นอกจากผู้สมัครหน้าใหม่ ที่เลือกลงสู่สนามการเมืองในศึกเลือกตั้ง พ.ศ. 2566 กันแบบมากหน้าหลายตาแล้ว ยังมีกลุ่มคนที่มาจากวงการบันเทิง ร่วมลงสนามการเมืองด้วยเช่นกัน “อ๋อม สกาวใจ พูนสวัสดิ์” เป็นหนึ่งในคนจากวงการบันเทิงที่อาสามาขอรับใช้พี่น้องประชาชน ในนามผู้สมัคร ส.ส. กรุงเทพมหานคร พรรคเพื่อไทย เบอร์ 4 เขตลาดพร้าว-บึงกุ่ม หลังจากที่เจ้าตัวได้ออกมาคอลเอาต์ปัญหาบ้านเมืองมาในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา
ย้อนกลับไปในเดือนกันยายน พ.ศ 2565 ที่ อ๋อม สกาวใจ ยังไม่ประกาศตัวจะลงเล่นการเมือง FEED มีโอกาสได้สัมภาษณ์ อ๋อม สกาวใจ ในฐานะ “คนบันเทิงที่ออกมาพูดถึงปัญหาบ้านเมือง” อย่างต่อเนื่อง การพูดที่ไม่ใช่ด่าไปเรื่อยเพื่อความสะใจ แต่ทุกคำพูดที่ออกมาเพราะอยากเห็นสังคม ดีขึ้นกว่านี้ ที่เจ้าตัวได้เล่าจุดเริ่มต้นที่รู้สึก “ตื่นรู้” ต่อสถานการณ์บ้านเมือง และเลือกที่จะออกมาใช้เสียงของตนเองในฐานะ “ดารา” เพื่อเป็นปากเป็นเสียงให้กับพี่น้องประชาชนที่กำลังได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาโควิด-19 และปัญหาเศรษฐกิจ ภายใต้การบริหารงานของรัฐบาล “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา”
“วันที่เกิดรัฐประหารปี พ.ศ. 2557 พี่อ๋อมเห็นว่าเราใช้รัฐประหารในการแก้ปัญหามามันหลายครั้งมากแล้ว จนเหมือนกับจะติดอันดับโลกแล้วมั้ง แต่ในส่วนตัวพี่อ๋อมมองว่าการรัฐประหารมันคือการหมักหมมปัญหา ถ้าเกิดมันดีจริงปัญหาที่เกิดขึ้นมันควรที่จะแก้ไขได้แล้วแหละ ถูกไหม เราควรจะแก้ไขปัญหาด้วยกติกา ด้วยการอภิปราย และเลือกที่จะใช้การเลือกตั้งครั้งต่อไป เป็นความหวังในการแก้ปัญหาทั้งหมด แล้วพี่อ๋อมก็มองดูคณะผู้บริหารที่เกิดจากการรัฐประหาร เขาทำงานกันยังไงบ้าง พอเรามองเห็นเราก็เห็นถึงว่า โอ้ มันมีปัญหาเยอะแยะเนอะ ตรรกะต่างๆ มันบิดเบี้ยวเยอะมากแล้วก็ห้ามตรวจสอบ”
“จนมาระเบิดจริงๆ ก็คือเรื่องโรคระบาดโควิดที่เข้ามาในสองสามปีที่ผ่านมา เรามองว่าปัญหามันเกิดขึ้นเยอะมากๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องวัคซีนไม่พอ แอปล่ม เรื่องมีข่าวว่าวีไอพีได้ฉีดก่อน คนล้มตาย เตียงขาด มันเยอะมากเลย มันก็เลยสะท้อนว่าคุณภาพชีวิตของประชาชนคนธรรมดาอย่างเราว่าคุณภาพชีวิตเรามันแย่มากเลยนะในช่วงนั้น ก็เลยนี่แหละค่ะ เป็นจุดเริ่มต้นที่ออกมาพูด”
