ใกล้เข้ามาทุกทีแล้วกับการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไป (เลือกตั้ง ส.ส.) ที่จะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 14 พฤษภาคม 2566
ซึ่งในขณะนี้หลายๆ พรรคการเมืองก็ได้เดินหน้าหาเสียงกันอย่างเต็มที่ ทุกพื้นที่ทั่วประเทศไทย หวังคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งนี้
FEED ขอพาทุกท่านไปรู้จักตัวตน ความมุ่งหวัง นโยบายสำคัญ และจุดเริ่มต้นบนถนนการเมืองของ “คิง ก่อนบ่าย” ณภัทร ชุ่มจิตตรี อดีตนักแสดงตลกชื่อดัง
หลังจากตัดสินใจมาสวมเสื้อพรรคพลังประชารัฐ ลงชิงชัยตำแหน่ง ส.ส. ประจวบคีรีขันธ์ เขต 1 ซึ่งเจ้าตัวได้หมายเลข 11 ในการเลือกตั้งปี 2566
พร้อมชูสโลแกนเด็ดหวังมัดใจชาวบ้านในพื้นที่กับประโยคที่ว่า “เลือกคนบ้านเกิดให้ไปเป็น ส.ส. อำเภอเมือง” และ “ลองดูครับ 4 ปี ถ้าผมไม่ดีค่อยเปลี่ยนใหม่”
แต่อดีตดาวตลกคนนี้จะ “สอบได้” หรือ “สอบตก” ต้องไปลุ้นกันอีกที ในวันที่ 14 พฤษภาคมนี้
ประชาชนเข้าใจคำว่ารัฐบาลมากน้อยแค่ไหน
ณภัทร ชุ่มจิตตรี : จุดเปลี่ยนของผมจากเป็นนักแสดงมาลงการเมือง เพราะว่าในช่วงโควิดที่ผ่านมา เราเห็นปัญหาความเดือดร้อนของชาวบ้าน และในส่วนของนักการเมือง การให้ความช่วยเหลือ การดูแลต่างๆ มันค่อนข้างที่จะช้า และไม่ทั่วถึง เพราะอาชีพของเราที่เป็นศิลปินดารา มันก็ได้รับผลกระทบทุกอย่าง
ก็เป็นจุดที่สะสมมาเรื่อยๆ เพราะเรามองว่าการเมืองที่ผ่านมามีเรื่องของความขัดแย้ง การแบ่งขั้วอะไรต่างๆ มันลุกลามไปเรื่อย จนไม่มีวันสิ้นสุด เราก็เลยมองว่าถ้าการเมืองมันเป็นแบบนี้ต่อไป แล้วอนาคตลูกหลานประชาชนจะเป็นอย่างไร
ถ้าเรามีโอกาสได้มาทำการเมือง แล้วเราเข้าไปเปลี่ยนแปลงการเมือง โดยเริ่มจากตัวเราเองก่อน แล้วค่อยๆ ต่อยอดไปเรื่อยๆ มันก็น่าจะดี
ต้องย้อนกลับไปก่อนว่ารัฐบาลที่ผ่านมาประกอบด้วยพรรคอะไรบ้าง มันมีพรรคเดียวหรือไม่ แล้วประชาชนเข้าใจคำว่ารัฐบาลมากน้อยแค่ไหน เข้าใจแต่ละส่วนงานมากน้อยแค่ไหน เช่น ปัญหาภัยแล้ง ใครดูแลจุดนั้น หรือหน่วยงานไหน หรือเป็นคนของพรรคไหน การดูแลเรื่องโควิด เป็นคนของพรรคไหน หรือหน่วยงานไหน
สวมเสื้อพลังประชารัฐ เพราะอยากเข้ามาแก้ปัญหาให้ชาวบ้าน
