“ผมขอใช้โอกาสนี้ในการอำลาท่านประธานจนกว่าเราจะพบกันใหม่ แล้วก็ขอฝากเพื่อนๆ สมาชิกในการใช้รัฐสภา ดูแลพี่น้องประชาชน ผมคิดว่าประเทศไทยเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิมอีกแล้วครับ ตั้งแต่วันที่ 14 พฤษภาคม และถ้าเกิดประชาชนชนะมาได้แล้วครึ่งทาง เหลืออีกครึ่งทาง ถึงแม้ผมจะยังไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ แต่ขอให้เพื่อนสมาชิกทุกคน ช่วยกันดูแลประชาชนต่อไปครับ”
คำพูดของ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกจากพรรคก้าวไกล ที่ลุกขึ้นกล่าวอำลารัฐสภาและเพื่อนสมาชิก ส.ส. หลังได้รับเอกสารสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. จากศาลรัฐธรรมนูญ ที่มีมติเอกฉันท์สั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่จากคดีหุ้นไอทีวี ในช่วงเช้าของวันที่ 19 กรกฎาคม 2566 ซึ่งเป็นวันเดียวกับวันโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีครั้งที่ 2 ก่อนจะต้องออกจากห้องประชุมรัฐสภาไป ท่ามกลางเสียงปรบมือของเพื่อนสมาชิก ส.ส. เพื่อให้กำลังใจในสิ่งที่เจอ
ภาพดังกล่าวกลายเป็นภาพเดิมซ้ำรอยกับกรณีของ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ เมื่อปี 2562 ที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้ยุติปฏิบัติหน้าที่เช่นเดียวกัน จากกรณีให้พรรคอนาคตใหม่กู้ยืมเงินจำนวน 191 ล้านบาท โดยระบุว่าเป็นการกระทำขัดต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560
นำมาซึ่งมติยุบพรรคอนาคตใหม่และตัดสิทธิ์กรรมการบริหารพรรค ซึ่งประกอบด้วย “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ, ปิยะบุตร แสงกนกกุล, กุลธิดา รุ่งเรืองเกียรติ, ชำนาญ จันทร์เรือง, พงศกร รอดชมภู, รณวิต หล่อเลิศสุนทร, ไกลก้อง ไวทยการ, นิติพัฒน์ แต้มไพโรจน์, เยาวลักษณ์ วงษ์ประภารัตน์, ชัน ภักดีศรี, สุรชัย ศรีสารคาม, เจนวิทย์ ไกรสินธุ์, พรรณิการ์ วานิช, จารุวรรณ ศรัณย์เกตุ และ สุนทร บุญยอด” ห้ามลงสมัครรับเลือกตั้ง ห้ามเป็นกรรมการบริหารพรรคการเมือง และห้ามจดทะเบียนจัดตั้งพรรคการเมือง เป็นระยะเวลาถึง 10 ปี
ในตอนนั้นธนาธรที่จะกล่าวความในใจอำลารัฐสภา ถูกสมาชิก ส.ส. ฝ่ายตรงข้าม ขัดขวางการพูดครั้งสุดท้ายในสภาอย่างออกนอกหน้า ว่าต้องการพยายามสกัดและปิดปากปิดเสียงของธนาธรที่จะสื่อออกไปถึงประธานสภาและประชาชน
“ผมมีความตั้งใจ ที่จะรับทราบและขอลาท่านประธานเท่านี้ครับ ท่านประธานครับ ผมธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ รับทราบคำสั่งและขอหยุดปฏิบัติหน้าที่ในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตั้งแต่บัดนี้ จนกว่าจะมีคำวินิจฉัยจากศาลรัฐธรรมนูญเป็นอื่นครับ ขอบคุณครับ” ก่อนที่ธนาธรจะเดินลงมาท่ามกลางเสียงปรบมือจากเพื่อนสมาชิกพรรคอนาคตใหม่และพรรคฝั่งประชาธิปไตย ภาพธนาธรที่เดินออกมาโค้งคำนับแสดงความเคารพต่อหน้าประธานสภาครั้งสุดท้าย ได้กลายเป็นภาพที่ยังถูกพูดถึงมาจนถึงทุกวันนี้
