FEE:D ขอนำเสนอเรื่องราวของสาวนักสู้อย่าง ไอซ์ รักชนก ศรีนอก สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรณ์ เขตที่ 28 จอมทอง บางบอน หนองแขม จากม้านอกสายตาสู่ผู้เอาชนะเหล่าบ้านใหญ่ สะท้อนกระแสความต้องการความเปลี่ยนแปลงของพี่น้องประชาชน วันนี้เรามารู้จักกับเธอคนนี้ในทุกมุมมองกับหลากหลายเรื่องราวที่คุณอาจจะยังไม่เคยรู้มาก่อน วันนี้เรามาติดตามกันต่อในตอนที่ 2 กันครับ
วันเเรกที่รู้ว่าต้องดูเเลเขตนี้นี่หนักใจขนา
ไอซ์ รักชนก ศรีนอก : ก็ถามพรรคว่าเเบบคือสรุปพี่จะไม่ให้หนูได้เเบบมีโอกาสชนะเลยเหรอในเขตนี้นะคะ เพราะว่าคือทุกคนก็รู้เนอะว่าเเชมป์เก่าคือใคร เเล้วเราก็รู้สึกว่าคือไม่รู้ว่าจะไปเอาชนะเขาได้ยังไงจริงๆในวันเเรกที่ได้รับการมอบหมายมาให้ดูเเลในเขตนี้เเต่ว่าหลังจากนั้น ก็คือคิดเเค่ว่าก็ไม่เป็นไรก็ทำให้เต็มที่ก็ทำให้ดีที่สุด ทำให้สมศักดิ์ศรีผู้สมัครจากพรรคก้าวไกลเเล้วก็อย่าทำให้ซัพพอร์ตเตอร์ที่เคยลงคะเเนนให้เราในเขตนั้นเขารู้สึกว่ารอบนี้ผิดหวังหรือว่าเเบบไม่มีหวัง เราก็สู้ให้มันสมศักดิ์ศรีตามภาระงานที่เราได้รับมา
รู้สึกยังไงครับกับการที่เหมือนว่าตอนนี้ประชาชนเขาอยากเปลี่ยนเเปลง
ไอซ์ รักชนก ศรีนอก : เราก็รู้สึกว่ากระเเสของการเปลี่ยนเเปลงเนี่ยมันมีมาตั้งเเต่ 2475 เนอะ เเต่ว่ามันก็จะเป็นกระเเสขึ้น กระเเสลงสลับกันไปเรื่อยๆ เเล้วไอซ์รู้สึกว่าตอนนี้เนี่ยด้วยความที่หลายๆปัจจัยเเล้วก็บริบททางสังคมไม่ว่าจะเป็นการมีโลกโซเชียลมีเดียที่เเบบทุกคนสามารถรับข้อมูลข่าวสารได้ภายใน 1 วินาทีเนอะ หรือว่าจะเป็นบริบทสังคมที่โอเคไอซ์รู้สึกว่าตอนนี้คนเริ่มเปลี่ยนเเนวความคิดไปเยอะคนเริ่มเห็นว่าปัญหาที่เเท้จริงของประเทศนี้คืออะไรเเล้วไม่สามารถเเก้ไขเเบบลูบหน้าปาดจมูกเเบบขอไปทีได้เเล้ว มันต้องเป็นการเเก้ไขเชิงโครงสร้างที่เเก้ครั้งเดียวหรือว่าเเก้อย่างเดียวเเล้วมันสามารถครอบคลุมปัญหาได้ทั้งประเทศหรือว่าเเก้กฎหมายตัวเดียวเเล้วมันสามารถส่งผลกระทบได้ถึงคนทั้งประเทศเลยคือไอซ์รู้สึกว่าสังคมเริ่มเข้าใจเเล้ว เเล้วตัวไอซ์ดีใจนะที่เห็นสายลมเเห่งการเปลี่ยนเเปลงพัดมาเเล้วมันสามารถสั่นกระดิ่งในหัวใจของผู้คนได้มากมายขนาดนี้
วันที่ประกาศผลการเลือกตั้งวันที่รู้ว่าตัวเองเนี่ยจากอดีตผู้สมัครสส.จะกลายเป็นว่าที่สส.เเล้วเนี่ยรู้สึกยังไง
ไอซ์ รักชนก ศรีนอก : วันนั้นเนี่ยจริงๆคิดว่าโอกาสชนะก็ยังมีน้อยอยู่ เเต่ว่าเราคิดว่ายังไงก็น่าจะมีโอกาสคือถ้าไม่เเพ้หลักร้อยก็อาจจะชนะหลักร้อยเราก็มีการจัดให้ทีมงานไปเฝ้าตามหน่วยเลือกตั้งเนอะ เพราะว่าคิดว่าถ้าคะเเนนมันเฉือนกันมากๆ เราจะต้องมีข้อมูลเพื่อที่จะเอาไปขอร้องเรียนให้กกต.นับใหม่เเต่พอเเบบผลคะเเนนมันเริ่มรันไปสักครึ่งชั่วโมงอะทุกหน่วยมันชนะขาดหมดเลยคือทีมงานก็บอกว่าคือไปนั่งเฝ้าอยู่ที่หน่วยก็เเบบร้องไห้ตัวเรานั่งมอนิเตอร์อยู่ก็ที่บ้านของทีมงานก็ร้องไห้เนอะคือเเบบเราไม่คิดว่าเราจะได้รับคะเเนน ไม่คิดว่าจะได้รับความสนับสนุนที่มันท่วมท้นเเบบนี้คือมันเป็นอะไรที่เเบบคนธรรมดาอย่างเราคือไม่คาดหวังเลยว่าการเมืองมันจะเปลี่ยนไปเเล้วจริงๆละผู้คนจะตอบรับกับเสียงเรียกร้องตอบรับกับเจตจำนงเเห่งการเปลี่ยนเเปลงมากมายขนาดนี้
