นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์” แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกลออกจากห้องประชุม เพราะศาลรัฐธรรมนูญสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราวจากการถือหุ้นไอทีวี ก่อนทางวิโรจน์ ลักขณาอดิศร จะลุกขึ้นมาขออนุญาตประธานสภา และใช้สิทธิ์ประท้วง โดยกล่าวว่า
“ผมขอประท้วงท่านผู้ที่อภิปรายนะครับตามข้อบังคับข้อที่ 45 ครับ นะครับ คืออย่างงี้ครับ ผมว่าระเบียบราชการเนี่ยก็คงต้องรอหนังสือราชการมาอย่างเป็นทางการก่อนครับ ไม่ต้องแสดงอาการกระเหี้ยนกระหือรือขนาดนั้นนะครับ ทำไมครับ อยากจะเข้าวัดที่พิจิตรมาขนาดนั้นเลยเหรอครับท่านประธานครับ ไม่ต้องกระเหี้ยนกระหือรือครับ เพราะต่อให้ท่านอยากจะเข้าวัดก็เข้าวัดไม่ได้ครับ”
ต่อมาในช่วงบ่ายของวันเดียวกัน ช่วงหนึ่งของการอภิปราย วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ได้เผยแพร่คลิป การอภิปรายของ “สว.สมชาย แสวงการ” ที่เคยพูดไว้ในสภาเมื่อวันที่ 24 มิ.ย. 2564 ที่ระบุว่า “ไม่จำเป็นต้องปิดสวิตช์(สว.) เลือกตั้งครั้งหน้าให้ไปรวมให้ได้ 273 เสียง ส.ว.ก็ไม่มีปัญญาไปทำอะไรที่จะโหวตค้าน”
เป็นเหตุให้ทางฝั่ง สว. ที่ปรากฏในคลิป ใช้สิทธิพาดพิงพร้อมกล่าวว่า “อย่าทำแบบนี้ ไม่ค่อยสุภาพ และขอให้ถอน”
ก่อนจะเปิดเป็นการโตเถียงกันไปมา โดย สว.สมชาย ขอให้ประธานรัฐสภาตรวจดูว่ามีการอนุญาตเปิดคลิปหรือไม่ และตนเองไม่เห็นด้วยที่นายวิโรจน์ทำอย่างนี้ถือว่าไม่เป็นสุภาพบุรุษ “เล่นเป็นเด็ก โตแล้วๆ”
ด้านวิโรจน์ ก็โต้กลับทันควันว่า “ขอให้แก่ให้เป็นด้วย อย่าแก่กะโหลกกะลา”
และมาล่าสุดที่ไปให้สัมภาษณ์ในรายการ “กรรมกรข่าว คุยนอกจอ” ของ “สรยุทธ สุทัศนะจินดา” ถึงประเด็นสเต็ปต่อไปการร่วมรัฐบาลของพรรคก้าวไกล โดยในช่วงหนึ่งมีการพูดถึงคำสอนของพ่อที่เคยสอนไว้ว่า “สู้กับคนหน้าด้าน ต้องหน้าด้านกว่า” ซึ่งเป็นคำตอบจากคำถามที่ถูกถามว่า จะทำยังไงถ้าโดนผลักไปเป็นฝ่ายค้าน?
“ผมพูดประโยคนี้ผมพูดตลอด จะสู้กับคนหน้าด้าน ต้องทำยังไงครับพี่ เราหน้าบางไม่ได้ ต้องหน้าด้านกว่า อยากให้ออก เคยดูหนังลัดดาแลนด์ไหม ที่มีฉากหนึ่งตัวละครพูดว่า กูไล่มึงออก สมมติเสียงจากฝ่ายตรงข้าม กูไล่มึงออก ผมก็จะตอบว่า กูไม่ออก ออกแล้วประชาชนจะเอาอะไรแดก ผมขอปรับคำพูดพี่ก้องนิดนึง กูจะอยู่กับมึงนี่แหละ แต่เราจะอยู่จนสุดปลายมือจริงๆ”
