FEE:D ขอนำเสนอเรื่องราวของสาวนักสู้อย่าง ไอซ์ รักชนก ศรีนอก สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรณ์ เขตที่ 28 จอมทอง บางบอน หนองแขม จากม้านอกสายตาสู่ผู้เอาชนะเหล่าบ้านใหญ่ สะท้อนกระแสความต้องการความเปลี่ยนแปลงของพี่น้องประชาชน วันนี้เรามารู้จักกับเธอคนนี้ในทุกมุมมองกับหลากหลายเรื่องราวที่คุณอาจจะยังไม่เคยรู้มาก่อน
เเนะนำตัวเองให้เเฟนๆแบบคร่าวๆกันก่อน
สวัสดีค่ะ ชื่อไอซ์นะคะ รักชนก ศรีนอกค่ะก็เป็นผู้สมัครในเขตบางบอน จอมทอง หนองเเขมค่ะ
ช่วยเล่าประวัติของตัวเองให้เเฟนๆฟังหน่อยได้ไหมครับว่าเริ่มตั้งเเต่เรียนที่ไหน จบที่ไหนมาอะไรอย่างไร
ไอซ์ รักชนก ศรีนอก : ตอนเด็กๆนะคะก็เรียนที่วัดขุนจันทร์ ประถมเรียนวัดขุนจันทร์เป็นเด็กโรงเรียนวัดเลยเเล้วก็มัธยมก็เรียนโรงเรียนโรงเรียนสตรีวัดอัปสรสวรรค์ที่วัดปากน้ำช่วงม.3 ก็ครอบครัวมีปัญหาทางด้านเศรษฐกิจนิดหน่อยก็เลยต้องไปเรียนสายอาชีพเพราะว่ามันจะได้ทำงานไปด้วยเรียนไปด้วยได้ก็มีปีหนึ่งที่ไปเรียนอยู่ที่ตั้งตรงจิตรพณิชยการนะคะเเล้วพอทุกอย่างมันโอเคก็เลยกลับมาเรียนที่อัปสรสวรรค์เหมือนเดิมเรียนสายวิทย์-คณิตเเล้วก็สอบติดธรรมศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ สาขาสถิติค่ะเเล้วก็หลังจากที่สอบติดธรรมศาสตร์เนี่ยคือครอบครัวก็ไม่ได้ฐานะอะไรดีมากเนอะเราก็ทำงานตั้งเเต่ปี 1 เริ่มตั้งเเต่สอนพิเศษ หางานสอนพิเศษมาขาย รับจ้างทั่วไปต่างๆรับไปเป็นเอ็มซีงานอีเว้นท์เเล้วก็สุดท้ายก็คือเอาพวกองค์ความรู้ที่เราหางานสอนออนไลน์อย่างนี้ก็คือมันจะต้องเเบบทำในไอจีทำในเฟสบุ๊คอย่างนี้เนอะเราก็เอามาเปิดร้านเป็นร้านขายของออนไลน์ของเราขายเเบบต่างๆทั่วไปกิ๊ฟช็อปของน่ารักๆตุ๊กตาอะไรอย่างเนี้ยอะค่ะเเล้วเราก็ขายมาตั้งเเต่ปี 1 ปี 2 ปี 3 ปี 4 จนเรียนจบก็ออกมาเปิดบริษัทของตัวเอง
ช่วยเล่าชีวิตตัวเองในมุมส่วนตัวให้ฟังหน่อย
ไอซ์ รักชนก ศรีนอก : ไอซ์อยู่ในครอบครัวบุญธรรมเนอะเพราะว่าคุณพ่อคุณเเม่ก็ไม่พร้อมเเล้วก็เลยเอามาฝากเลี้ยงไว้เเล้วหลังจากนั้นก็หายไปเราก็เลยอยู่ในครอบครัวบุญธรรมมาตั้งเเต่ยังไม่ได้ขวบนึงอะค่ะเเล้วครอบครัวบุญธรรมก็ทำอาชีพรับจ้างเเบบทั่วไปเคยเห็นคุณเเม่บุญธรรมก็คือขายตั้งเเต่ขายซาลาเปา ขายน้ำเเข็งไส ขายเสื้อ ขายเครื่องประดับก็คือรับจ้างขายไปเรื่อยๆเวียนไปเรื่อยๆเเล้วเเต่ว่าอันไหนมันเป็นฤดูกาลไหนก็ขายไปเรื่อยอะค่ะ
เเฟนๆมองว่าคุณไอซ์เป็นคนเเบบเเรงๆเปรี้ยวๆ จริงๆคุณไอซ์เป็นอย่างนี้ไหม
ไอซ์ รักชนก ศรีนอก : ก็คงเป็นเเบบนั้นนะคะ คือจริงๆเป็นคนเเบบสบายๆนะเเบบอยู่กับเพื่อนฝูงอะไรอย่างเนี้ยไม่ได้ซีเรียสอะไรเเบบนั้นเเต่ว่าถ้าเป็นเรื่องอะไรที่ต้องซีเรียสเเบบตรงไปตรงมาเราก็ตรงไปตรงมาอะค่ะ
