FEED ขอนำเสนอซีรีส์สั้นชุด “แลนดิ้งสู่สภา” ซีรี่ย์ที่จะมาพูดคุยทำความรู้จักกับเหล่านักบินที่วันนี้ไม่ได้อยู่บนท้องฟ้าอีกต่อไป แต่พวกเขาได้ลงมาอยู่ในสนามเลือกตั้งปี 66 นี้ กับสนามเลือกตั้งที่เรียกได้ว่าในครั้งนี้เป็นการตัดสินอนาคตของประเทศ เรื่องราวของพวกเขาจะเป็นอย่างไร จะมีมุมมองหรือเรื่องราวในชีวิตที่น่าสนใจหรือไม่
สำหรับอาชีพนักบินเป็นอาชีพในฝันของใครหลายคน ต้องมีการเตรียมตัว เตรียมสอบ ที่ใช้เวลารวมๆแล้วนานกว่าปีเพื่อที่จะได้ถึงจุดหมายของอาชีพนี้ นักบินเป็นอาชีพที่ขึ้นชื่อว่ามั่นคงและมีการทำงานที่ไม่จำเจจนทำให้เป็นหนึ่งในอาชีพที่ติดอันดับอาชีพที่เด็กและเยาวชนใฝ่ฝันกันไปทั่วโลก
กัปตันภูเบศร์ อภัยวงศ์ หรือที่หลายคนเรียกว่า กัปตันเบศร์ เป็นหนึ่งในนักบินที่ฝ่าฟันทุกด่านของการสอบนักบิน มีประสบการณ์การทำงานทั้งในด้านที่ตนได้จบมาอย่างวิศวกร และได้ต่อยอดมาถึงอาชีพนักบินและได้เดินทางมายังจุดที่เรียกได้ว่าสูงสุงของอาชีพนี้คือการเป็นกัปตัน หน้าที่ที่ต้องแบกรับความรับผิดชอบอันสูงสุดคือชีวิตของผู้โดยสารและลูกเรือทั้งหมด
เมื่อพูดถึงกัปตันภูเบศร์ อภัยวงศ์ เชื่อว่าหลายคนคงมีความคุ้นกับนามสกุลของเขาเป็นอย่างแน่นอน ซึ่งเขาคนนี้เป็นเหลนของนายควง อภัยวงศ์ ซึ่งเป็นอดีตนายกรัฐมนตรีไทยคนที่ 4 ผู้ก่อตั้งและหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนแรกนั้นเอง โดยครอบครัวของเขายังได้วนเวียนทำงานการเมืองกันอยู่ทำให้เลือดของการเป็นนักการเมืองของกัปตันคนนี้ยังเรียกได้ว่าเข้มข้นไม่แพ้ผู้สมัครคนอื่นในปีนี้เลยทีเดียว วันนี้ FEED ขอนำเสนอเรื่องราวของกัปตันคนนี้ในทุกแง่ทุกมุมกันครับ
เล่าเส้นทางชีวิตกว่าจะเป็นนักบินหน่อยครับ
เบศร์ ภูเบศร์ อภัยวงศ์ : ผมเรียนจบจากวิศวะ ธรรมศาสตร์ครับเป็นจบภาคโยธาครับ หลังจากนั้นน่ะผมก็ได้ไปทำงานเกี่ยวกับด้านวิศวกรอยู่ที่หมู่บ้านจัดสรรอยู่ประมาณ2-3ปีครับ หมู่บ้านที่ไปทำหมู่บ้านเเรกเนี่ยเป็นของพร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค( Property Perfect)เเต่ไปทำของโครงการ เดอะ เเกรนด์ The Grand ราชพฤกษ์ พระราม2ครับ หลังจากนั้นน่ะผมก็ได้มาทำ พฤกษา เรียลเอสเตท ( Pruksa Real Estate) เเล้วก็มาทำธนาสิริ (Thanasiri) ครับ มีอยู่วันนึงครับบังเอิญมากเลยครับ เพื่อนผมเนี่ยชวนไปสอบนักบินซึ่งตอนนั้นเนี่ยผมก็ยังเเบบงงๆอยู่ครับ เเต่ว่าเคยทราบมาว่านักบินเนี่ยเป็นอาชีพที่รายได้ดีเพราะว่าคุณอาผมเนี่ยเป็นกัปตันการบินไทยเเล้วก็ย้ายไปโคเรียนแอร์(Korean Air)หลังจากนั้นเนี่ยเขาก็เลยเล่าให้ผมฟังมาโดยตลอดว่านักบินเนี่ยรายได้เป็นเเบบนี้ๆนะ เพื่อนชวนไปสอบเราก็ไม่ได้เตรียมตัวอะไรครับ เราก็เลยไปกับเพื่อน เพื่อนก็ไปฟิต ไปเตรียมตัวกันอย่างดีเลย ผมก็อะ ลองดูก็ได้สักครั้งนึงในชีวิต เเล้วบังเอิญอะสอบผ่านครับก็เลยได้เป็นนักบิน
ทำไมถึงหันมาเลือก เส้นทางการเมือง?