การยุบพรรคอนาคตใหม่ในปี 2562 เป็นเสมือนการทำลายความหวังและความฝันของกลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่เลือกพรรคอนาคตใหม่ไปเป็นตัวแทนเสียงของพวกเขาในสภาฯ และนำมาซึ่งการเคลื่อนไหวทางการเมืองนำโดยคนรุ่นใหม่ในปี 2563-2564 อย่างที่เราทราบกันดี
ความหวังของผู้คนที่เชื่อมั่นในตัวบุคคลและพรรคอนาคตใหม่ ถูกส่งต่อมายัง “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” ในฐานะผู้นำคนใหม่ พร้อมกำเนิด “พรรคก้าวไกล” ขึ้นมาสานต่อเจตนารมณ์ของพรรคอนาคตใหม่ที่ถูกยุบไป
“วันนี้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำตัดสินยุบพรรคอนาคตใหม่ พรรคซึ่งเป็นพรรคการเมืองแรกของผมและของใครอีกหลายคนที่ไม่เคยสนใจในการเมืองมาก่อน แน่นอนว่าเหมือนกับทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต 1 ปีที่ผ่านมา มีทั้งประสบการณ์ที่ดีและประสบการณ์ที่ไม่ดี เป็นหนึ่งปีของชีวิตที่พวกผมจะไม่มีวันลืม
ผมต้องขอขอบคุณคุณธนาธร สำหรับภาวะผู้นำ สำหรับความเข้มข้น สำหรับการที่เขาทำให้กระดิ่งในใจของพวกผมดังขึ้น ขอบคุณสำหรับความเสียสละที่คุณธนาธรมีให้
พวกเขาเหล่านั้นเป็นเหมือนเป็นดาวฤกษ์ในยามที่สังคมไทยมีแต่ความมืดมน พวกเราจะคิดถึงพวกเขาครับ แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาอ่อนแอ ไม่ใช่เวลาที่จะมาซึมเศร้า ไม่ใช่เวลาที่จะมาร้องไห้ ถึงแม้ว่าผมจะไม่ได้เป็นดาวฤกษ์เหมือนพวกเขา แต่จากประสบการณ์ของผมแล้ว ขนาดเวลาที่มันมืดมนที่สุด ขนาดหิ้งห้อยมันมารวมกัน มันยังสว่างขึ้นมาได้ กำลังใจอยู่ข้างหลัง ความหวังอยู่ข้างหน้า จะกลัวหรือกล้าอยู่ที่ใจ ขอบพระคุณทุกท่านครับ
ผมคงสัญญากับเพื่อน ส.ส.ที่เหลืออยู่ไม่ได้ ผมคงสัญญากับพี่น้องประชาชนผู้รักประชาธิปไตยไม่ได้ ผมคงไม่สามารถสัญญาได้ว่า พวกเราจะไม่ล้มเหลว จริงๆ สัญญาได้นะครับว่ามันคงเป็นทางเลือกที่ไม่เป็นเส้นตรงและไม่ได้โรยไปด้วยกลีบกุหลาบอย่างแน่นอน พวกเราคงต้องมีเรื่องที่ผิดพลาด พวกเราคงจะต้องล้มเหลว พวกเราคงจะต้องมีบางครั้งที่รู้สึกว่าไม่รู้จะไปยังไงต่อ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเราไม่ล้มเลิกครับ ถึงเราจะล้มเหลวแต่ถ้าเราไม่ล้มเลิก สักวันหนึ่งมันก็ต้องสำเร็จ ถึงแม้ว่าวันนึงเราล้มแต่เรายังล้มไปข้างหน้า เรายังขับเคลื่อนสังคมให้ไปใกล้ฝัน ให้ไปใกล้เป้าหมายของพวกเราที่เราฝันไว้ตั้งแต่แรกที่เรามารวมกันที่นี่ตั้งแต่แรก พวกเราต้องก้าวต่อไป” คำพูดของพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2562
ความหวังใหม่ในฐานะผู้นำคนใหม่
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ที่ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำคนใหม่ได้กลายเป็นความหวังอีกครั้งของผู้คนที่รักในประชาธิปไตย ภายใต้แนวคิด จุดยืน และนโยบายของพรรคที่มีความชัดเจนมาโดยตลอด จนทำให้การเลือกตั้งเมื่อ 14 พฤษภาคม 2566 ที่ผ่านมา พรรคก้าวไกลได้รับคะแนนเสียงอย่างถล่มทลายมากถึง 14 ล้านเสียง ได้ส่งตัวแทน ส.ส. เข้าสภามากถึง 151 คน และพิธาเองได้กลายมาเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนใหม่ที่มาจากการชนะการเลือกตั้ง
