วงการขายล็อตเตอรี่ออนไลน์ กลายเป็นประเด็นอย่างต่อเนื่อง แต่คนที่ถูกพูดถึงและถูกจับตามองมากที่สุดในขณะนี้คงเป็นใครไม่ได้นอกจาก นอท พันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ CEO บริษัท ล็อตเตอรี่ออนไลน์ จำกัด ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มล็อตเตอรี่ออนไลน์ กองสลากพลัส
FEED สัมภาษณ์พิเศษ นอท พันธ์ธวัช พูดคุยถึงเส้นทางชีวิตของเขาที่หลายคนอาจคาดไม่ถึง และเคลียร์หลากหลายประเด็นดราม่า รวมไปถึงอนาคตในถนนสายการเมือง
เส้นทางชีวิต นอท กองสลากพลัส
นอท เล่าว่าเขาเกิดในครอบครัวยากจนมาก บ้านของเขาตั้งอยู่ริมถนน สภาพบ้านและหลังคาทำจากสังกะสีผุๆ ด้านหน้าใช้แผ่นผ้าใบขึงปิดไว้ ในบ้านมีเตียงอยู่เตียงเดียว และไม่มีห้องน้ำ พ่อทำอาชีพเร่ขายผลไม้ ส่วนแม่ก็ทำอาชีพขายของชำให้กับกลุ่มผู้ใช้แรงงาน เวลาจะขายของก็ดันผ้าใบเปิดออกไป เวลาจะนอนก็ดึงผ้ามาปิดไว้
ตอนเด็กๆ นอท เล่าว่าตัวเองถูกคุณครูในโรงเรียนบูลลี่ว่าไอ้ขี้ในป่า เพราะที่บ้านไม่มีส้วม หรือห้องน้ำให้ใช้ และเขาใช้ชีวิตในบ้านที่หลายคนเรียกว่าเพิงหมาแหงนจนอายุ 17 ปี แต่ก็มาถึงจุดที่เรียกว่าเลวร้ายที่สุดในชีวิตหลังไปพัวพันกับยาเสพติด
ชีวิตหนุ่มวัย 17 ปี ดำดิ่งกับฤทธิ์ของยาบ้า เพราะทั้งเสพและค้า ทำให้สภาพสมาชิกในครอบครัวแย่ไปหมด แม่ร้องไห้ทุกวัน ตัวเองก็กินไม่ได้นอนไม่หลับ ร่างกายผอม ปากแห้งแตก ถูกสังคมตราหน้าว่าเป็นขี้ยา จนกระทั่งวันหนึ่งเขาเริ่มรับสภาพตัวเองไม่ได้ จึงหนีออกจากบ้านเข้ามาอยู่ในกรุงเทพมหานครเพื่อหางานทำ ก่อนจะตัดใจเลิกได้ทั้งยาบ้าและบุหรี่
หลังจากนั้นเขาก็ทำงานกลางคืนประมาณ 7 ปี ก่อนกลับไปบวช แต่งงาน สร้างครอบครัวมีลูก และเริ่มทำงานประจำในตำแหน่งแมสเซ็นเจอร์ ก่อนจะได้เลื่อนตำแหน่งเป็นหัวหน้าช่าง เมื่อทำงานได้ 3 ปี ไม่รู้จะเติบโตไปไหนต่อแล้ว จึงตัดสินใจลาออกมาเปิดร้านเกม และตรงนี้เองคือจุดเปลี่ยนชีวิตของเด็กหนุ่มที่เคยถูกตราหน้าว่าขี้ยาสู่วงการออนไลน์
จุดเปลี่ยนชีวิตจากคนที่ถูกสังคมตราหน้าว่าขี้ยาสู่วงการออนไลน์
ช่วงเวลาที่เปิดร้านเกม หรือร้านอินเทอร์เน็ตเป็นช่วงที่ นอท มีเวลาว่างมาก เขาจึงใช้เวลาว่างศึกษาข้อมูลในอินเทอร์เน็ต จนพบวิธีหาเงินผ่านอินเทอร์เน็ตในยุคนั้น (11 ปีก่อน) ด้วยการขายสินค้าให้กับแพลตฟอร์มหนึ่งในออนไลน์ และได้เงินก้อนแรกประมาณ 60,000 บาท
“เมื่อก่อนมันคู่แข่งน้อยมันเลยง่าย ใครเอาสินค้าของเขาไปขายได้ เขาจะแบ่งปอร์เซ็นต์ให้ 4-8 เปอร์เซ็นต์ คิดง่ายๆ ว่าผมขายทีวี ตัวนึงพันเหรียญเนี่ย ผมได้ค่าคอมฯ 80 เหรียญ ก็ได้เท่ากับ 2,400 บาทต่อวัน เพราะฉะนั้นเดือนละแสนสองแสนมันไม่ใช่เรื่องยาก”
