วันที่ 20 กรกฎาคมของทุกปี เป็นวันที่แฟนเพลงทั่วโลกจะร่วมรำลึกถึง เชสเตอร์ เบนนิงตัน นักร้องนำวง Linkin Park

เชสเตอร์ เบนนิงตัน ตัดสินใจฆ่าตัวตายด้วยการแขวนคอ ในบ้านพักส่วนตัวย่านปาลอส เวอร์เดส เอสเตท ใกล้นครลอสแองเจลิส ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 20 กรกฎาคม ปี 2017 จบชีวิตลงในวัย 41 ปี

วันที่ เชสเตอร์ เสียชีวิตตรงกับวันครบรอบวันเกิดของ คริส คอร์เนลล์ นักร้องนำวง Soundgarden, Audioslave ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของเขา ที่เสียชีวิตด้วยการฆ่าตัวตายก่อนหน้านั้นในเดือนพฤษภาคมปีเดียวกัน

เชื่อกันว่าการเสียชีวิตของ คริส คอร์เนลล์ ทำให้อาการซึมเศร้าของ เชสเตอร์ ย่ำแย่ลง รวมไปถึงปัญหาการติดยาเสพติดและเหล้า ซึ่งเป็นแรงจูงใจสำคัญของการตัดสินใจปิดฉากชีวิตตัวเองในครั้งนี้

Linkin Park
เชสเตอร์ เบนนิงตัน
ภาพจาก : Facebook Linkin Park

เชสเตอร์ เกิดวันที่ 20 มีนาคม ปี 1976 ที่ฟีนิกซ์ รัฐแอริโซนา คุณแม่ชื่อ ซูซาน อิเลน จอห์นสัน เป็นพยาบาล ส่วนคุณพ่อชื่อ ลี รัสเซล เบนนิงตัน เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เน้นดูแลเคสการทำร้ายร่างกายเด็ก

ในวัยเด็ก เชสเตอร์ มีชีวิตที่ยากลำบาก เขาเคยถูกเพื่อนที่อายุมากกว่าทำร้ายร่างกาย และเคยโดนล่วงละเมิดทางเพศตอนอายุ 7 ขวบ หลังจากนั้นพ่อและแม่ของเขาก็แยกทางกัน เชสเตอร์ต้องไปอาศัยอยู่กับพ่อ ก่อนที่จะเลือกทางเดินผิดกลายเป็นเด็กติดยาเสพติดตั้งแต่อายุ 13 ขวบ แถมยังเคยติดเหล้าหนักอีกด้วย

เขาเคยให้สัมภาษณ์ว่า “ผมจะรู้สึกมั่นใจมากขึ้นเวลาเมายา ผมรู้สึกว่าสามารถควบคุมสิ่งรอบตัวได้มากขึ้นในขณะที่เมายาอยู่”

นอกจากนี้ เชสเตอร์ ยังบอกด้วยว่า ไม่คิดว่าตัวเองจะมีชีวิตรอดมาได้ เนื่องจากตอนนั้นติดเหล้าและยาเสพติดอย่างหนัก ทั้ง ฝิ่น กัญชา โคเคน แอมเฟตามีน จนน้ำหนักตัวเหลือแค่ 50 กิโลกรัมเท่านั้น

มันไม่ใช่เรื่องที่เจ๋งเลยที่ติดแอลกฮอลล์ มันไม่เจ๋งเลยที่จะเมาและทำตัวโง่เขลา

เชสเตอร์ กล่าว
วง Linkin Park
วง Linkin Park
ภาพจาก : Facebook Linkin Park

ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา เชสเตอร์ ได้ต่อสู้กับตัวเองในการเอาชนะทั้งปัญหายาเสพติดและแอลกอฮอล์ บางครั้งตัวเขาเองก็พ่ายแพ้ ทำให้ต้องเข้ารับการบำบัด อีกทั้งยังต้องต่อสู้กับโรคซึมเศร้าที่คนอื่นไม่มีทางเข้าใจลึกซึ้งไปกว่าตัวผู้ป่วย

ซึ่งตรงจุดนี้สะท้อนออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน หลังจาก ทาลินดา เบนนิงตัน ภรรยาเชสเตอร์โพสต์คลิปวิดีโอความทรงจำสุดท้ายระหว่างเชสเตอร์กับลูกๆ ก่อนที่สามีของเธอจะเสียชีวิตในอีก 36 ชั่วโมงต่อมา

ฉันอยากให้ทุกคนรู้ว่าอาการซึมเศร้านั้นไม่ได้แสดงออกมาทางสีหน้า หรืออารมณ์ใดๆ เลย โรคซึมเศร้าสำหรับเราคือแบบนี้แหละ แค่ 36 ชั่วโมงก่อนที่จะเขาจะเสียชีวิตเท่านั้น เขารักพวกเรามากๆ และเราก็รักเขาเช่นเดียวกัน