เบศร์ ภูเบศร์ อภัยวงศ์ : พอหลังจากที่ผมได้เป็นนักบินเเล้วผมก็เป็นกัปตัน ผมก็มีความรู้สึกว่าผมก็ได้เป็นกัปตันเเล้วอะนะ ก็คือเหมือนเเบบประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน ผมก็เลยหันมามองถึงความใฝ่ฝันหรือความตั้งใจตั้งเเต่เด็กๆอะนะครับว่าผมอยากเป็นนักการเมือง ผมก็เลยตั้งใจที่จะมาลงการเมืองในครั้งนี้ครับ
นักบินกับนักการเมือง เหมือนต่างกันอย่างไร?
เบศร์ ภูเบศร์ อภัยวงศ์ : ความรับผิดชอบครับ อย่างผมเป็นกัปตันใช่มั้ยครับผมก็ต้องรับผิดชอบชีวิตคน พาผู้โดยสารเดินทางโดยปลอดภัย เเล้วก็ผู้โดยสารที่นั่งอยู่ในเครื่องผมเนี่ยก็ต้องนั่งด้วยความที่เเบบ นั่งสบายเเล้วมีความรู้สึกสบายใจเเละมีความมั่นใจกับไฟล์ทนั้นๆ ส่วนการมาเป็นนักการเมืองเนี่ยก็เหมือนกันครับต้องรับผิดชอบต่อความสุขของพี่น้องประชน ถ้าเป็นไปได้ผมก็อยากทำให้ทุกคนมีความสุขเเล้วก็อยากให้เศรษฐกิจในชุมชนดี ชุมชนที่ผมได้ลงรับเลือกตั้งเนี่ยผมก็เห็นอะไรหลายๆอย่างที่ถ้าผมไม่มาลงเนี่ย ผมก็ไม่รู้มาก่อนเลยว่ามันมีเเหล่งท่องเที่ยวที่เเบบ อย่างวัดเนี่ย ปกติคนที่จะต้องเดินทางไปทำบุญ 9 วัดอะ คุณน็อตทราบไหมว่าในบางซื่อเนี่ย มี 9 วัดใกล้ๆกัน เราอาจจะมาทำบุญที่บางซื่อ เเล้วไปทำบุญ 9 วัดก็ได้นะครับ
เรื่องที่ทำให้เซอร์ไพรส์ เมื่อหันมาหาการเมือง
เบศร์ ภูเบศร์ อภัยวงศ์ :อย่างที่ผมบอกคุณน็อตอะครับ ก็คือผมก็ได้มีการเรียนรู้มาโดยตลอดเกี่ยวกับการเมืองนะครับ สิ่งที่ผมรู้สึกว่ามันว้าวที่สุดก็คือ การที่เรามาลงในส.ส.เขตนี้นะครับก็คือเราได้เจอกับหลายๆพรรคการเมือง หลายๆคน หลายๆชุมชนเเล้วก็ได้รู้สึกถึงเเบบ เกิดความตื่นเต้นครับว่าเราเจอคนนี้ คนนี้เป็นยังไงบ้าง ศัพท์วัยรุ่นนิดนึงนะครับ เหมือนได้ลับสมองตลอดเวลาอะครับ บางคนก็มาลองใจเรา เเบบอยู่ดีๆก็เดินมาเเบบว่าเรื่องเเบบเนี้ย ช่วยได้ไหม? ซึ่งจริงๆมันเป็นเรื่องที่เเบบว่า เราสามารถที่จะช่วยเขาได้อะ เเต่เขาเหมือนเเบบมาลองใจเรา มาลองอะไรเงี้ย มีมากมายเเต่เรื่องที่เเบบผมขำคือ เราเดือดร้อนเงี้ย ขอเงินช่วยได้ไหมซึ่งมันเป็นอะไรที่เเบบ เป็นอะไรที่ถ้าเกิดพูดดีมันก็ดี พูดไม่ดีก็เสียไป
มองว่าอะไรคือเเก่นของปัญหาในสังคมปัจจุบัน