ความหวังใหม่ในใจผู้คนที่ลงคะแนนให้กับพรรคก้าวไกลกลับมาลุกโชนอีกครั้ง โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่มีความหวังอยากเห็นประเทศไทยดีขึ้น ได้เห็นผู้นำคนใหม่ที่มีความเพียบพร้อมทั้งคุณวุฒิ วัยวุฒิ ความสามารถ ชนิดที่ว่าไปยืนในเวทีผู้นำโลกได้อย่างไม่ต้องอายใคร ท่ามกลางการสะกัดกั้นพิธาที่เกิดขึ้นมาเรื่อยๆ โดยเฉพาะประเด็นถือหุ้น ITV ที่พิธาอยู่ในฐานะ “ผู้จัดการมรดก” และการโหวตเลือกนายกฯ ที่ยังติดเงื่อนไข ส.ว. 250 คนที่มาจากการแต่งตั้งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ซึ่งนำโดย “พล.อประยุทธ์ จันทร์โอชา” อีกทาง
แต่ในที่สุดความหวังนั้นก็ต้องสลายหายไป เมื่อศาลรัฐธรรมนูญ มีมติ 7 ต่อ 2 รับคำร้องคดี ถือครองหุ้นสื่อ ITV พร้อมสั่งให้พิธาหยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. ตั้งแต่วันที่ 19 กรกฎาคม 2566 จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย แม้ว่ากรณีถือหุ้นสื่อ ITV ในฐานะผู้จัดการมรดก และสถานะของ ITV ที่สังคมส่วนใหญ่ต่างรับรู้ว่าไม่ได้มีการดำเนินการมานานแล้ว บวกกับมีหลักฐานจากอดีตทีมงานของ ITV อย่าง “ฐาปนีย์ เอียดศรีไชย” ที่ออกมาตีแผ่ประเด็นนี้ต่อสังคม ว่า ITV คือเครื่องมือสกัดพิธา ไม่ให้ได้ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี
ความหวังของคนรุ่นใหม่ถูกทำลายลงต่อหน้าด้วยอำนาจของคนไม่กี่คน และกลายเป็นความโกรธแค้นต่อคนที่มีส่วนในการฉุดรั้งอนาคตของพวกเขาไปอีกครั้ง แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียในโลกออนไลน์ กลายเป็นพื้นที่แสดงความรู้สึก และความเห็นของคนในสังคมอย่างหนักหน่วง รวมถึงคนในแวดวงบันเทิงเช่นกัน อาทิเช่น
“อัด อวัช รัตนปิณฑะ” นักร้องและนักแสดง ได้แสดงความคิดเห็นผ่านทางทวิตเตอร์ @ud_awat ระบุว่า พวกคุณอาจจะไม่สนใจเสียงของประชาชนเพราะต้องการรักษาไว้ซึ่งอำนาจของคนบางกลุ่ม แต่โปรดรู้ไว้ว่าการขัดขวางและพยายามทำลายระบบความยุติธรรม รวมถึงพราก ‘อนาคต ความเจริญและความหวัง’ จะเป็นตราบาปของพวกคุณไปตลอด
ในฐานะประชาชนในประเทศนี้ เราอาจจะท้อ เหนื่อยและรู้สึกหมดหวังกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น แต่เราจะไม่มีวันลืมสิ่งที่พวกคุณทำ เราจะสู้ไปเรื่อยๆ สู้ในทุกๆทางตามที่เราทำได้ และพร้อมจะสนับสนุนนักการเมืองที่พร้อมยืนอยู่เคียงข้างประชาชนจริงๆ ให้พวกคุณรู้ว่าอำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชน และประชาชนจะไม่ยอมจำนนต่อระบบที่อยุติธรรมของพวกคุณอีกต่อไป
ก่อนที่ในช่วงค่ำธนาธรจะโพสต์รูปภาพคู่กับพิธา ลงในอินสตาแกรม thanathorn.ig ที่ระบุว่า “ค่ำคืนนี้ มาให้กำลังใจคุณ #พิธา หัวหน้าพรรคก้าวไกล หนทางยังอีกไกล ขอให้เข้มแข็ง นำพี่น้องประชาชนไทยสู่อนาคตอันสดใสต่อไป” ท่ามกลางกำลังใจจากผู้คนในสังคมที่เข้าไปให้กำลังใจทั้งคู่อย่างล้นหลาม ในฐานะผู้เป็นความหวังของคนรุ่นใหม่ที่ประสบชะตากรรมทางการเมืองแบบเดียวกันอย่างไม่ยุติธรรม