ณภัทร ชุ่มจิตตรี : ที่ผ่านมามันคือรัฐบาลผสม แต่แค่อยู่ในภาพรวมว่ารัฐบาล ซึ่งพรรคพลังประชารัฐก็เป็นพรรคหนึ่งที่อยู่ในรัฐบาล และการที่เราเป็นประชาชนคนหนึ่งแล้วมาตำหนิรัฐบาลเนี่ย ก็คือปัญหาตรงนั้น ใครดูแลรับผิดชอบ มันก็คือการทำงานภาพรวมทั้งหมด
วันนี้เรามาสวมเสื้อพรรคพลังประชารัฐเกิดขึ้นจากอะไร เพราะผมอยากจะมาทำการเมือง ผมอยากจะเข้ามาแก้ปัญหาให้กับชาวบ้าน เป็นตัวแทนของหลายสาขาอาชีพ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเกษตรกร ชาวไร่ ซึ่งเป็นพื้นฐานของครอบครัว กลุ่มคนในวงการบันเทิง กลุ่มนักดนตรี ที่มีผลกระทบโดยตรง ถูกปิดก่อน เปิดทีหลัง ตลอดระยะเวลา 3 ปี
คิง ก่อนบ่าย เผยเหตุผลที่มาสวมเสื้อพรรคพลังประชารัฐ
ผมก็เลยไปคุยกับทางผู้บริหารพรรคพลังประชารัฐ แล้วทางพรรคฯ ก็มีแนวทางที่ตรงกันว่าอยากให้โอกาสคนรุ่นใหม่เข้ามาทำ โดยที่ 1.ไม่ต้องการนักการเมืองที่เป็นนักธุรกิจ
2.ไม่ต้องการนักการเมืองที่เป็นทายาทนักการเมือง พ่อเป็นแล้ว ก็มาลูก ลูกเป็นแล้วก็มาหลาน กระจายกัน กลายเป็นธุรกิจครอบครัว ตรงนี้มันก็เลยคลิกกัน
ในเมื่อพรรคพลังประชารัฐกล้าให้โอาสเรา เราก็พร้อมที่จะเอาอนาคตของเรามาแลกกับตรงนี้ เพื่อที่จะมาทำการเมือง ซึ่งแต่ละพรรคการเมืองก็มีผู้สมัครอยู่แล้ว เรามีโอกาสตรงนี้ ถ้าเกิดเราไม่เลือก หรือเราไม่รับไว้เนี่ย เขาก็ต้องเอาคนอื่นลงอยู่ดี เพราะฉะนั้นในเมื่อมันมีโอกาสแล้ว แล้วเราอยากจะเข้ามาแก้ปัญหา เอาปัญหาของชาวบ้านมาพูดในสภา เราควรคว้าโอกาสนั้นไว้ไหม นั่นคือสิ่งที่คิด
แต่เราก็คิดในใจอยู่แล้วว่าพอมาลงการเมือง เราจะต้องทนแรงเสียดทานให้ได้ เพราะไม่ว่าจะลงพรรคการเมืองไหน ก็จะต้องโดนโจมตีจากฝั่งตรงข้ามทั้งนั้น เพราะแต่ละพรรคการเมืองก็จะมีแฟนคลับของเขาอยู่ ก็คงจะมีแค่เราเท่านั้นที่จะรู้เหตุผลและรู้ความตั้งใจของเราที่จะทำ
คิง ก่อนบ่าย ไม่หวั่นหากถูกโจมตีจากแฟนคลับฝั่งตรงข้าม
มุ่งหวังให้จังหวัดประจวบฯ เป็นเมืองแวะ ไม่ใช่เมืองผ่าน
ณภัทร ชุ่มจิตตรี : ผมได้คุยกับคนในวงการบันเทิงมาแล้ว ทุกคนก็มองเราว่าเราน่าจะเป็น ส.ส. ได้ เพราะเขามองว่าทุกครั้งที่มีกิจกรรมอะไรต่างๆ เราจะเอาลงที่บ้านเกิดตลอด ไม่ว่าจะเป็นฟุตบอลการกุศล การสร้างโรงเรียน การช่วยเหลือเกษตรกรเรื่องราคาพืชผล สินค้าทางการเกษตรตกต่ำ หรือว่าประสบภัยน้ำท่วม