ทาลินดา เบนนิงตัน กล่าว

ก่อนที่เขาจะมีชื่อเสียงโด่งดังเป็นที่รู้จักของแฟนเพลงทั่วโลก เชสเตอร์ เริ่มต้นชีวิตศิลปินในวัย 17 ปี โดยเริ่มร้องเพลงให้กับวง Sean Dowdell and His Friends? ต่อมาในปี 1993 เขากับเพื่อนได้ตั้งวงใหม่ในชื่อว่า Grey Daze และมีผลงานเพลงออกมา 3 อัลบั้ม คือในปี 1993, ปี 1994 และปี 1997 ก่อนที่ตัวเขาจะตัดสินใจอำลาวงในปี 1998

ในตอนนั้น เบนนิงตัน รู้สึกผิดหวัง และคิดว่าอยากจะเลิกร้องเพลงแล้ว แต่ว่าเกิดจุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิตที่ทำให้เขาก้าวขึ้นมาเป็นนักร้องขวัญใจคนทั้งโลก เมื่อ เจฟฟ์ บลู ผู้คัดสรรและพัฒนาศิลปินของค่ายเพลง Zomba Records ได้ยื่นข้อเสนอให้เขาไปออดิชั่นกับวง Xero ซึ่งในเวลาต่อมาถูกเปลี่ยนชื่อให้เป็น Linkin Park

เชสเตอร์ เบนนิงตัน
เชสเตอร์ เบนนิงตัน
ภาพจาก : Facebook Linkin Park

เบนนิงตัน ตัดสินใจลาออกจากงานประจำ และเดินทางไปแคลิฟอร์เนีย เพื่อออดิชั่นเป็นสมาชิกของวง และในที่สุดเขาก็ทำสำเร็จ ก่อนจะมีผลงานเพลงอัลบั้มแรก Hybrid Theory ในเดือนตุลาคม ปี 2000

ด้วยเสียงร้องอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว แนวดนตรีโดดเด่น มีความเป็นร็อคผสมนูเมทัล จึงทำให้วง Linkin Park โด่งดังเปรี้ยงปร้างชั่วพริบตา โดยมีเพลงฮิตที่แฟนเพลงทั่วโลกร้องตามได้อย่าง One Step Closer, Crawling, Papercut และมาพีคสุดๆ กับเพลง In the End ซึ่งขณะนี้มียอดเข้าชม MV ในยูทูบสูงกว่า 1.5 พันล้านครั้งแล้ว

In The End – Linkin Park

Hybrid Theory กลายเป็นหนึ่งในอัลบั้มที่ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม มียอดขายดีที่สุดในศตวรรษที่ 21 ด้วยจำนวนกว่า 27 ล้านชุดทั่วโลก โดยทำยอดขายในสหรัฐฯ ได้สูงกว่า 4.8 ล้านชุด ส่งผลให้ Linkin Park เป็นวงที่ทำยอดขายอัลบั้มชุดแรกได้สูงที่สุดตลอดกาล นับตั้งแต่อัลบั้ม Appetite for Destruction ของวง Guns ‘N Roses และอัลบั้มนี้ยังได้รางวัลแผ่นเสียงเพชรจาก Recording Industry Association of America หรือ RIAA ในปี 2005 ด้วย

ก่อนที่จะมาตอกย้ำความสำเร็จอีกขั้นกับผลงานเพลงสตูดิโออัลบั้มที่ 2 Meteora ในเดือนมีนาคม ปี 2003 โดยมีเพลงดังอย่าง Somewhere I Belong, Faint, Numb, From the Inside, Breaking the Habit และอื่นๆ ซึ่งอัลบั้มนี้ทำยอดขายได้มากกว่า 810,000 ชุดในสัปดาห์แรก และมียอดขายทั่วโลกประมาณ 16 ล้านชุด ทำให้เป็นอัลบั้มที่ขายดีที่สุดอันดับ 8 ของศตวรรษที่ 21 ได้รับการรับรอง 7x Platinum โดย RIAA

หลังจากนั้น เชสเตอร์ และวง Linkin Park ก็มีผลงานเพลงอัลบั้มต่อมา คือ Minutes to Midnight (2007), A Thousand Suns (2010), Living Things (2012), The Hunting Party (2014) และ One More Light (2017)

โดยในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา Linkin Park ได้ปล่อยเพลงที่ไม่เคยเผยแพร่ที่ไหนมาก่อนคือซิงเกิล Lost ซึ่งเป็นผลงานการร้องของ เชสเตอร์ ผู้ล่วงลับ ในโอกาสที่อัลบั้ม Meteora มีอายุครบ 20 ปี ซึ่งขณะนี้มียอดเข้าชม MV ในยูทูบสูงกว่า 55 ล้านครั้งแล้ว

Lost – Linkin Park

ส่วนสถานการณ์ล่าสุดของวง Linkin Park ก่อนหน้านี้เต็มไปด้วยคำถามมากมาย เพราะแฟนเพลงทั่วโลกยังไม่รู้แน่ชัดว่าทิศทางของวงจะเป็นอย่างไรต่อ หลังจากเชสเตอร์เสียชีวิตลง