นอท เล่าถึงจุดเริ่มต้นการหาเงินจากอินเทอร์เน็ต
เมื่อได้เงินก้อนแรก นอท ตัดสินใจศึกษาอย่างจริงจังทั้งเว็บไซต์และต่างประเทศด้วยการแปลภาษาในเว็บไซต์ บางครั้งก็ไปเรียนรู้จากวงสัมมนา จนมาเป็นผู้จัดสัมมนาสอนวิธีหาเงินทางอินเทอร์เน็ต ทำให้มีรายได้มากขึ้น ตอนนั้นทำเงินได้สูงสุดกว่า 2 ล้านบาทต่อเดือน แต่ชีวิตก็ดิ่งเหวอีกครั้ง
“ช่วงนี้เป็นช่วงที่ประสบความสำเร็จ เราก็ไปหลงใหลได้ปลื้มกับเงินล้านครั้งแรก ก็ใช้แต่เงินโดยไม่ทำงาน เที่ยว ติดผู้หญิง จนชีวิตมันดิ่งเหว ครอบครัวลำบาก ลูกต้องออกจากโรงเรียน ภรรยาต้องทำขนมเค้กกล้วยหอม ขายได้วันละ 300 เพื่อซื้อนมให้ลูกคนเล็ก โดยที่เราไม่มีเงินมาจุนเจือครอบครัว ก็เป็นอย่างนั้นอยู่ประมาณสัก 2-3 เดือน พอเรารู้สึกตัวเราก็กลับมาตั้งสติแล้วก็พลิกฟื้นเข้ามาได้”
นอท เล่าถึงบทเรียนในชีวิต
ที่มาเพจ “กูว่าแล้วมันต้องยิง”
แต่เหตุการณ์ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อแพลตฟอร์มขายของออนไลน์ดังกล่าว มีการแบนแอคเคาต์จำนวนมากโดยให้เหตุผลว่ามีการทำผิกกฎ ทำให้ช่วงนี้ขาดรายได้กันไปหมด นอท จึงรู้สึกว่ามันไม่ไม่ใช่ช่องทางของเราแล้ว เพราะเรากำลังยืมจมูกคนอื่นหายใจอยู่ ประกอบกับตอนนั้นเฟซบุ๊กเริ่มเข้ามาในประเทศไทยใหม่ๆ ควบคู่ไปกับกีฬาฟุตบอลพรีเมียร์ลีกก็เริ่มมีการถ่ายทอดในประเทศไทย เขาจึงจับทั้งสองอย่างมารวมกัน ตั้งเป็นเพจฟุตบอลขึ้นมา แม้ว่าตัวเองจะไม่ได้ชื่นชอบฟุตบอล หรือสนใจฟุตบอลเลย
“ตัดสินใจทำเพจไฮไลท์ฟุตบอลพากย์ไทย ชื่อว่า “กูว่าแล้วมันต้องยิง” ขึ้นมา ซึ่งมันผิดกฎหมาย ละเมิดลิขสิทธิ์ชาวบ้านเขา แต่ตอนนั้นยังเป็นเด็ก อยากหาเงิน เพราะไปเห็นว่าโฆษณาตามเพจฟุตบอล หรือเว็บฟุตบอล ตำแหน่งนึงเขาได้เงิน 3 แสนกว่าบาท ดูที่เขาแปะๆ แล้วนับๆ เดือนหนึ่ง 5-6 ล้านบาท เราก็เลยมองว่ามันเป็นช่องการตลาดที่น่าสนใจ”
นอท เล่าถึงจุดเริ่มต้นทำเพจกูว่าแล้วมันต้องยิง
สู้เพื่อกองสลากพลัสและทีมงานกว่า 400 ชีวิต
หลังจากที่ทำเพจได้ประมาณ 7-8 ปี เขาก็พยายามสร้างเพจให้มีผู้ติดตามมากขึ้นเรื่อย แต่ก็ไปเจอเส้นทางธุรกิจใหม่คือการทำล็อตเตอรี่ออนไลน์ เขาจึงเริ่มธุรกิจกองสลากพลัสขึ้น เมื่อ 2 ปีก่อน ท่ามกลางอุปสรรค คำสบประมาท การแข่งขัน และดราม่าที่เจ้าตัวเล่าว่าชีวิตนี้ต้องสู้ ถ้าไม่สู้ธุรกิจคงพังไปตั้งนานแล้ว