หรือแม้กระทั่งเรื่องโควิดที่ผ่านมา เราก็ระดมทุนขอทุนเข้ามาช่วยเหลือกลุ่มนักดนตรีอะไรต่างๆ เขาก็เลยมองว่าในเมื่อเราช่วยเหลือบ้านเกิดอยู่แล้ว เราก็น่าจะมาทำด้านนี้ แต่ตอนนั้นเรายังไม่ได้บอกว่าเราลงพรรคการเมืองไหน แต่เราแค่บอกว่าเราจะลงการเมือง
ส่วนแนวทางการแก้ปัญหาอย่างแรกเลยจะทำอย่างไรให้ประจวบฯ เป็นเมืองแวะ ไม่ใช่เมืองผ่าน เพราะประจวบฯ ถือเป็นเมืองหน้าด่านสำหรับรถที่จะลงใต้ และรถจากใต้ขึ้นมาเมืองหลวง
โดยสถิติที่ผมลองไปดูข้อมูลมามีรถต่อวัน 18,000 คัน ที่วิ่งผ่านจังหวัดประจวบฯ แล้วคนก็มักจะบอกว่าเส้นทางยาวมาก หลับ 2-3 ตื่นแล้วก็ยังไม่พ้นจังหวัดประจวบฯ สักที
แต่มันจะมีแนวทางไหนล่ะ ที่จะให้ 18,000 คัน แวะมาจับจ่ายใช้สอยที่จังหวัดประจวบฯ คืออย่างน้อย 10 เปอร์เซ็นต์ก็คือ 1,800 คันต่อวัน ผมเชื่อว่ามันจะเกิดการจับจ่ายซื้อของ สินค้าทางการเกษตร หรือสินค้าของชาวประมงอะไรต่างๆ มันก็จะถูกซื้อไปแน่นอน เมื่อประจวบฯ มีทรัพยากรตั้งแต่ฝั่งตะวันออก และฝั่งตะวันตก
ฝั่งตะวันออกคือทะเล ฝั่งตะวันตกคือภูเขา เราจะทำอย่างไรที่จะเอาทรัพยากรของดีของเรา ให้คนที่ต้องขับรถผ่านประจวบฯ ต้องแวะซื้อ นั่นคือสิ่งสำคัญ ถ้าหากเราทำได้ การท่องเที่ยวเข้มแข็ง ชุมชนเข้มแข็ง ไม่ว่าจะเกิดวิกฤตอะไรชาวบ้านก็จะไม่เดือดร้อน เขาจะอยู่ได้ด้วยตัวเขาเอง แต่ภาครัฐต้องมาสนับสนุนเขา
ขอแก้ปัญหาประมง ชาวบ้านต้องรวยได้ด้วยสับปะรดและมะพร้าว
ณภัทร ชุ่มจิตตรี : ปัญหาอื่นก็คงจะเป็นในเรื่องของประมง ซึ่งผมก็ไปบอกกับชาวประมงตรงๆ เลยว่าพรรคพลังประชารัฐเป็นพรรคที่ออกตัวกฎหมาย ระบบใบอนุญาตให้ทำงานในเรือฯ ตามมาตรา 285 ซึ่งส่งผลกระทบกับเรือประมงพื้นบ้าน โดยประมงก็จะมีประมงขนาดเล็ก ประมงขนาดกลาง และประมงขนาดใหญ่
เราก็ไปบอกกับชาวประมงแบบแมนๆ ว่าในเมื่อผมสวมเสื้อพรรคพลังประชารัฐแล้ว เราเข้าใจปัญหาว่าเกิดจากเรา ในเมื่อเราติดกระดุมเสื้อผิด เราขอโอกาสให้เรามาแต่งตัวให้ใหม่ได้ไหม นี่คือปัญหาประมง
ต่อไปคือปัญหาพืชผลทางการเกษตร คือสับปะรดและมะพร้าว ซึ่งเป็นคำขวัญของจังหวัดก็คือ เมืองทองเนื้อเก้า มะพร้าวสับปะรด สวยสด หาด เขา ถ้ำ งามล้ำน้ำใจ