เบศร์ ภูเบศร์ อภัยวงศ์ : ก็คือการเมืองเนี่ยเเหละครับ เพราะอย่างผมเป็นนักบินเป็นกัปตัน เราก็ทำ เราก็เป็นลูกจ้างนะครับ เราก็เหมือนเเบบว่าทำงานไปวันๆ มันก็ไม่มีอะไรเกี่ยวกับ เราก็ไม่รู้สึกว่า สิ้นเดือนปึ้บเราก็ได้เงินเดือนทุกๆเดือนไปใช่มั้ยครับ เเต่พอการเมืองเนี่ย คุณน็อต ลองดูดิครับ สมัยคุณน็อตจะเข้าโรงเรียนอะ ถ้าอยากเข้าโรงเรียนดีๆเนี่ย คุณน็อตจะเข้าได้มั้ยอะ หลายๆอย่างในชีวิตอะ ตั้งเเต่เด็กจนโตอะ จริงๆทุกอย่างอะรอบตัว การเมืองทั้งนั้นครับ คุณน็อตจะเข้าทำงานในบริษัทดังๆ การเมืองไหมครับ?
อยากบอกคนที่มองว่า การเมืองไกลตัวยังไง
เบศร์ ภูเบศร์ อภัยวงศ์ : คือผมก็ได้ออกเเคมเปญมาเเคมเปญนึงนะครับ เนี่ย เสื้อผมเนี่ยครับ เบศ ด่าได้เเต่เลือกด้วยนะ ที่ผมออกเเคมเปญเนี่ยเพราะว่าผมอยากให้ใกล้ชิดประชาชน อย่างสมมติผมเจอคุณน็อตอะ มีอะไรอะมาบอกผม ผมก็จะพยายามที่จะหาทางเเก้ไขให้ซึ่งโดยปกติเเล้วอะ อยากจะไปเจอนักการเมืองสักคนนึงอะ คุณน็อตไปพูดกับเขาอย่างเนี้ย เขาจะรับฟังคุณน็อตไหมฮะ ผมก็เลยคิดอยู่ตลอดเวลาอะครับว่า ผมจะต้องทำยังไงที่จะเเบบเข้าถึงประชาชนให้ได้มากที่สุด ก่อนหน้านี้ผมก็ออกเเคมเปญมาเเคมเปญนึง เชื่อผมเถอะครับ คบกับผม รวย รวยมิตรภาพเเละรวยน้ำใจ คือผมคิดทุกอย่างเนี่ยคือผมก็อยากให้สอดคล้องกับการที่เราเข้าถึงประชาชนได้ง่ายครับ
คิดอย่างไรที่คนรุ่นใหม่ หันมาสนใจการเมือง
เบศร์ ภูเบศร์ อภัยวงศ์ :คือตอนนี้ผมเชื่อว่าวัยรุ่นหลายๆคนหรือว่า คนที่กำลัง เจน (Gen) ที่กำลังขึ้นมา ในเจนใหม่ๆตอนเนี้ย คือเขามีความรู้สึกว่าการเมืองเนี่ยคือ ใครที่เป็นนักการเมืองเนี่ย คือมาบริหารประเทศอะ โกง ถูกมั้ยครับ? คุณน็อต เด็กๆคุณน็อตก็รู้สึก เอาใครก็ได้ โกงเหมือนกันหมดอะ ถูกมั้ยครับ ก็คือเขามองว่า มันรู้สึกว่าการเมืองมันเป็นอะไรที่มันเป็นเเบบ มันอาจจะไม่ถูกใจเขาอะนะฮะ คนรุ่นใหม่เรียกคนรุ่นใหม่ดีกว่า เขาก็เลยอยาก เขาก็เลยมามีบทบาท เเต่พอเขาออกมามีบทบาทเนี่ย ซึ่งบางคนก็ไม่ยอมรับฟังเขา เเต่ผมว่าเป็นการดีนะครับ ที่เขาจะมาเเสดงถึงบทบาทในตรงนี้ฮะ
อยากนำความรู้ที่มีจากบิน มาพัฒนาเขตหรือชาติอย่างไร