“ที่ผ่านมาก็มีการจ้างมือปืนมาจากต่างประเทศ (เพื่อมาเก็บนอท) แต่เราก็เข้าไปเคลียร์แล้ว และตอนนี้เราเจ้าเดียวที่ยังยืนอยู่ได้ คือแพลตฟอร์มอื่นก็โดนตรวจสอบกันไปบ้าง โดนปิดกันไปบ้าง และดราม่าส่วนใหญ่ที่เขาว่าผมก็คือ ผมมีเส้นแล้วไปสั่งปิดเจ้าอื่น ผมถามกลับคำเดียวเลย ถ้าเขาไม่ทำผิดใครจะไปปิดเขาได้ แต่ที่ผมไม่โดนปิดเพราะผมสามารถผ่านการตรวจสอบทุกสิ่งทุกอย่างมาได้ทั้งหมด นั่นแหละที่ทำให้ผมยังคงยืนอยู่ได้”
CEO กองสลากพลัส ยืนยันการทำธุรกิจไม่มีใครเป็นแบ็กอยู่เบื้องหลัง หากใครคิดจะมาแบ็กคงเหนื่อยน่าดู เพราะตนเองเป็นคนชนแหลก ยืนยันว่าความสำเร็จที่ผ่านมาทั้งหมดเป็นของตนเองกับทีมงานล้วนๆ ไม่มีใครเป็นแบ็ก ไม่ยกเครดิตให้ใครทั้งนั้น ไม่ยกเงินให้ใครด้วย และทุกวันนี้เราไม่ได้คิดถึงแค่ลูกหรือครอบครัวของเราแล้ว เรามีทีมงานอีก 400 คน ถ้าเราล้มหรือแพ้เพียงคนเดียว อีก 400 ครอบครัวมีปัญหาแน่ๆ
“ตอนนี้รู้สึกหนักใจมากที่สุดเลยคือเรื่องที่รัฐบาลไม่เข้าใจ เช่น กรณีของนายกรัฐมนตรี เชื่อว่าท่านไม่ได้รับข้อมูลรอบด้าน และอีกอย่างที่กังวลใจคือประชาชนที่ได้รับข้อมูลแค่บางส่วน ซึ่งส่วนตัวไม่ได้สนใจว่าใครจะคิดอย่างไร แต่การที่มีชื่อเสียงด้านลบไปแล้วคนหนึ่งไปบอกต่อกันเรื่อยๆ วันนี้มันอาจจะไม่ใหญ่โต แต่ถ้าปล่อยไปเรื่อยๆ มันจะใหญ่จนเราควบคุมไม่ได้ ยอมรับว่าหนักใจอยู่แต่สิ่งที่ทำได้ก็เพียงแต่ออกมาชี้แจงไปเรื่อยๆ โดยหวังว่าจะมีคนเข้าใจเรามากขึ้น”
นอท เล่าถึงปัญหาที่หนักใจ
สารพัดดราม่า – ข้อครหาถาโถม นอท กองสลากพลัส
ส่วนที่มีคนกล่าวหาว่า นอท เป็นคนสีเทาหรือเปล่าก็ต้องขอถามกลับว่า ไอ้ที่ว่าเทามันคืออะไร ถ้ามองว่าล็อตเตอรี่มันเทาก็เทา แต่ถ้ามองว่าตนเองเป็นคนที่หาเงินตามปกติ ไม่มีเงินก็ไปกู้ยืมเขามา ไปกู้ยืมมาใช้ เสร็จแล้วก็ให้ดอกเขา แล้วก็ได้กำไรในบริษัทก็ไม่เทานะ และทุกบริษัทในประเทศนี้กู้ยืมหมดนะ อยู่ที่ว่าไปกู้ยืมใคร กู้ยืมธนาคาร กู้ยืมนักธุรกิจด้วยกัน กู้ยืมบริษัทอื่น กู้ยืม Non-Bank ทุกรูปแบบธุรกิจมันเป็นแบบนี้หมด ถ้าบริษัทที่โตเขาจำเป็นต้องกู้ยืม ไม่มีวันที่จะเอาเงินตัวเองมามากพอ
“หาว่าผมเงินเทาบ้าง สารพัดสารเพที่จะด่า มันบรรยายมันเยอะมาก แต่เมื่อใดก็ตามที่มันฟ้องได้ผมฟ้องหมด เตือนไว้แล้ว ตอนนี้ฟ้องอยู่ 40-50 คดีแล้ว น่าจะเอาเงินไปสร้างโรงพยาบาลได้แล้วมั้ง คนเหล่านี้ต้องได้รับการสั่งสอน ต้องได้รับบทเรียนว่าไม่ใช่ว่าคุณมีโทรศัพท์มือถือ แล้วคุณจะพูดจาร้ายๆ ใส่ใครก็ได้”
อนาคตทางการเมืองของ CEO หมื่นล้าน