“พี่อ๋อมก็เป็นประชาชนตัวเล็กๆ คนหนึ่งเหมือนกัน ซึ่งเสียงที่เราออกมาพูดที่มันดังก็เพราะว่าประชาชนทุกๆ คน ให้เรามา สิ่งที่พวกเขาให้เรามามันคือชื่อเสียงที่พี่อ๋อมได้มา 30 กว่าปี เราก็ใช้ชื่อเสียงตรงนี้นั่นแหละ ออกมาตอบแทนบุญคุณพวกเขา ออกมาช่วยเหลือพวกเขา ในตอนที่ประชาชนทุกคนตอนนี้กำลังเดือดร้อน ถ้าพี่อ๋อมไม่ออกมาพูดในตอนที่พวกเขาเดือดร้อน แล้วจะให้พี่อ๋อมออกมาพูดตอนไหน ถ้าทุกคนมีชีวิตที่ดีคุณภาพชีวิตที่ดี เราก็ไม่จำเป็นที่จะต้องออกมาพูดอะไรเพราะว่าทุกคนแฮปปี้แล้วถูกไหมคะ แต่ตอนนี้ทุกคนแย่อยู่ ฉะนั้นก็คือเราตอบแทนบุญคุณที่ประชาชนทุกๆ คน ที่ให้ชื่อเสียงกับพี่อ๋อม เมตตาพี่อ๋อมมาโดยตลอด 30 กว่าปี” อ๋อม สกาวใจ กล่าว
การสัมภาษณ์กับทาง FEED ในครั้งนั้น อ๋อม สกาวใจเล่าให้ฟังว่า หลังจากที่เธอออกมาพูดเรื่องการเมือง มีหลายพรรคการเมืองมาทาบทามให้ไปร่วมพรรค ทั้งพรรคฝั่งประชาธิปไตยและพรรครัฐบาล แต่เจ้าตัวก็ยังไม่ตกลงปลงใจ และกล่าวเพียงสั้นๆ ว่าถ้าจะลงการเมืองก็มีพรรคในดวงใจที่อยากร่วมงานด้วยอยู่แล้ว
ก่อนที่ในเดือนพฤศจิกายน 2565 จะมีรายงานข่าวออกมาว่า พรรคเพื่อไทยได้ทาบทาม “อ๋อม สกาวใจ พูนสวัสดิ์” มาเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. กทม. เขตสะพานสูง ของพรรคเพื่อไทย เพราะเห็นว่าเป็นผู้มีความรู้ความสามารถ และมีอุดมการณ์ประชาธิปไตยที่ชัดเจน และทางอ๋อมก็มีความสนิทกับหลายท่านที่อยู่ในพรรคเพื่อไทย แต่ยังไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ อยู่ระหว่างการตัดสินใจของเจ้าตัว
จนกระทั่ง 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566 พรรคเพื่อไทยได้ประกาศเปิดตัว อ๋อม สกาวใจ พูนสวัสดิ์ ในฐานะ “ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. กรุงเทพมหานคร” อย่างเป็นทางการ
“อยู่ในวงการบันเทิงมา อ๋อมมีอยู่มีกิน มีคนรู้จักบ้าง เพราะว่าพี่น้องประชาชนให้อ๋อมมา ให้ที่ว่าก็คือชื่อเสียง อ๋อมจะเป็นอ๋อม สกาวใจไม่ได้เลย ถ้าไม่ได้รับแรงสนับสนุนจากพี่น้องประชาชน ทุกๆ คนที่เอ็นดูแล้วก็รักอ๋อม อ๋อมเลยอยากจะขอตอบแทนพี่น้องประชาชน ด้วยการตัดสินใจมาทำงานการเมือง อ๋อมเข้ามาเพื่อที่จะแก้ในแบบโครงสร้าง แก้นโยบาย แก้ไขในภาพใหญ่และแก้ไขแบบยั่งยืนให้กับพี่น้องประชาชนค่ะ” อ๋อม สกาวใจ เปิดใจในวันเปิดตัวร่วมเป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. กรุงเทพมหานคร
ทำไมต้องเป็นเพื่อไทย?