เบศร์ ภูเบศร์ อภัยวงศ์ : การไปรับเครื่องเนี่ยนะครับ ก็คือเราไป เรานั่งเครื่องบินจากสายการบินอื่นๆไปถึงที่อเมริกา โบอิ้ง ฟิลด์ (BFI)เนี่ยจะอยู่ที่อเมริกาถูกมั้ยฮะ เราก็จะไปที่เมืองชื่อว่าซีเเอตเทิล(Seattle) เป็นเมืองโบอิ้ง ฟิลด์ พอผมไปถึงปึ้บผมก็ได้ไปพักอยู่2คืนครับ ก่อนที่ผมจะเดินทางกลับ พอผมรับเครื่องผมก็ได้ตรวจเครื่องตรวจอะไรเสร็จปึ้บ ผมก็นำเครื่องกลับมา ผมก็ได้ไปเเวะที่เกาะชื่อโคน่า (Kona Island) โคน่าเนี่ย โคน่ามันก็เป็นเมืองทะเลอะนะฮะเเต่ว่าคุณน็อตรู้ไหมว่า มันไม่มีหาดที่เป็นทรายนะครับ มันจะเป็นเหมือนเเบบคล้ายๆภูเขาไฟระเบิดอะ มันจะเป็นเเบบหาดมันจะเป็นหินๆเต็มไปหมดเลย เเล้วพอเเวะโคน่าเสร็จปึ้บ อีกคืนนึงผมก็ไปเติมน้ำมันที่เกาะกลางทะเลชื่อมาจูโร (Majuro Island) พอเติมน้ำมันเสร็จผมก็บินต่อไปยังเกาะกวม(Guam Island) ซึ่งทั้งหมดเนี่ยคือเป็นประเทศเดียวกันหมดเลยนะครับคืออเมริกา ถูกมั้ยฮะซึ่งผมก็ได้มาเจอว่าระบบเรื่องภาษีซึ่งเเตกต่างกันเเต่ละที่ เป็นตัวอย่างที่หนึ่งนะครับ อย่างที่สองเนี่ยครับคือผมได้เห็นเรื่องอะ ผมไม่ได้ไปเเค่ประเทศนี้ ผมได้ไปประเทศจีนประเทศไรเงี้ยอะครับ ได้ดูความทันสมัย ประเทศจีนเนี่ยมีรถไฟฟ้ามาตั้งเเต่ผมเริ่มบินใหม่ๆที่ประเทศจีนเลยนะฮะ ซึ่งประเทศไทยเนี่ยตอนนั้นยังไม่มีรถไฟฟ้าเลยอย่างมากก็มีเขาเรียกว่าไฮบริด(Hybrid) ซึ่งประเทศจีนนี่มอเตอร์ไซค์ที่เขาขับกันตามท้องถนนเนี่ย
ไฟฟ้ามานานเเล้ว ผมก็เลยมองว่าอย่างเเรกเนี่ยคือมาเเก้ไขในชุมชนก็คือเรื่องPM2.5ครับ PM2.5มันเกิดจากอะไร? เรื่องรถ เรื่องรถนี่ก็คือพวก อย่างพวกดีเซลเงี้ยเเล้วก็จะปล่อยพวก มันก็ทำให้เกิด มีผลกระทบทำให้เกิดPM2.5ที่มากขึ้น เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องสำคัญอย่างมากนะครับที่ผมมองว่าจะต้องเเก้ไข เเล้วก็อย่างผมลงในเขต7ก็คือบางซื่อ ดุสิตมันก็จะมีเกี่ยวกับเรื่องการจราจร จราจรติดมากเลยครับลองไปดูหลายๆประเทศเนี่ยรถไม่ติด
ผมว่าเราไปเเก้ระบบการจราจรโดยใช้ระบบAIดีไหมฮะ คือบางทีคุณน็อตเคยขับรถเวลากลางคืนไหมฮะ บางทีคือมันไม่มีรถเลยอะ เเต่เราต้องมานั่งรอไฟเเดง200วิอะ ถ้าเรามีระบบAIเข้ามาจับเช่น ทางนี้รถไม่ติด ถ้าเกิดมีระบบAIเข้ามาจับเนี่ย ผมว่าเนี่ยการจราจรเนี่ยการติดขัดลดลงอย่างเเน่นอนครับ ผมจะพยายามที่จะทำบางซื่อเป็นที่เเรกเลย เป็นที่ตัวอย่าง