นอท กองสลากพลัส ยังได้ให้สัมภาษณ์ถึงอนาคตทางการเมืองของตนเองว่า ตอนนี้มีการทาบทามมาเกือบทุกพรรค ตั้งแต่ 6 เดือนที่แล้ว แต่อยู่ระหว่างการตัดสินใจว่าจะลงสมัครทางการเมืองหรือไม่เร็วๆ นี้ แต่ถ้าทำแล้วมันแก้ปัญหาอะไรบางอย่างให้ประเทศไทยได้ก็อยากจะบอกลูกนะว่าพ่อเคยเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
“จุดยืนทางการเมืองของผมไม่ประชาธิปไตย ไม่รัฐบาล เน้นแก้ปัญหาเป็นหลัก ใครแก้ปัญหาให้ประเทศชาติได้ ผมก็มองตรงนั้น ผมสนใจว่าปัญหาล็อตเตอรี่มันเป็นอย่างนี้ ปัญหาบ่อนมันเป็นอย่างนี้ ปัญหาโสเภณีมันเป็นอย่างนี้ ปัญหามันอยู่ตรงไหน ถ้าใครแก้ปัญหาที่มันส่งผลต่อคนไทยเนี่ย ผมชอบคนนั้น และถ้าลงจริงๆ ก็เลือกผมหน่อยนะ ผมจะเข้าไปแก้ปัญหาให้”
นอท เล่าถึงจุดยืนทางการเมือง
และสาเหตุที่ทุ่มเงิน 67 ล้าน ซื้อลิขสิทธิ์อาเซียนคัพ ก็ไม่ได้เชื่อมโยงกับรัฐบาล และไม่ได้สนับสนุนใครทั้งนั้น เป็นการตลาดของบริษัท ทำให้คนรู้จักแบรนด์กองสลากพลัสมากขึ้น ไม่มีเหตุผลเลยที่จะไม่ลงทุนครั้งนี้ ส่วนจะซื้อทีมฟุตบอลไทยหรือไม่ ตอนนี้ยังไม่คิดที่จะซื้อ แต่มีโอกาสที่จะซื้อ ถ้าเจอทีมที่เหมาะสมและตัวเองมีเวลามากพอ และถ้าซื้อต้องเป็นแชมป์ไทยลีก
“ตื่นขึ้นมาแล้วเงินในบริษัทมันเหลือ ก็คือกำไร เขาส่งยอดมาให้ผมดูเนอะ ผมก็เห็นว่าเฮ้ย 200 กว่าล้าน มันยังมีเศษอยู่นี่หว่า แล้วคนไทยไม่ได้ดูบอล ซึ่งในฐานะที่เป็น CEO ด้วย เป็นนักการตลาดด้วย โอกาสนี้คือโอกาสที่จะเปิดตัวแบรนด์กองสลากพลัสให้คนไทยมากกว่าครึ่งรู้จัก ทำไมจะไม่เอาครับ แค่ 60 กว่าล้าน ผมถามจริงๆ ว่าผมทำมาทั้งปีเนี่ย ผมหมดเงินไป 500-600 ล้าน ผมยังไม่ได้เท่า 67 ล้านนี้เลย ถ้ามองมุมนี้แล้วมันไม่มีเหตุผลใดที่ผมจะไม่ซื้อ”
นอท เล่าถึงสาเหตุที่ซื้อลิขสิทธิ์อาเซียนคัพ
นอกจากนี้ นอท กองสลากพลัส ยังฝากถึงแฟนกองสลากพลัสทุกคน “ไม่ว่าจะเจอข่าวอะไรก็แล้วแต่ ผมจะออกมาชี้แจงทุกข่าว เพราะฉะนั้นโปรดติดตามเพจกองสลากพลัส และเฟซบุ๊กของผมไว้ และฝากสนับสนุนกองสลากพลัสต่อไปเรื่อยๆ เราจะเติบโตเป็นบริษัทที่ยิ่งใหญ่ในประเทศไทยต่อไป”
ทั้งหมดนี้คือเรื่องราวชีวิตฉบับย่อของ CEO หมื่นล้าน นอท กองสลากพลัส เขาบอกกับเราว่ากว่าจะมาถึงจุดนี้ผ่านเรื่องราวมามากมาย แต่ความฝันของเขายิ่งใหญ่เสมอ แม้จะมีอุปสรรค หรือเส้นทางที่เดินจะเจอกับดราม่าเขาก็ไม่ลดขนาดความฝัน แต่เพิ่มความพยายามในการลงมือทำให้มากขึ้น และย้ำเตือนตัวเองเสมอว่าเวลาเกิดปัญหาใดๆ ก็แล้วแต่ ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้เกิดจากตัวเราเอง อย่าโทษคนอื่น อย่ามีข้ออ้างเวลาจะลงมือทำอะไรสักอย่าง และเวลาเจอปัญหาอย่าปฏิเสธความจริง ให้ลงมือแก้ไขปัญหานั้นทันที นอท กองสลากพลัส กล่าวทิ้งท้าย