แต่มะพร้าวและสับปะรดยังไม่สามารถทำให้เกษตรกรอยู่ได้ หรือเกษตรกรร่ำรวยจากมะพร้าวหรือสับปะรดเลย ตรงนี้ต้องมาคุยหาวิธีการว่าจะแก้ปัญหายังไงให้ยั่งยืน ไม่ได้แก้แบบฉาบฉวย
ทำไมทุกวันนี้ไม่ว่าจะกี่รัฐบาลก็มีแค่การประกันราคาข้าว ประกันราคามันสําปะหลัง แต่ทำไมพืชผลทางการเกษตรที่เป็นของท้องถิ่น มันไม่มีการประกันราคาหรือช่วยเหลือ ปัญหาราคาปุ๋ย ยา ทำไมมันถึงลดลงไม่ได้ นี่คือสิ่งที่เราจะนำเรื่องพวกนี้ไปพูดให้กับรัฐบาลฟังว่ามีแนวไหนที่จะช่วยเหลือชาวบ้านได้
ไม่ได้ลงเล่นการเมืองเพื่อเงิน หรือลงสมัคร ส.ส. แค่ขำๆ
ณภัทร ชุ่มจิตตรี : ซึ่งทุกวันนี้มันเลยกลายเป็นว่าบางคนมาลงสมัครเพื่อเอาเงินสนับสนุนอะไรต่างๆ หรือลงเพื่อหาคะแนนรวมปาร์ตี้ลิสต์ทั่วประเทศ แต่คนที่จะทำจริงๆ ที่มีจะมีศักยภาพจริงๆ มันก็มีแค่ไม่กี่คน อันนี้คือตามความจริงที่ชาวบ้านเขามอง แต่ทีนี้มันก็กลายเป็นว่าพอเราเป็นตลก มีอาชีพศิลปิน แล้วเรามาลงการเมือง
ชาวบ้านเริ่มต้นมองแค่ว่าเราคงมาเพื่อหาคะแนนปาร์ตี้ลิสต์ให้พรรคฯ คงมาลงแค่ขำๆ เพื่อหาเงิน แต่สิ่งที่เราทำทุกวันนี้คือลงพื้นที่ให้ชาวบ้านได้รู้ดีว่าเราต้องการเป็น ส.ส. โดยเฉพาะทำไมถึงต้องมาลง ส.ส. เพราะบ้านเกิดของผมคืออำเภอเมือง
คิง ก่อนบ่าย ย้ำว่าไม่ได้ลงการเมืองแค่ขำๆ
เขต 1 ประกอบด้วย อำเภอเมือง อำเภอกุยบุรี อำเภอสามร้อยยอด ณ วันนี้มีปากน้ำปราณเพิ่มขึ้นมา และตัดอำเภอห้วยทรายออกไป 22 ปีที่อำเภอเมืองไม่มี ส.ส. คือ ส.ส. ไปอยู่อำเภออื่น เราก็เสนอเป็นตัวเลือกให้กับคนอำเภอเมืองบ้านเกิดของเราว่าวันนี้มีตัวเลือกแล้ว
คุณอยากได้ ส.ส. มาไว้ที่อำเภอเมืองไหม ก็เป็นอีกหนึ่งโจทย์ คือถ้าสูตรบอกว่าเลือกคนบ้านเรา เอาคนบ้านเรา เหมือนกีฬาสี เชียร์คนบ้านเรา เชียร์ทีมบ้านเรา มั่นใจ 100 เปอร์เซ็นต์
นอกเหนือจากว่ากระแสนี้จุดไม่ติด หรือประชาชนยังมองแค่ในเรื่องของการเมืองแบบเก่าๆ ยังไงแชมป์เก่าเขาก็มีฐานเครือข่ายที่เขาวางไว้ มันตั้ง 22 ปี ยังไงเขาก็ต้องมี แต่ผมก็ยังมองว่า 22 ปีเนี่ย กลุ่มคนที่เลือกเขาก็จะเป็นผู้สูงวัยขึ้นมาแล้ว
แต่อย่างผมอายุ 41 แล้ว แตะอายุ 41 ลงมาถึงอายุ 18 เราเชื่อว่ามันไม่ห่าง หากบวกขึ้นไปอีก 5 ปี ก็จะเป็น 45 ปี คน gen นี้เราสามารถเชื่อมได้ แล้วคน gen นี้ถ้าทำให้เขารัก หรือทำให้เขาเชื่อมั่นได้ ผมว่าเขาเลือกเลย
คิง ก่อนบ่าย กล่าวทิ้งท้าย