มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) ผนึกกำลัง บริษัท วี บียอนด์ ดีเวลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) พัฒนาหลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต ด้านนวัตกรรมการจัดการอสังหาริมทรัพย์ รองรับความต้องการบุคลากรในอุตสาหกรรมฯ ที่ขยายตัวต่อเนื่อง พร้อมยกระดับการศึกษาไทยสู่เวทีภูมิภาค ด้วยหลักสูตรที่ผสานความรู้ด้านเทคโนโลยี นวัตกรรม และประสบการณ์จริงจากภาคธุรกิจ
ผศ.ดร.พัทธนันท์ เพชรเชิดชู รองอธิการบดีสายงานวิชาการ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการกับ บริษัท วี บียอนด์ ดีเวลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) โดย ดร.วรเดช รุกขพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เพื่อพัฒนาหลักสูตรบริหารธุรกิจระดับปริญญาตรีและปริญญาโท ด้านนวัตกรรมการจัดการอสังหาริมทรัพย์ โดยมุ่งสร้างนักศึกษาที่มีความรู้รอบด้านในการบริหารอสังหาฯ สมัยใหม่ เข้าใจเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆด้านการจัดการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ สามารถปรับตัวตามการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรม และพร้อมเป็นผู้ประกอบการที่มีจริยธรรม รับผิดชอบต่อสังคม เศรษฐกิจ วัฒนธรรม และสิ่งแวดล้อม เพื่อการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อย่างยั่งยืน ทั้งนี้ได้รับเกียรติจาก ดร.สุรวี ศุนาลัย ผู้อำนวยการฝ่ายคุณภาพการศึกษา DPU และ ดร.นภาพร จุลสุคนธ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท วี บียอนด์ฯ ร่วมเป็นสักขีพยาน

ผศ.ดร. พัทธนันท์ เพชรเชิดชู รองอธิการบดีสายงานวิชาการ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ กล่าวว่า การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการระหว่างมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ กับบริษัท วี บียอนด์ ดีเวลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญของการพัฒนาหลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต และบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต ด้านการจัดการอสังหาริมทรัพย์ ที่เน้นเชิงลึกและเฉพาะทางที่ตรงกับความต้องการของอุตสาหกรรม สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงานในปัจจุบันที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยหลักสูตรใหม่นี้มีจุดเด่นที่ต่างจากหลักสูตรบริหารธุรกิจทั่วไป โดยจะมุ่งเน้น Industry focus ที่เจาะลึกด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่องาน Services ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Hospitality, Wellness รวมทั้งผสมผสานความรู้บริหารธุรกิจในแต่ละด้าน เช่น การตลาด การเงิน การบัญชี การบริหารทรัพยากรมนุษย์ การจัดการเชิงกลยุทธ์ ที่เฉพาะเจาะจงในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์

“เราพัฒนาเนื้อหาโดยร่วมกับภาคอุตสาหกรรมโดยตรง ทำให้หลักสูตรนี้สามารถปั้นบัณฑิตที่มีทั้งทักษะและความรู้เฉพาะทาง พร้อมใช้งานได้ทันทีเมื่อเข้าสู่ตลาดแรงงาน ไม่ต้องเสียเวลาเทรนนิ่งเพิ่มเติมเหมือนในหลักสูตรทั่วไป โดยออกแบบโครงสร้างหลักสูตรให้ตอบโจทย์ด้านเวลา โดยเปิดโอกาสให้นักศึกษาเรียนจบภายในระยะเวลาเพียง 3 ปี พร้อมฝึกงานจริงในสถานประกอบการ 1 ปีเต็มตามทักษะที่กำหนด ซึ่งถือเป็นรูปแบบใหม่ของการเรียนที่เน้นการลงมือทำและประสบการณ์ตรงจากภาคธุรกิจ เพราะหลักสูตรนี้ไม่เพียงแต่พัฒนาโดยอิงความต้องการจากตลาดแรงงานเท่านั้น แต่ยังมีภาคธุรกิจเข้ามาร่วมพัฒนาอย่างใกล้ชิด จึงมั่นใจได้ว่าบัณฑิตที่จบออกไปจะมีศักยภาพตรงกับความต้องการของผู้ประกอบการ” รองอธิการบดีสายงานวิชาการ DPU ระบุ
ด้าน ดร.วรเดช รุกขพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วี บียอนด์ ดีเวลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ความร่วมมือในครั้งนี้ถือเป็นหมุดหมายสำคัญของการพัฒนาบุคลากรด้านอสังหาริมทรัพย์ไทยในระดับวิชาชีพ โดยเน้นการสร้างหลักสูตรร่วมที่ตอบโจทย์อุตสาหกรรมจริงและเติมเต็มช่องว่างที่ระบบการศึกษายังไม่สามารถรองรับได้ เพราะธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไม่ใช่ธุรกิจทั่วไปแต่เป็นหนึ่งในเครื่องยนต์หลักที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ โดยคิดเป็นหนึ่งในสี่ของโครงสร้างเศรษฐกิจไทย เนื่องจากเมื่อมีการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ที่จะกระตุ้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจในหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นภาคก่อสร้าง วัสดุก่อสร้าง สถาบันการเงิน การจ้างแรงงาน ไปจนถึงการใช้จ่ายของผู้บริโภค แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของอุตสาหกรรมนี้

“ความท้าทายที่วงการอสังหาริมทรัพย์ต้องเผชิญ โดยเฉพาะเรื่องการขาดแคลนบุคลากรที่เข้าใจเครื่องมือทางการเงินยุคใหม่ เช่น การลงทุนผ่านแพลตฟอร์มการเงินดิจิทัล และการใช้เทคโนโลยี PropTech ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีในหลักสูตรทั่วไป ซึ่ง อสังหาฯ เป็นธุรกิจที่ซับซ้อนและไม่ตายตัว ต้องการคนที่เข้าใจตั้งแต่การวางแผน การเงิน การตลาด ไปจนถึงการใช้เครื่องมือสมัยใหม่ในการระดมทุน ซึ่งเราหวังว่า การมีหลักสูตรนี้จะช่วยให้บัณฑิตสามารถเข้ามาเติมเต็มจุดที่ภาคอุตสาหกรรมยังขาดแคลนได้ทันทีโดยไม่ต้องเสียเวลาฝึกซ้ำ” ดร.วรเดช กล่าว
นอกจากนี้ ดร.วรเดช ยังกล่าวถึงความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ว่าเป็นมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งแรกที่ก้าวสู่หลักสูตรการจัดการอสังหาริมทรัพย์อย่างจริงจัง ทั้งยังได้ร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญจากวงการอสังหาฯ ระดับแนวหน้าของประเทศที่จบจากสถาบันชั้นนำ มาร่วมออกแบบหลักสูตรที่สมบูรณ์แบบที่สุด โดยต้องการให้ผู้เรียนสามารถสร้างคอนโดมิเนียมของตนเองได้จริงหลังจบการศึกษา เข้าใจเรื่องโครงสร้างธุรกิจ การเงิน การระดมทุน การวางแผนพัฒนาโครงการ และการจัดการตลาดทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งทั้งหมดนี้จะทำให้พวกเขาเติบโตเป็นนักอสังหาฯ มืออาชีพ ที่พร้อมต่อยอดสู่ธุรกิจและสร้างอาชีพที่มั่นคง มีรายได้ดี และเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยต่อไป