ได้ลงพื้นที่ขอบคุณประชาชนเเล้วหรือยัง
ไอซ์ รักชนก ศรีนอก : ก็ลงพื้นที่ขอบคุณประชาชนทุกวันค่ะเเล้วก็รับเรื่องร้องเรียนเลยก็คือขอบคุณไปด้วยเเล้วก็ถ้าใครมีเรื่องอะไรฝากมาก็ไปเเก้ไขปัญหาให้ทันที เพราะว่าก้าวไกลเราก็สโลเเกนดีอันนี้ชัดเจนเนอะคือ ลุยต่อไม่รอกกต.รับรอง เราพร้อมทำงานตั้งเเต่วันเเรกที่พ่อเเม่พี่น้องประชาชนลงคะเเนนเลือกเรามาจริงๆเราพร้อมทำงานตั้งเเต่วันที่เราเสนอตัวมาลงในพื้นที่นี้ด้วยซ้ำเราก็ทำมาตลอดเนอะเเล้วเราก็เเค่ทำต่อ
มองว่าในเขตของตัวเองเนี่ยอะไรเป็นปัญหาที่ใหญ่ที่สุดเลย
ไอซ์ รักชนก ศรีนอก : ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดก็น่าจะเป็นเรื่องค่าครองชีพที่สูง เเล้วก็ค่าเเรงที่ไม่สอดคล้องกับค่าครองชีพเนอะซึ่งพรรคก้าวไกลเราก็มีนโยบายในการตอบโจทย์ปัญหาเหล่านี้ไอซ์ยกตัวอย่าง 3 อย่างเรื่องหลักๆเลยก็คือเป็นนโยบายของพรรคก้าวไกลเเล้วก็สอดคล้องกับปัญหาในพื้นที่ที่พ่อเเม่พี่น้องพูดกันมากๆเลยก็คือค่าไฟเเพง เเพงมากบางคนเพิ่มมาเเบบเท่าตัวนะคะคือตั้งตัวไม่ทันเพราะว่าทุกคนก็รายได้เท่าเดิมเเต่ว่าค่าไฟเพิ่มมาเท่าตัวอย่างนี้คือมันกระทบกับชีวิตเขาจริงๆนโยบายก้าวไกลก็คือลดค่าไฟทันที 70 สตางค์ต่อหน่วยเดี๋ยวรอดูได้เลย เป็นนโยบายร้อยวันเเรกของพวกเรานะคะ ลด 70 สตางค์ต่อหน่วยเเล้วเราจะเจรจากับคู่สัญญาที่ได้รับสัมปทานไปในอนาคตว่าสามารถปรับโครงสร้างค่าไฟยังไงได้บ้างเราอาจจะต้องดูว่ามันอาจจะลดได้มากกว่านี้นะคะเเล้วก็เรื่องค่าเเรงขั้นต่ำ 450 บาทพื้นที่ของไอซ์เนี่ยเป็นพื้นที่ที่มีโรงงานขนาดเล็ก ขนาดกลางเยอะเนอะเเล้วก็มีพ่อเเม่พี่น้องที่เป็นเเรงงานทั้งในไทยเเล้วก็ต่างชาติด้วยทุกคนได้รับผลกระทบจากค่าครองชีพที่มันเพิ่มต่อเนื่องมา 10 ปีเเต่ว่าค่าเเรงไม่เคยขยับไปไหนเลยก้าวไกลเราก็จะผลักดันให้เป็น 450 บาทเป็นหมุดหมายเเรกที่เราอยากจะปักเเล้วก็ผลักดันให้ทุกๆปีเนี่ยสามารถเพิ่มได้ตาม GDP ไม่ต้องรอพรรคการเมืองมาหาเสียงกับเราในอีก 4 ปีข้างหน้าเเม้ว่าก้าวไกลเราจะได้เป็นรัฐบาลหรือไม่ได้เป็นรัฐบาลค่าเเรงก็ต้องเพิ่มต่อไปเรื่อยๆทุกๆปีเนอะตาม GDP ต่อมาก็คือการปักหมุดปักธงในสิ่งที่เรียกว่ารัฐสวัสดิการเบี้ยผู้สูงอายุ 3,000บาทตั้งเเต่ 60 ปีขึ้นไปถ้วนหน้าไม่ต้องพิสูจน์สิทธิ์ไม่ต้องพิสูจน์ความจนเด็กเล็ก 0-6 ขวบ 1,200 บาทนะคะคือจำนวนเงินมันอาจจะไม่ได้ดูเยอะมากหรือว่าทำให้ใช้ชีวิตได้เเบบอู้ฟู่เเต่ว่านี่คือการวางหมุดหมายก้อนเเรกของรัฐสวัสดิการเเละพรรคก้าวไกลเราอยากจะปักธงเพื่อเป็นตาข่ายรองรับชีวิตให้คนในสังคมนี้นี่คือ 3 อย่างที่เราจะลดค่าครองชีพเนอะเเล้วก็เพิ่มรายได้
ใน EP. หน้า เราจะพาไปทุกคนไปฟังความเห็นของคุณไอซ์กับมุมมองของเธอที่มีต่อปัญหาภาพรวมของประเทศ จะมีการวิจารณ์ในประเด่นไหนบ้างนั้น รอติดตามชมกันได้ครับ
สำหรับใครที่ยังไม่ได้อ่าน EP.1 ก็สามารถติดตามได้ที่นี่เลย