แต่ ไมค์ ชิโนดะ ยืนยันว่า สมาชิก Linkin Park ที่เหลือยังไม่มีแนวคิดที่จะกลับมาทำวงต่ออีกครั้ง

สำหรับผม มันรู้สึกว่ามากเกินไปที่จะกลับมาทำอีกครั้ง เราได้พยายามลองทำเพลงบางเวอร์ชั่น รวมไปถึงการมองสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้น มันเหมือนกับว่าเป็นทางสมาชิกของวงเองที่ไม่ได้อยากจะเข้าร่วม

ไมค์ ชิโนดะ ให้สัมภาษณ์ล่าสุดเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2023

แม้ว่า เชสเตอร์ เบนนิงตัน จะลาจากโลกนี้ไปแล้ว แต่ผลงานและเสียงร้องของเขา ยังคงอยู่ในความทรงจำ และดังกึกก้องในหัวใจของแฟนเพลงทั่วโลกไปตลอดกาล

วง Linkin Park
วง Linkin Park
ภาพจาก : Facebook Linkin Park

ที่มาชื่อวง Linkin Park

ตอนแรก ไมค์ ชิโนดะ จะเปลี่ยนชื่อจากวง Xero เป็น Hybrid Theory ซึ่งเป็นชื่อเดียวกันกับอัลบั้มแรก แต่ปรากฏว่าชื่อนั้นมีคนใช้แล้ว จึงทำให้ต้องมาคิดกันใหม่ ก่อนได้คำว่า Linkin Park ซึ่งเป็นชื่อที่แผลงตัวสะกดมาจาก Lincoln Park

โดย Lincoln Park เป็นสถานที่ของชนชั้นกลางและคนจรจัดในเมืองแซนตามอนิกา รัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งเชสเตอร์นักร้องนำผู้ล่วงลับ เคยเล่าถึงที่มาของชื่อว่า “มันคือสถานที่ที่ผมขับรถผ่านหลังซ้อมดนตรีเสร็จเสมอ” อีกทั้งชื่อนี้ยังเป็นที่ชื่นชอบของคนในวงอย่างมาก เพราะมันสะท้อนถึงความติดดินได้ดีทีเดียว

วง Linkin Park
วง Linkin Park
ภาพจาก : Facebook Linkin Park

เด็กฝั่งธนฯ ที่บ้านเลี้ยงแมว 2 ตัว เชียร์ทีมชาติไทย ชอบสะสมหุ่นจำลอง แต่ยังไม่ได้แกะออกมาจากกล่องสักที!

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้ที่จำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ (Strictly Necessary Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้มีความสำคัญต่อการปฏิบัติการของเว็บไซต์ feedforfuture.co ซึ่งจะช่วยให้ท่านสามารถเข้าถึงข้อมูลและเนื้อหาต่างๆ ของเว็บไซต์เราได้ทุกส่วน โดยเฉพาะส่วนสมาชิกผู้ใช้งานของเว็บไซต์ ตลอดจนการตรวจสอบจำนวนผู้เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเรา

  • คุกกี้ด้านประสิทธิภาพการทำงานของเว็บไซต์ (Performance Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ใช้เพื่อรวบรวมข้อมูลทางสถิติเกี่ยวกับการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน เพื่อวิเคราะห์ และช่วยให้เราทราบถึงพฤติกรรมการใช้งาน ซึ่งจะช่วยปรับปรุงการทำงานของเว็บไซต์เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดในการใช้งานบนเว็บไซต์ของเรา

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาเข้ากับกลุ่มเป้าหมาย (Targeting Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ใช้ในการบันทึก และจดจำคุณลักษณะต่างๆ ที่ท่านได้เลือกขณะเข้าชมเว็บไซต์ของเรา เช่น หมวดหมู่ และเนื้อหาที่ท่านชอบอ่านมากที่สุด เราจะบันทึกข้อมูลเหล่านี้ และนำกลับมาใช้เมื่อท่านกลับเข้ามาที่เว็บไซต์ของเราอีกครั้ง เพื่อปรับให้ท่านได้รับชมเนื้อหาได้ตรงกับความชอบของท่านให้มากที่สุด

  • คุกกี้เพื่อนำเสนอโฆษณาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย (Advertising Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ใช้เพื่อจดจำพฤติกรรมการอ่านเนื้อหาบนเว็บไซต์ของท่าน รวมถึงรายละเอียดของอุปกรณ์ที่ท่านใช้ เพื่อนำไปใช้วิเคราะห์การนำเสนอโฆษณาที่เหมาะสมกับท่านมากที่สุด และช่วยวัดความมีประสิทธิผลของโฆษณาที่เรานำเสนอด้วย ตลอดจนช่วยป้องกัน หรือจำกัดจำนวนครั้งที่ท่านจะเห็นโฆษณาเดิมซ้ำๆ

บันทึก