ตั้งเเต่เริ่มเข้ามหาวิทยาลัยเนี่ยมีความคิดในด้านการเมืองมาตั้งเเต่ตอนนั้นเเล้วหรือเปล่า
ไอซ์ รักชนก ศรีนอก : คือจริงๆเเล้วเป็นคนที่ตอนช่วงมหาวิทยาลัยก็สนใจการเมืองเนอะเเต่ว่าช่วงนั้นก็คือเป็น conservative เเบบสุดโต่งก็จะสนใจการเมืองก็คือจะสนใจการเมืองในอีกรูปเเบบหนึ่งไม่ได้เป็นเเบบทุกวันนี้อะไรอย่างนี้เเล้วก็อย่างที่หลายๆคนเคยรู้เนอะเราก็เป็นอนุรักษ์นิยมเเล้วก็เคยสนับสนุนรัฐประหารมาก่อน สนับสนุนลุงตู่ต่างๆอะไรอย่างนี้จนเเบบเวลาเปลี่ยนเเล้วก็ได้รับข้อมูลชุดใหม่ก็นั่นเเหละค่ะทุกอย่างก็หล่อหลอมให้มาเป็นทุกวันนี้
จุดไหนที่ทำให้คุณไอซ์รู้สึกว่าเฮ้ย เราจะหันหน้าเข้าหาการเมือง
ไอซ์ รักชนก ศรีนอก : คือธรรมศาสตร์เนี่ยเขาจะมีประเพณีเนอะก็คือพอรับเพื่อนใหม่เนี่ยจะมีให้กินข้าวจากนาธรรมศาสตร์เเล้วก็เริ่มให้ดูเเบบเป็นเหมือนวิดีโอ 6 ตุลา ว่าพื้นที่ที่สนามฟุตบอลตรงนั้นเนี่ยเคยมีการสังหารหมู่ครั้งใหญ่เกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ซึ่งตอนนั้นอะคือเราก็ไม่เก็ทว่าเขาจะสื่ออะไรเพราะว่าเราจำได้ว่าตอนเรียนประวัติศาสตร์ในสมัยมัธยมคือก็ไม่ได้ mention ถึงเรื่องนี้มากหรือถ้า mention เรื่องนี้ก็จะเป็นเเบบเป็นในอีกเวอร์ชันหนึ่ง ธรรมศาสตร์เป็นให้ดูเราก็ไม่เก็ทจนก็เรียนไป 4 ปีเราก็โอเคเราก็เริ่มเก็ทประวัติศาสตร์ เริ่มเก็ทสิ่งที่เป็น core value ของธรรมศาสตร์เริ่มเก็ทว่าโอเครุ่นพี่รุ่นก่อนหน้านี้เคยทำอะไรมาเเต่ว่าก็ยังไม่ได้รู้สึกว่าเเบบอินหรือว่าอะไรขนาดนั้นตอนสมัยที่เรียนนะ
จุดไหนที่เลือกมาเข้าพรรคก้าวไกล
ไอซ์ รักชนก ศรีนอก : ต้องบอกว่าก่อนหน้านี้เราก็เป็นคนหนึ่งที่ไปร่วมชุมนุมเนอะ ไปม็อบ ไปเเสดงออกทางการเมืองไปอะไรอย่างเนี้ยเขียนป้ายไปชูบ้าง ก็เเบบเเสดงออกทางโซเชียลมีเดียใช้ช่องทางของเราบ้างอะไรอย่างนี้เเล้วจุดที่รู้สึกว่าต้องมาทำงานการเมืองเเล้วก็คือว่ามันมีอยู่วันหนึ่งเนอะคือเรารู้เนอะว่าไอ้การสลายการชุมนุมม็อบเนี่ยมันค่อยๆเพิ่มความรุนเเรงขึ้นเรื่อยๆจากเมื่อก่อนก็คือใช้โล่ ใช้กระบองดันเเล้วก็มาเป็นปืนฉีดน้ำเเล้วก็มาเป็นเเก๊สน้ำตาเเล้วก็กระสุนยางซึ่งทุกอย่างเนี่ยคือเหมือนกับว่าพอรอบนี้ถ้ามันรุนเเรงเท่าไหนเเล้วรอบหน้าคือความรุนเเรงมันจะเพิ่มระดับต่อไปจนมันมีข่าวว่าเริ่มมีการใช้กระสุนจริงเเล้วสื่อวันนั้นเราจำได้ว่ามันมีสื่อหลายสำนักที่รายงานว่าเพราะว่าประชาชนเนี่ยใช้ความรุนเเรงกับเจ้าหน้าที่มีการพกอาวุธพกนู่นนี่มาทำให้เจ้าหน้าที่เนี่ยต้องสลายการชุมนุมด้วยความรุนเเรงซึ่งเรารู้สึกว่าเราอะอยู่ในเหตุการณ์คือมันไม่ใช่เหตุการณ์ในเเบบที่เขารายงานเเล้วเรารู้สึกว่าสื่อเนี่ยไม่รายงานอย่างตรงไปตรงมาเราก็เลยเดินเข้าไปพูดกับสื่อเพราะวันนั้นมันมีสื่ออยู่ที่หน้าศาลอาญาเยอะเนอะเราก็เดินเข้าไปพูดว่าถ้าสื่อยังรายงานบิดเบือนไม่รายงานตรงไปตรงมาเเบบนี้ ยังสร้างความขอบธรรมให้ตำรวจสามารถใช้ความรุนเเรงกับผู้ชุมนุมได้อะสุดท้ายเหตุการณ์มันจะวนลูปไปเหมือนเสื้อเเดง 53 ที่มีผู้เสียชีวิต 99 ศพเพราะว่าสื่อเนี่ย ช่วยกันประโคมว่าเสื้อเเดงเผาบ้านเผาเมือง เสื้อเเดงเป็นพวกล้มเจ้าไม่รักสถาบันเเล้วก็ไปสร้างความชอบธรรมให้ตำรวจให้ทหารเข่นฆ่าผู้ชุมนุมถ้าปีนี้มีคนเสียชีวิตอีกเเบบปีนั้นอะสื่อเนี่ยเเหละมีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบในเรื่องนี้ด้วยส่วนหนึ่งเเล้วก็ไป mention ถึงสื่อสองคนเนอะว่าเขาทำลายกระบวนการประชาธิปไตยเเบบนำเสนอเฟคนิวส์ทำให้ประชาชนเกลียดกันเองก็โดนฟ้องคนละ 10 ล้านบาทหลังจากนั้นคดีก็เริ่มมาไม่หยุดเลยนะคะเราก็เลยเริ่มรู้สึกว่าโอเคทำไมเป็นประชาชนคนนึงถึงต้องโดนอะไรมากมายขนาดนี้ เเล้วพี่อ๋องอะค่ะ พี่อ๋อง สส.ปดิพัทธ์ สันติภาดา สส. พิษณุโลกของพรรคก้าวไกลก็เหมือนติดต่อมาว่าอยากเอาเรื่องที่โดนสื่อฟ้องเนี่ยเข้ากรรมาธิการไหมเพราะว่ามันไม่เคยมีสื่อสำนักไหนในประเทศไทยที่ฟ้องประชาชนมาก่อนเราก็เลยโอเคค่ะลองเอาเรื่องเข้ากรรมาธิการเพื่อไปประกอบสำนวนศาลเนอะเเล้วพอเข้าไปทำงานในกรรมาธิการพี่อ๋องก็เลยเหมือนฝากว่าเรื่องบางเรื่องในกรรมาธิการอะคือมันเป็นเรื่องสำคัญเเต่ว่ามันไม่มีใครที่จะเอาไปนำเสนอเเล้วเป็นที่น่าสนใจได้ถ้าไอซ์ช่วยได้ ไอซ์ก็ช่วยหน่อยก็เลยได้เห็นกระบวนการในการทำงานของกรรมาธิการเเล้วก็เลยเริ่มเอาเรื่องของคนที่เดือดร้อนอาจจะเป็นเพื่อนเรา เป็นคนรู้จัก เป็นผู้ชุมนุมอะไรอย่างนี้ที่เรารู้จักก็เอาเรื่องเข้ากรรมาธิการเนอะเเล้วก็เริ่มเห็นกลไกว่าโอเคมันสามารถเเก้ไขปัญหาของประชาชนอย่างไรได้บ้างเเล้วก็เลยถามว่า อ๋อมันเริ่มจากการเห็นเพื่อนคนนึงที่เขาเป็นผู้สมัครพรรคก้าวไกลเขาบอกว่าเขาได้รับ approveให้ดูเเลเขตๆหนึ่งเราก็รู้สึกว่าเเบบเฮ้ย ทำไมเราไม่ลองดูบ้างคือก้าวไกลบอกว่าให้โอกาสคนธรรมดาได้เข้ามาเปลี่ยนเเปลงสังคม ให้โอกาสคนธรรมดาได้เข้ามาทำงานการเมืองถ้าอย่างนั้นเราจะลองดูไหมอยากรู้เหมือนกันว่าเขาจะให้โอกาสคนธรรมดาอย่างเราจริงหรือเปล่า ก็ลองสมัครดูเเล้วก็ในพื้นที่กรุงเทพมหานครก็เหลือพื้นที่บางบอนอยู่พอดีก็เลยได้มาดูเเลในเขตนี้ค่ะ
ถึงจุดนี้ก็คงพูดได้ว่ากำลังดุเดือดเป็นอย่างมากกับเรื่องราวของคุณไอซ์ รักชนก ศรีนอก เรื่องราวของคุณไอซ์ยังไม่ได้หมดแต่เพียงเท่านี้ ในบทความหน้าเราจะมาฟังแง่มุมทัศนคติต่างๆจากคุณไอซ์กันต่อครับ ว่าเธอมีมุมมองทางด้านการเมืองและปัญหาที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองอย่างไร ห้ามพลาด !!!