ถ้าจัดกิจกรรมให้คนรุ่นใหม่ 1 กิจกรรม จะจัดกิจกรรมอะไร เพราะอะไร
เบศร์ ภูเบศร์ อภัยวงศ์ : อย่างที่ผมเกริ่นไปเกี่ยวกับเรื่องสโลเเกนเบศ ด่าได้ เเต่ต้องเลือกใช่มั้ยฮะ ผมก็อยากจะจัดกิจกรรมให้กับ เเบบอาจจะตั้งเวทีเล็กๆนะครับเเล้วก็ให้วัยรุ่นมาพูดคุยกันว่าเขาอยากให้นักการเมืองเป็นอะไร อยากให้นักการเมืองทำอะไรให้ คือผมจะเอารวบรวมปัญหาที่เขาพูดหรือว่าใช้คำว่าด่าดีฮะ ด่ามาดีกว่า เเบบไม่ชอบเเบบนี้ ไม่เอาเเบบนี้ อยากได้เเบบนี้เเล้วผมก็จะเอามากลั่นกรอง เเล้วคือทำให้เป็นกิจกรรมที่เเบบไม่น่าเบื่อ อยากทำให้มันเป็นเเบบสบายๆเหมือนมารายการคุณน็อตอย่างงี้ สบายๆ ได้พูดคุยกันเเบบกันเองอะ
ผมเชื่อว่าเขาก็สามารถมีบทบาทได้ด้วยนะ มีบทบาทเเสดงความคิดเห็นเเล้วเราก็ไปรับฟัง รับฟังปัญหาทุกๆอย่าง ถ้าผมได้มีโอกาสรับเลือกใช่ไหมฮะ ผมจะตั้งเป็นกรรมาธิการเลยให้น้องออกความคิดเห็นกันเลย เเล้วอาจจะส่งคนที่โอเคเรื่องนี้ มองดูเเล้วว่ามันเป็นไปได้เเล้วสามารถทำได้ บางทีอาจจะมีโอกาสให้น้องได้โชว์เลย ผมว่าเป็นสิ่งที่จะทำให้ประชาชนเเล้วก็น้องๆหรือคนรุ่นใหม่ได้มีส่วนร่วมในการเมืองร่วมกันครับ
ช่วงขายของ ขายนโยบาย
เบศร์ ภูเบศร์ อภัยวงศ์ : ผมขอย้ำอีกรอบครับ ผมกัปตันภูเบศร์ อภัยวงศ์ พรรคประชาธิปัตย์เป็นผู้สมัครเขตบางซื่อ ดุสิต เเขวงถนนนครไชยศรีครับ เบอร์3 อันนี้เป็นเบอร์ที่ผมลุ้นมากๆครับที่ผมอยากจะได้ ผมจะมาพูดเกี่ยวกับนโยบายพรรคประชาธิปัตย์ครับ เราจะทำสงครามกับPM2.5 เรื่องที่สองนะครับผมอยากจะเป็นนโยบายเกี่ยวกับกรุงเทพมหานครครับ เกี่ยวกับนโยบายกรุงเทพจะน้ำไม่ท่วมครับโดยการนำระบบเดลตาเวิกส์ (Delta works) มาใช้ครับ เรื่องที่สามเป็นเรื่องการศึกษาครับเราจะเรียนฟรีจนถึงปริญญาตรีโดยไม่มีค่าใช้จ่ายอะไรเลยครับ ผมยังมีนโยบายอีกมากมายนะครับ ผมจะนำเเผ่นพับของผมใบนี้ส่งถึงบ้านคุณในเขตบางซื่อ ดุสิต เเขวงถนนนครไชยศรีทุกคนครับ ทุกคนจะได้รับโบรชัวร์(Brochure)ของผมถึงบ้านทุกท่านครับ ขอบคุณครับ