อ๋อม สกาวใจ : หลายคนอาจจะเห็นอ๋อมในการคอลเอาต์ต่างๆ นานา อย่างที่อ๋อมบอกไปแล้ว อ๋อมแสดงจุดยืนอย่างชัดเจนเรื่องประชาธิปไตย อ๋อมเลือกอยู่ฝั่งประชาธิปไตยมาก่อนอันดับหนึ่ง การทำงานการเมืองอ๋อมเชื่อว่ามันจะต้องเข้าถึงปัญหา การเข้าถึงปัญหามันจะต้องยึดโยงตัวเรากับประชาชนใช่ไหมคะ และนี่คือสิ่งที่พรรคเพื่อไทยมีอย่างชัดเจน ความชัดเจนอันนี้ทำให้อ๋อมรู้สึกว่าอ๋อมอุ่นใจ และเป็นองค์กรการเมืองที่เข้าถึงประชาชน ตั้งแต่พรรคเพื่อไทยไม่ได้ชื่อเพื่อไทย พรรคเพื่อไทยเป็นพรรคไทยรักไทย อ๋อมก็เห็นผลงานมาตลอดเวลา พรรคเพื่อไทยสามารถที่จะตอบโจทย์นโยบายในการหาเสียงได้ทุกครั้ง และเป็นพรรคเดียวที่คิดนโยบายและทำได้จริง อ๋อมถึงมั่นใจ
แม้จะเป็นผู้สมัคร ส.ส. หน้าใหม่ แต่เจ้าตัวก็ไม่หวั่นต่อสนามการเมืองที่ได้ลงเป็นครั้งแรก และเชื่อว่านโยบายของพรรคเพื่อไทยที่ตอบโจทย์และยึดโยงกับประชาชนมาโดยตลอด นโยบายที่ผ่านมาทำได้ทุกยุคทุกสมัยอยู่แล้ว มีผลงานให้เห็นจึงทำให้เรามั่นใจในพรรค และมั่นใจในตัวเองว่าจะช่วยเรื่องปัญหาปากท้องของพี่น้องประชาชนได้ “ไม่กดดันค่ะ เพราะว่าเรามีพรรคที่ทุกคนรัก เรามีทีมงานที่พร้อมและตัวเราก็พร้อมด้วย ไม่กดดันเลยค่ะ” อ๋อม สกาวใจ เปิดใจในวันจับหมายเลขผู้สมัคร เมื่อ 3 เมษายน 2566 ถึงการลงสมัคร ส.ส. สมัยแรก ในนามพรรคเพื่อไทย เขตลาดพร้าว-บึงกุ่ม
ปัจจุบัน อ๋อม สกาวใจ อยู่ในช่วงเดินหน้าพบปะพี่น้องประชาชนในเขตลาดพร้าว-บึงกุ่ม อย่างต่อเนื่อง รวมถึงได้ขึ้นโชว์ลีลาปราศรัยบทเวทีแบบสับๆ โชว์ศักยภาพและความพร้อมให้ได้เห็นว่า ตนและพรรคเพื่อไทยพร้อมเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนอย่างเต็มที่ในศึกเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง
สำหรับ อ๋อม สกาวใจ พูนสวัสดิ์ เกิดเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2519 สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีจากคณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง และระดับปริญญาโทจากคณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เข้าวงการบันเทิงจากการประกวด Coffee Mate Stage Challenge 1993 มีผลงานแสดงละครเรื่องแรกคือ เทพบุตรสุดเวหา โดยรับบทเป็นนางเอกในช่วงแรก ก่อนจะพลิกบทบาทไปรับบทนางร้ายและประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ในเส้นทางนักแสดง หนึ่งในผลงานที่สร้างชื่อคือละครเรื่อง “บ้านทรายทอง” ในปี พ.ศ. 2543 จากการรับบทเป็น “หญิงเล็ก”