ภรรยารายหนึ่งได้ตั้งกระทู้ระบาย และปรึกษาปัญหาชีวิต หลังจากมองว่าสามีของเธอนั้นค่อนข้าง “เห็นแก่ตัว” ขี้งกแม้กระทั่งกับภรรยาและลูก
หญิงสาวเผยว่า แต่งงานกับสามีมา 4 ปี (ไม่ได้จดทะเบียน) และมีลูกด้วยกัน 1 คน (อายุ 3 ขวบ) ซึ่งสามีร่ำรวยจากการขายที่ดินมรดกร้อยล้าน (แต่ไม่ได้บอกเธอ เพราะแม่สามีไม่ให้บอกคนนอก) นอกจากนี้ เขามีรายได้จากการเก็บค่าเช่าใน ๆ ทุกเดือน ส่วนเธอเป็นฟรีแลนซ์ ใช้เงินแยกกระเป๋ากัน
โดยพื้นฐานสามีค่อนข้างขี้งกกับเธอและลูก เริ่มเห็นธาตุแท้ตอนท้อง 7 เดือน เธอแพ้ท้องหนักต้องเข้าโรงพยาบาล มีค่าใช้จ่ายรวม 6-7 หมื่น ซึ่งเธอเป็นจ่ายคนเดียวทั้งหมด ค่าผ่าตัดคลอดก็เป็นคนจ่ายเอง แต่เธอได้แจ้งให้เขารู้ว่าค่าใช่จ่ายตรงนี้ควรเป็นหน้าที่ของผู้ชายด้วย เขาเลยยอมโอนให้เธอ (หากไม่แจ้ง เธอคงต้องออกฝ่ายเดียว)
ตั้งแต่มีลูกจนถึงปัจจุบัน ทุกอย่างต้องหารหมด เช่น ค่าอาหาร 200 บาท ต้องช่วยกันจ่ายคนละ 100 บาทและทำแบบนี้ทุกมื้อ หากไปทานข้าวนอกบ้าน เธอทาน ลูกทาน แต่เขาไม่ได้ทานด้วย เธอก็ต้องเป็นฝ่ายออกค่าอาหารเพียงลำพัง ซึ่งสามีติดนิสัยหารสองทุกอย่าง ค่าเทอมลูก ค่าไปเที่ยวต่างจังหวัด ค่าน้ำมัน
ด้านของใช้ของเด็ก อย่างเช่น ของเล่น เสื้อผ้า หนังสือนิทาน เกือบ 90 เปอร์เซ็นเธอเป็นคนจ่าย เพราะเธออยากซื้อให้ลูก แต่สามีดันคิดว่าของเหล่านี้ไม่จำเป็น เขาเลยไม่ยอมจ่าย เธอมองว่าเขาจะยอมจ่ายเงินให้กับของที่เขาอยากได้เท่านั้น และจะยอมจ่ายได้ไม่อั้นหากเป็นสิ่งที่แม่อยากได้ เพราะแม่ได้สอนเขาว่า “ต้องกตัญญู ต้องให้เงินแม่ ต้องออกทุกอย่างให้แม่”
เมื่อเร็ว ๆ นี้ พวกเธอได้ซื้อบ้านใหม่ ซึ่งสามีมีเงินมากพอที่จะซื้อสด แต่เขากลับให้เธอกู้ร่วม ทั้งค่าผ่อนบ้าน ค่าตกแต่ง ทุกอย่างหารกันหมด แม้จะมีบ้านหลังเก่าที่สามารถขายเพื่อนำเงินมาโปะบ้านได้ สามีไม่ยอมขายเพราะกลัวว่าเธอไม่ช่วยผ่อนบ้าน
นอกจากนี้ เวลาที่แม่ของเธอมาจากต่างจังหวัดเพื่อช่วยเลี้ยงหลาน ท่านมักจะทำอาหารให้พวกเธอทาน ซึ่งค่าอาหาร ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ แม่ออกเองทั้งหมด เวลาพาไปทานข้าวนอกบ้านต่าง ๆ สามีไม่เคยช่วยออกเงินเลย เขาจะยอมเลี้ยงก็ต่อเมื่อแม่ของเขามาด้วยเท่านั้น
สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เธอรู้สึกท้อ เพราะเธอทั้งเลี้ยงลูกทั้งทำงาน กว่าจะได้นอนตีสามตีสี่ ส่วนสามีนอนเร็วและนอนอย่างสบายใจ (ลูกไม่ได้นอนกับพ่อ) เขาไม่เคยให้เงินเธอใช้สักครั้ง และไม่ถามสักคำว่า เธอลำบากหรือเปล่า เงินพอใช้หรือไม่ ยิ่งช่วงโควิดที่ทุกอย่างล็อกดาวน์ เธอไม่มีงานหลายเดือน ต้องนำเงินเก็บมาใช้จ่าย สามีเอาแต่พูดว่าเธอไม่คิดจะหางานทำ
เธอเคยคิดถึงวันที่เลิกราหรือวันที่สามีตายจาก คาดว่าเขาน่าจะยกสมบัติให้แม่ของเขากับลูก เงินสินสอดตอนแต่งงานเขาก็เอาไปเก็บในตู้เซฟซึ่งเธอไม่รู้รหัส นอกจากนี้ สาเหตุที่เธอไม่ได้จดทะเบียนกัน เพราะแม่สามีไม่อยากให้จด ท่านเคยพูดว่าสมบัติของครอบครัวไม่อยากให้ตกไปเป็นของคนนอก
เธอไม่เคยอยากได้สมบัติของเขาเลย ทุกวันนี้ที่ยังอยู่กับเขาเพราะเขาช่วยดูแลลูก ทำงานบ้าน ไม่มีเรื่องผู้หญิงให้กวนใจ แต่เธอเริ่มรู้สึกว่าตั้งแต่แต่งงานมีลูก ชีวิตมีแต่ความเครียด จากที่ไม่เคยคิดเล็กคิดน้อยเรื่องเงิน กลายเป็นเริ่มกลัวการเสียเปรียบขึ้นมา
นอกจากนี้ ยังมีเรื่อง “แม่สามี” ที่เป็นปัญหา ท่านไม่ค่อยชอบเธอเท่าไหร่นัก เพราะคิดว่าเธอไปแย่งลูกชายมา แม้แต่หลานตัวน้อยแม่สามีก็ยังไม่ชอบหน้า โดยแม่สามีชอบแกล้งป่วยในยามที่พวกเธอจะไปเที่ยว ซึ่งแน่นอนว่าสามีต้องกลับไปดูแลแม่ และใน ๆ ทุกวันจะต้องมีของใช้ในบ้านพัง ทั้งโทรศัพท์ ทีวี แอร์ เพื่อเรียกให้สามีไปช่วยดู (บ้านห่างกับแม่ 15 นาที)
เธอไม่เข้าใจเป็นอย่างมาก เพราะที่บ้านของแม่สามีมีคนใช้ มีลูกชายอีกคน ซึ่งสามีกลับเลือกที่จะทิ้งลูกให้อยู่คนเดียวเพื่อเดินทางไปหาแม่ เขาเลือกแม่เสมอ ทำให้เธออยากแยกย้ายจากเขา แต่ลึก ๆ ก็ยังรักเขาอยู่ เธอควรทำอย่างไรดี
เรียกได้ว่ากระทู้ครั้งนี้มีคนแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่มองว่า “ยิ่งกว่าละคร” สามีขี้งกเกินไป งกกับภรรยาก็ว่าแย่แล้ว แต่กับลูกยังคิดเล็กคิดน้อย ทั้ง ๆ ที่ตนเองก็มีรายได้มากพอที่จะเลี้ยงดู แต่กลับไม่ใส่ใจและเอาแต่แม่ของตัวเอง ตั้งแต่อ่านกระทู้มา ยังไม่เห็นข้อดีของสามีเลย นอกเสียจากรักแม่ตัวเองมาก
หากเป็นเช่นนี้ต่อไปอนาคตไม่ดีแน่ ดังนั้นควรเปิดใจคุยกัน ก่อนตัดสินใจแยกทางหรือไปต่อ หากเลือกแยกทาง แนะให้เจ้าของกระทู้จัดการหนี้สินตัวเองให้เรียบร้อย และพาลูกออกมาจากครอบครัวแบบนี้ซะ เพราะสามีนั้นทำเหมือนเจ้าของกระทู้กับลูกไม่ใช่ครอบครัวเดียวกัน ดังนั้นอย่าฝืนทน
ขอบคุณที่มา pantip