“สู้กับคนหน้าด้าน เราต้องหน้าด้านกว่าเท่านั้น เราหน้าบางไม่ได้ครับ คืออย่างนี้ คนหน้าด้านหรือคนถ่อยเขาจะรู้สึกว่าวิญญูชนจะหน้าบางถูกไหมครับ เห้ยแสดงสปิริตดิ ลาออกสิ แต่ถ้าเกิดปุ๊บผมบอก ไม่ๆ กูไม่ออก กูจะกอดมึงไว้กูไม่ออก ดันหัวกู กูก็จะกอดมึง ออกแล้วประชาชนจะเอาอะไรแดก ไม่เอา พี่น้อง 8 คนอยู่บ้านเดียวกัน ใครจะไล่เราออกไปไม่ได้ ถ้าเกิดเราออก แล้ว 3 ป. เดินต่อละ เกิดอะไรขึ้นล่ะ เอาง่ายๆ ถ้าอำนาจที่มาจากการสืบทอดอำนาจจากรัฐประหารมันไปต่อได้ ทุนผูกขาดไปต่อได้ เครือข่ายอุปถัมภ์ไปต่อได้ แล้วประชาชนจะมีความหวังอะไร”
ยอมหน้าด้านเพื่อประชาชน
วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ยังกล่าวต่ออีกว่า ได้ให้กำลังใจเพื่อนสมาชิกในพรรคทุกคน 150 คนถามทำยังไงดีพี่ ทำไงดีวิโรจน์ หน้าด้านครับ ถ้ามีคำด่าผม วิโรจน์..มึงหน้าด้าน ใช่ผมหน้าด้าน ผมหน้าด้านได้กว่านี้อีกเพื่อประชาชน ดังนั้นไม่ต้องด่าผมว่าหน้าด้าน ใช่ผมหน้าด้าน แต่ไม่ได้หมายความว่าผมจะไม่มีจุดยืน จุดยืนก็ต้องมี แต่ความยืดหยุ่นภายใต้สถานการณ์ที่เป็นจริง มันก็ต้องมี เพราะบางครั้งเราทำ ก. ไม่ได้ แต่ถ้าเราทำ ข. ได้ แล้วมันตอบโจทย์ได้เหมือน ก. มันก็ต้องพิจารณา
“แต่เบื้องต้นในมุมของวิโรจน์ อย่าด่าวิโรจน์ว่าหน้าด้านเลยเพราะด่าปุ๊บ ผมยอมรับทันที แล้วผมจะตอบว่าผมหน้าด้านกว่าด้วย ฝ่ายนั้นหน้าด้านขนาดนั้น ผมหน้าด้านกว่า พ่อผมสั่งไว้ก่อนตายเลยนะ พ่อผมเคยถามผม วิโรจน์..สู้กับคนอะไรหน้ากลัวที่สุด ผมบอกสู้กับคนเก่งสิ พ่อผมบอกไม่จริง สู้กับคนเก่งง่ายมากเลย เรียนรู้จากเขาเดี๋ยวเราก็จะเก่งขึ้น สู้กับคนไม่เก่ง ไม่เป็นไร ถ้าเขามีความตั้งใจ พาเขามาเป็นพวก เขายังได้เรียนรู้จากเราแล้วเราทำสิ่งที่มันยิ่งใหญ่ไปด้วยกัน พ่อผมบอกว่าวิโรจน์เชื่อป๊า สู้กับคนหน้าด้าน น่ากลัวที่สุด เพราะว่าถ้ามันแพ้มันก็จะโกง อยู่ดีๆ มันแพ้เรา มันก็จะล้มกระดานแล้วสร้างกติกาใหม่ ตอนนั้นผมยังไม่อยู่ในวงการเมืองนะ พ่อผมบอกสู้กับไอ้คนหน้าด้าน แพ้เรามันก็จะโกงเรา ต่อให้มันหาทางโกงไม่ได้มันก็จะล้มกระดาน สร้างกติกาใหม่ ให้เราเสียเปรียบ”
“ผมก็บอกป๊า แล้วถ้าเกิดชีวิตมันต้องเจอคนหน้าด้าน ต้องทำยังไง ตอนนั้นผมก็ถามเล่นๆ นะ ไม่คิดว่าจะเจอจริงๆ พ่อผมบอกว่าเจอคนหน้าด้าน ให้หน้าด้านกว่าเท่านั้น ทุกวันนี้พ่อผมที่อยู่บนสรวงสวรรค์ กำลังภูมิใจในตัวลูกมาก วันนี้วิชาลับของตระกูลได้ถูกเอามาใช้แล้ว เจอกับคนหน้าด้านต้องหน้าด้านกว่า”
“ถ้าเกิดเราหน้าบางปุ๊บ 3 ป. ไปต่อทันทีนะครับ จริงไหม แล้วที่เราบอกว่าสิทธิ เสรีภาพของประชาชนกลับไปสู่วังวนที่ถอนหายใจกันเหมือนเดิมนะครับ โอกาสลืมตาอ้าปาก ทุนผูกขาด เครือข่ายอุปถัมภ์ ค่าพลังงานที่ไม่เป็นธรรม ไปต่อทันทีนะ ถ้าเราหน้าบาง ผมเองผมจับมือเลขาฯ ต๋อม (ชัชธวัช ตุลาธน) ด้านเท่านั้น ทุกคน ด้านเท่านั้น” วิโรจน์ กล่าว